fbpx

🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

สิวแพ้ครีมคืออะไร? รู้ทันก่อนหน้าพัง! ใช้ครีมผิดชีวิตเปลี่ยน

สิวแพ้ครีมคืออะไร? รู้ทันก่อนหน้าพัง! ใช้ครีมผิดชีวิตเปลี่ยน
สิวแพ้ครีมคืออะไร? รู้ทันก่อนหน้าพัง! ใช้ครีมผิดชีวิตเปลี่ยน

เคยไหม? ใช้ครีมบำรุงผิวเพราะหวังให้หน้าดีขึ้น แต่กลับได้สิวขึ้นมาแทน! นี่อาจเป็น “สิวแพ้ครีม” ปัญหาผิวชวนปวดใจ ที่อาจเกิดจากการระคายเคืองหรือการอุดตันของรูขุมขนจากส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ หากคุณกำลังเผชิญปัญหานี้ Better Me Clinic จะพาคุณไปรู้จักอาการของสิวแพ้ครีม วิธีดูแลรักษา และแนวทางป้องกันเพื่อให้คุณใช้สกินแคร์ได้อย่างมั่นใจ เตรียมตัวรับหน้าใสกลับมาอีกครั้ง!

สิวแพ้ครีมคืออะไร?

สิวแพ้ครีม คือ ภาวะที่ผิวหนังเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่ใช้ โดยส่งผลให้เกิดตุ่มหรือสิวขึ้นบนใบหน้า หรือบริเวณที่ทาครีม อาจมีอาการระคายเคือง แดง คัน หรืออักเสบร่วมด้วย ซึ่งแตกต่างจากสิวทั่วไปที่มักเกิดจากความมันส่วนเกินหรือการอุดตันของรูขุมขน

สิวแพ้ครีมสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่าย โดยมักพบได้บ่อยในผู้ที่ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการดูแลผิวอย่างฉับพลัน หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง อาการอาจรุนแรงขึ้นและส่งผลให้ผิวอ่อนแอลง ทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา

สิวแพ้ครีมมีสาเหตุมาจากอะไร?

สิวแพ้ครีมส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้ส่วนผสมบางอย่างในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น ครีมบำรุง เซรั่ม กันแดด หรือเครื่องสำอางต่างๆ เมื่อผิวสัมผัสกับสารบางชนิดอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ระบบป้องกันผิวจะตอบสนองด้วยการสร้างสิวขึ้นมาเป็นกลไกในการขับสารระคายเคืองออกจากร่างกาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ หรือสะสมจนกระทั่งเกิดปัญหาผิวในระยะยาว

สิวแพ้ครีมมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสาเหตุหลักๆ ได้ดังนี้

  • การแพ้ส่วนผสมในครีม (Allergic Reaction) บางคนอาจมีผิวที่ไวต่อสารบางชนิดในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้และกระตุ้นให้เกิดสิว ซึ่งอาการอาจรวมถึงการอักเสบ คัน หรือเป็นผื่นแดงร่วมกับสิว โดยสารที่มักทำให้เกิดอาการแพ้ ได้แก่ น้ำหอม แอลกอฮอล์บางชนิด พาราเบนที่อยู่ในสารกันเสีย และสีสังเคราะห์
  • การอุดตันของรูขุมขนจากสารในครีม (Comedogenic Ingredients) บางผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อผิว แต่หากเลือกใช้ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน (Comedogenic) ซึ่งจะทำให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบตามมา เช่น ซิลิโคน น้ำมันบางชนิด
  • การใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวพร้อมกัน (Overloading Skincare Products) การใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่มีส่วนผสมที่เข้มข้น ออกฤทธิ์รุนแรง อาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวได้ เช่น การใช้ AHA, BHA และ Retinol ร่วมกัน อาจทำให้ผิวลอก แพ้ หรือเกิดการอักเสบได้
  • การปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์ (Contaminated Skincare Products) บางครั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอาจมีการปนเปื้อนจากแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบของผิวและนำไปสู่สิวแพ้ครีม เช่น ครีมที่หมดอายุ การใช้มือเปล่าหรือไม้พายที่ไม่สะอาดตักครีม

นอกจากสาเหตุที่กล่าวไปข้างต้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวมันแต่ใช้ครีมเนื้อหนักเกินไป หรือผิวแห้งแต่ใช้ครีมที่มีสารผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป ก็เป็นอีกหนึ่งที่ทำให้ผิวเกิดระคายเคืองจนเกิดปัญหาสิวแพ้ครีมได้

ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง
ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง

สิวแพ้ครีมมีลักษณะอย่างไร?

