Profhilo ตัวช่วยฟื้นฟูผิวแห้ง และกระตุ้นคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ
หลายคนอาจคิดว่าการดูแลผิวให้ชุ่มชื้นทำได้แค่การทาครีมบำรุงเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ชั้นผิวของเราจะสูญเสียไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) และคอลลาเจนไปตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยได้ง่าย ยิ่งถ้าปล่อยไว้นาน ผิวก็อาจจะยิ่งเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าที่ควร
Profhilo จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูผิวและช่วยกระตุ้นคอลลาเจนรวมถึงอิลาสตินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ว่าแต่ Profhilo คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง แตกต่างจากสารเติมเต็มอย่างไร มาหาคำตอบพร้อมกันได้ที่บทความนี้!
Profhilo คืออะไร?
Profhilo คือ สารฟื้นฟูผิวที่อยู่ในกลุ่มไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ร่างกายสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ มีหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู และยืดหยุ่น
แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตไฮยาลูโรนิกแอซิดของร่างกายจะลดลง ทำให้ผิวแห้งลง ขาดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น Profhilo จึงถูกพัฒนามาเพื่อช่วยเติมเต็มและฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินอย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นของ Profhilo คือ การใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า NAHYCO Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่รวมไฮยาลูโรนิกแอซิด 2 ขนาดโมเลกุลเข้าด้วยกัน ได้แก่ ไฮยาลูรอนิกที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ (High Molecular Weight) ช่วยคงความชุ่มชื้นในผิวและทำให้ผิวกระชับขึ้น และไฮยาลูรอนิกที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก (Low Molecular Weight) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิว
นอกจากนี้ Profhilo ยังมีสารไฮยาลูรอนิกความเข้มข้นสูงถึง 64 มิลลิกรัม และอยู่ในรูปแบบ Non-crosslinked ซึ่งหมายความว่าไม่มีการใช้สารเคมีเชื่อมโมเลกุล ช่วยลดความเสี่ยงของการแพ้ ผลข้างเคียงต่ำ ตัวยากระจายตัวได้ดี รวมถึงไม่เป็นก้อนหรือทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
Profhilo ช่วยอะไรบ้าง?
ถึงแม้ Profhilo จะเป็นตัวยากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เพิ่งเข้าไทยมาในช่วงเดือนธันวาคม 2024 แต่กลับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีคุณสมบัติในการดูแลผิวที่โดดเด่นหลายด้าน ดังนี้
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน: โดยสารไฮยารูลอนิกจะช่วยส่งสัญญาณให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปริมาณคอลลาเจนที่มากขึ้นจะช่วยให้ผิวแข็งแรง ริ้วรอยดูจางลง ในขณะที่เมื่อปริมาณอีลาสตินเพิ่มมากขึ้น จะช่วยทำให้ผิวกระชับและหย่อนคล้อยได้ยาก
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว: สารไฮยาลูรอนิกบริสุทธิ์เข้มข้นใน Profhilo จะเข้าไปช่วยกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น อิ่มฟู และเปล่งปลั่งขึ้น นอกจากนี้ การได้รับสารไฮยาลูรอนิกในปริมาณที่มากพอยังช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว ผิวจึงชุ่มชื้นได้นานขึ้นอีกด้วย
- ลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ: ถึงแม้สารไฮยาลูรอนิกใน Profhilo จะไม่สามารถเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกได้เหมือนการฉีดสารเติมเต็ม แต่สารไฮยาลูรอนิกใน Profhilo สามารถช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายให้ผิวกลับมาแข็งแรงรวมถึงทำให้ริ้วรอยดูจางลดลงได้
- ลดการอักเสบของผิว: ผิวที่แห้งและขาดความชุ่มชื้นจะมีความไวต่อการระคายเคืองจากปัจจัยภายนอกได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นจากมลภาวะหรือสารเคมี การใช้ Profhilo จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้นขึ้น ลดโอกาสเกิดการระคายเคือง รวมถึงทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการอักเสบเรื้อรังได้น้อย
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและดูอ่อนเยาว์: เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ กระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้จุดด่างดำ ฝ้า กระ ที่เกิดจากแสงแดดหรืออายุที่มากขึ้นดูจางลง ผิวดูสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น
Profhilo ถือว่าเป็นสารบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์หลังทำที่มีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ควรรับบริการกับแพทย์ผู้ชำนาญการและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อให้ได้รับการประเมินสภาพผิวและคำแนะนำที่เหมาะสม
Profhilo เหมาะกับใคร?