สิวแพ้ครีมมีลักษณะที่แตกต่างจากสิวทั่วไป โดยมักเกิดขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีสารก่อการระคายเคืองหรืออุดตันรูขุมขน อาการที่พบอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปสามารถแบ่งลักษณะของสิวแพ้ครีมได้ดังนี้

  • มีตุ่มเม็ดเล็กๆ ขึ้นบนผิว มักปรากฏเป็นผื่นสิวขนาดเล็กที่ดูเหมือนสิวผด หรือสิวอุดตัน
  • สิวขึ้นอย่างรวดเร็ว มักเกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่
  • สิวกระจายตัวในบริเวณที่ใช้ครีม เช่น แก้ม หน้าผาก คาง หรือบริเวณที่ทาครีมบ่อยๆ
  • สิวอาจมีทั้งแบบหัวขาว หัวดำ หรือสิวอักเสบ ซึ่งแตกต่างจากสิวที่เกิดจากฮอร์โมนที่มักเป็นสิวอุดตันลึกใต้ผิว

โดยทั่วไปเมื่อเป็นแล้วอาจมีผื่นแดงรอบๆ ตุ่มสิว หรือผิวดูอักเสบผิดปกติ มีอาการคันหรือแสบผิวร่วมด้วย โดยเฉพาะเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 

อย่างไรก็ตามการแพ้ครีมแล้วเกิดสิวยังนับว่าเป็นไม่อันตรายมากนัก เพราะยังสามารถรักษาและฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียนและกระจ่างใสเช่นเดิมได้ แต่หากเกิดสิว ร่วมกับการมีตุ่มพุพอง มีน้ำเหลืองไหลซึมออกมา พร้อมๆ กับอาการคันตา คันจมูก ใบหน้าและลำคอบวม 

อาการเหล่านี้อาจมีความเป็นไปได้ว่าเป็นการแพ้ครีมที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หากมีอาการเช่นนี้ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยทันที เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้

สิวแพ้ครีมมีกี่ประเภท?

สิวแพ้ครีมสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะของสิวที่เกิดขึ้นและระดับความรุนแรงของอาการแพ้ โดยทั่วไปสามารถจำแนกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้

  • สิวผด สิวประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ คล้ายผื่นเม็ดทราย หรือเม็ดข้าวสาร มักขึ้นกระจายตัวบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณ หน้าผาก แก้ม และคาง ไม่มีหัวสิวชัดเจน และไม่สามารถบีบออกได้ อาจมีอาการ คัน แสบ หรือระคายเคือง ร่วมด้วย มักเกิดขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ น้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารระคายเคือง
  • สิวอุดตัน สิวประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ ใต้ผิวหนัง มีทั้งแบบหัวขาวและหัวดำ มักเกิดขึ้นในบริเวณที่ใช้ครีม และจะพบมาบริเวณแก้ม คาง และหน้าผาก หากอุดตันรุนแรง สิวประเภทนี้อาจพัฒนาเป็นสิวอักเสบ โดยสิวประเภทนี้มักเกิดจากสารที่มีความมันหรืออุดตันรูขุมขน เช่น ซิลิโคน น้ำมัน ขี้ผึ้ง หรือสารกันแดดบางชนิด
  • สิวอักเสบ สิวประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงอักเสบและบางครั้งมีหัวหนองสีขาว มีอาการ บวม แดง และเจ็บปวด เมื่อสัมผัส มักเกิดจากผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคืองหรืออุดตันรูขุมขนจนเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการใช้ครีมที่มีสารกระตุ้นให้ผิวผลัดเซลล์ผิวเข้มข้นและถี่มากเกินไป

หากพบว่าสิวขึ้นผิดปกติหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจเป็นสาเหตุ เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่รุนแรงขึ้น

วิธีรักษาสิวแพ้ครีม

การรักษาสิวแพ้ครีมนั้นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ หากเป็นสิวแพ้ครีมที่ไม่รุนแรง อาจใช้วิธีหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นต้นเหตุและปรับสกินแคร์ที่เหมาะสมก็สามารถหายเองได้ 

โดยในระยะแรกอาจฟื้นฟูและดูแลผิวด้วยตนเองด้วยการล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน ที่ไม่มีสารระคายเคือง และการใช้มอยเจอไรเซอร์ที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น สูตรที่มีเซราไมด์ (Ceramide) ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) หรือแพนทีนอล (Panthenol) ร่วมกับการใช้สกินแคร์ที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น สารสกัดจากใบบัวบก ว่านหางจระเข้ โดยในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงการสครับและผลัดเซลล์ผิว เพราะอาจทำให้การระคายเคืองรุนแรงขึ้น

ถ้าทำตามแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องใช้ยาเฉพาะทางเพื่อช่วยรักษาสิวแพ้ครีม โดยตัวยาที่นิยมนำมาใช้ในการรักษาสิวแพ้ครีมแบ่งออกเป็น ยาทาภายนอก และ ยารับประทาน

  • ยาใช้ภายนอก เช่น กลุ่ม Benzoyl Peroxide (BPO) ตัวยาจะเข้าไปช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดสิวอักเสบ หรือการใช้ครีมหรือขี้ผึ้งที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อ่อนๆ โดยตัวยาจะช่วยลดการอักเสบและผื่นบนผิวหนัง
  • ยาสำหรับรับประทาน เช่น ยาปฏิชีวนะ สำหรับสิวอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อ ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮิสตามีน (Antihistamines) สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้จากสารก่อภูมิแพ้ และกรดวิตามินเอในรูปแบบยาเม็ด สำหรับสิวที่อุดตันจำนวนมาก หรือสิวอักเสบรุนแรง

ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีการใช้ยาและข้อควรระวังก่อนใช้ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกาผิว ในขณะที่มีอาการแพ้เพราะอาจทำให้อาการแพ้รุนแรงขึ้นและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวแพ้ครีม

การป้องกันไม่ให้เกิดสิวแพ้ครีมสามารถทำได้โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ รวมถึงการดูแลผิวอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคืองและอุดตัน ซึ่งสามารถปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันสิวแพ้ครีม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารอุดตันรูขุมขน (Non-Comedogenic) โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันหรือผิวเป็นสิวง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา เช่น เจลหรือโลชั่น แทนครีมที่มีเนื้อหนัก
  • ตรวจสอบส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ การอ่านฉลากและตรวจสอบส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน ซิลิโคน และน้ำมันที่อาจอุดตันผิว เช่น Mineral Oil หรือ Coconut Oil หากมีประวัติแพ้สารบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเหล่านั้น
  • ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรทำการทดสอบอาการแพ้ (Patch Test) โดยทาผลิตภัณฑ์ลงบนบริเวณผิวที่บอบบาง เช่น หลังใบหู หรือข้อพับแขน แล้วรอดูปฏิกิริยาเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง หากไม่มีอาการระคายเคือง ผื่นแดง หรือคัน แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นอาจปลอดภัยสำหรับผิวหน้า แต่หากเกิดอาการผิดปกติ ควรหยุดใช้ทันที
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวพร้อมกัน การใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวพร้อมกัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์แรง เช่น AHA, BHA, Retinol หรือวิตามินซี อาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวแพ้ครีมได้ง่าย
  • ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์หมดอายุหรือเก็บรักษาไม่ถูกต้อง ผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุ หรือเก็บรักษาไม่ถูกต้อง อาจมีการเปลี่ยนแปลงของสารประกอบ ทำให้เกิดการระคายเคืองและอุดตันผิว ควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ทุกครั้ง และเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ในที่แห้งและเย็น ห่างจากแสงแดดและความร้อน
  • ดูแลความสะอาดของผิวหน้าอย่างถูกวิธี การล้างหน้าเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันสิวแพ้ครีม ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนที่ไม่มีสารระคายเคือง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสมดุลของผิว หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีค่าความเป็นด่างสูง หรือการขัดผิวแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดอาการแพ้ได้ง่าย

นอกจากนี้ยังควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในสถานประกอบการที่เชื่อถือได้ เพื่อป้องกันสินค้าปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน

วิธีฟื้นฟูผิวหลังจากแพ้ครีม

หลังจากหายจากอาการแพ้ครีมแล้ว ผิวยังอาจมีความอ่อนแอ ระคายเคืองง่าย หรือมีรอยแดง รอยดำ และเนื้อผิวไม่เรียบเนียน การฟื้นฟูผิวด้วย หัตถการทางการแพทย์ สามารถช่วยเร่งกระบวนการฟื้นตัวของผิวให้กลับมาแข็งแรงและเรียบเนียนขึ้น โดยมีตัวเลือกที่ได้รับความนิยมดังนี้

1. เลเซอร์หน้าใส (Laser Treatment)

การแพ้ครีมอาจทิ้งรอยแดง (Post-Inflammatory Erythema – PIE) หรือรอยดำ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation – PIH) ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยเลเซอร์ที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด เช่น

  • VBeam Laser (Pulsed Dye Laser – PDL) เหมาะสำหรับลดรอยแดง ช่วยให้เส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวกลับสู่ปกติ ลดอาการอักเสบของผิว
  • Q-Switched Nd:YAG Laser ช่วยลดรอยดำ กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และลดเม็ดสีเมลานินที่ตกค้าง
  • Pico Laser เลเซอร์ความถี่สูงที่ช่วยลดรอยดำและรอยแดงจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

เลเซอร์เหล่านี้ช่วยให้รอยแดงและรอยดำจางลงเร็วขึ้นโดยไม่ต้องรอให้หายเอง ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือปี หากยังไม่แน่ใจว่าตนเองเหมาะเลเซอร์ตัวไหน สามารถนัดหมายแพทย์เพื่อเข้ารับการประเมินผิวได้

2. ทรีตเมนต์ผิว

การทำทรีตเมนต์ผิว คือ การเติมสารอาหารให้กับผิวหน้าโดยตรงผ่านเทคนิคต่างๆ เพื่อดูแลปัญหาผิวด้านเดียว หรือหลายๆ ด้านไปพร้อมกัน ซึ่งในการทำทรีตเมนต์หน้าแต่ละครั้งมักประกอบไปด้วยหลายขั้นตอน

การทำทรีตเมนต์ จะให้ผลลัพธ์คล้ายกับการใช้ครีมบำรุง แต่จะช่วยฟื้นฟูผิวได้ล้ำลึกและเห็นผลรวดเร็วกว่า การทำทรีตเมนต์จึงเหมาะสำหรับฟื้นฟูผิวหลังเกิดอาการแพ้

โดยการทำทรีตเมนต์ที่ Better Me Clinic เรามีขั้นตอนการฉายแสง LED Light Therapy ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดการอักเสบของผิวและฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้นอกจากจะรู้สึกผ่อนคลายขณะทำแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูผิวยังล้ำลึกไปพร้อมๆ กันอีกด้วย

3. การฉีดสารบำรุงผิว (Skin Booster)

การฉีดสารบำรุงผิว เป็นหนึ่งวิธีในการฟื้นฟูผิวโดยการฉีดตัวยาต่างๆ ที่มีคุณสมบัติเฉพาะลงไปที่ผิว เช่น Hyaluronic Acid (HA)  สารต้านอนุมูลอิสระเข้าไปใต้ผิวโดยตรง สารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูความแข็งแรงของผิวที่อ่อนแอจากการแพ้ครีม 

ประเภทของ Skin Booster ที่ได้รับความนิยม ได้แก่

  • โปรแกรมรีจูรัน (Rejuran) เป็นการฉีดวิตามินและสารสกัดต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิว โดยสารสกัดเด่น คือ สารพอลินิวคลีโอไทด์ ซึ่งสกัดมาจากดีเอ็นเอของปลาแซลมอน การฉีดรีจูรันจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยกักเก็บน้ำในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเรียบเนียนขึ้น รวมทั้งยังช่วยลดรอยแดงและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่อีกด้วย
  • การฉีดคอลลาเจน (Made Collagen) เป็นการฉีดตัวยาเข้าไปที่บริเวณชั้นผิวของใบหน้า โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ในการขับสารพิษและของเสีย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น

โดยการฉีดสารบำรุงผิวจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง อ่อนแอ หรือมีริ้วรอยจากอาการแพ้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์ผิว

รักษาสิวแพ้ครีมที่ไหนดี?

ปัญหาแพ้ครีมไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดและสามารถหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การดูแลผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถช่วยป้องกันผิวจากปัญหาผิวอื่นๆ ได้

ถ้าเป็นสิวแพ้ครีมแล้วไม่รู้ว่าควรจะดูแลตัวเองยังไง หรือไม่รู้ว่าควรเลือกดูแลผิวให้แข็งแรงด้วยวิธีใด สามารถติดต่อเข้ามาที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya เพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพผิวและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมแบบเคสบายเคสได้เลย สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