Profhilo เป็นสารบำรุงผิวที่เน้นการฟื้นฟูคุณภาพผิวมากกว่าการเติมเต็มหรือปรับรูปหน้าแบบสารเติมเต็ม โดย Profhilo จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวเหล่านี้
- ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ
- ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และขาดความกระชับ
- ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น
- ผู้ที่มีริ้วรอยหรือผิวเสื่อมสภาพในบริเวณที่ไม่เหมาะสมกับการฉีดสารเติมเต็ม เช่น คอ, มือ หรือใต้ตา
นอกจากนี้ Profhilo ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่มากแต่ต้องการดูแลผิวตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วย โดยการฉีด Profhilo จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวก่อนที่ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยได้
Profhilo ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
เนื่องจากตัวยา Profhilo มีความเหลวและกระจายตัวได้ดี ทำให้สามารถฉีดได้ในหลายบริเวณ โดยแต่ละบริเวณอาจมีเทคนิคและให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- ใบหน้า: การฉีด Profhilo บริเวณใบหน้า แพทย์มักจะใช้เทคนิคที่เรียกว่า BAP Technique (Bio Aesthetic Points) ซึ่งเป็นการฉีดตัวยาเข้าไป 5 จุดบนใบหน้าแต่ละข้าง ได้แก่ บริเวณโหนกแก้ม, ฐานจมูก, หน้าใบหู, คาง และมุมขากรรไกร โดยจุดดังกล่าวเป็นจุดที่เชื่อมต่อกันของระบบน้ำเหลืองและเส้นเลือด การฉีด Profhilo ด้วยเทคนิคนี้จะช่วยให้ตัวยากระจายตัวได้อย่างทั่วถึงและให้ผลลัพธ์ที่ดีในการฟื้นฟูผิว
- ใต้ตา: การฉีด Profhilo บริเวณนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใต้ตาหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น และมีริ้วรอยตื้นๆ รอบดวงตา โดยแพทย์จะฉีดตัวยาเป็นจุดเล็กๆ บริเวณใต้ตา ก่อนที่จะปล่อยให้สารไฮยาลูรอนิกกระจายตัวเองตามธรรมชาติ
- ลำคอ: แพทย์จะฉีดตัวยาเข้าไปที่บริเวณลำคอด้านหน้าและด้านข้าง 4-5 จุด หลังฉีดจะช่วยให้ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นบริเวณลำคอดูจางลง ผิวบริเวณลำคอจะดูกระชับขึ้น
- หลังมือ: แพทย์จะฉีดตัวยาเข้าไปทั่วบริเวณหลังมือ รวม 5-10 จุดต่อข้าง เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวบริเวณมือบาง เห็นเส้นเลือดชัด และมือเหี่ยวย่น การฉีด Profhilo จะช่วยให้หลังมือดูชุ่มชื้นขึ้น ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ ทำให้มือดูกระชับ
นอกจากนี้ Profhilo ยังสามารถฉีดได้ในอีกในหลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นแขน ข้อศอก หัวเข่า หน้าอก หรือหน้าท้อง โดยการฉีด Profhilo เข้าไปยังบริเวณดังกล่าวจะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและดูกระชับขึ้น
Profhilo ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
โดยทั่วไปแล้ว การฉีด Profhilo ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี แพทย์มักจะแนะนำให้ฉีดติดต่อกัน 2 ครั้ง โดยแต่ละครั้งห่างกัน 1 เดือน
หลังฉีด Profhilo ครั้งแรก ตัวยาจะเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน โดยผิวจะเริ่มชุ่มชื้นและดูอิ่มฟูขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนหลังจากฉีด Profhilo ครั้งที่สอง การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินจะทำงานได้ดีขึ้นและเห็นผลลัพธ์ได้เต็มที่ในช่วง 1-2 เดือนหลังฉีด
Profhilo แตกต่างจากสารเติมเต็มอย่างไร?
ถึงแม้ Profhilo และสารเติมเต็มจะมีส่วนประกอบสำคัญเป็นสารไฮยาลูรอนิกเหมือนกันทั้งคู่ แต่ตัวยาทั้งสองชนิดก็มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 5 ด้านหลักๆ ได้ดังนี้
1. โครงสร้างและกลไกการทำงาน
- Profhilo: เป็นสารไฮยาลูรอนิกแบบ Non-Crosslinked ที่ไม่สามารถยึดเกาะหรือจับตัวเป็นก้อนได้ จึงสามารถกระจายตัวไปได้ทั่วบริเวณและเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรวมถึงอีลาสตินเพื่อแก้ปัญหาผิวต่างๆ ได้
- สารเติมเต็ม: เป็นสารไฮยาลูรอนิกแบบ Crosslinked ที่มีการเชื่อมโยงโมเลกุลให้คงรูป เมื่อฉีดเข้าไปจะจับตัวกับน้ำและกลายเป็นเนื้อเจล ช่วยเพิ่มปริมาตรของผิวและคงตัวอยู่ในตำแหน่งที่ฉีด ทำให้ผิวดูเต็มอิ่มและได้รูปมากขึ้น
2. วัตถุประสงค์การฉีด
- Profhilo: มีจุดประสงค์หลักในการฟื้นฟูผิวโดยรวม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงสภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้น
- สารเติมเต็ม: มีจุดประสงค์หลักในการเติมเต็มบริเวณที่ยุบลงหรือต้องการปรับรูปหน้า เช่น เติมแก้ม, เติมคาง หรือเติมร่องลึกใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด หรือต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน
3. ผลลัพธ์ที่ได้
- Profhilo: ผิวจะดูชุ่มชื้น อิ่มฟู เปล่งปลั่ง ริ้วรอยเล็กๆ ดูจางลง รวมถึงผิวจะมีความยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ช่วง 3-7 วันแรกหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นหลังฉีดไปแล้ว 4-6 สัปดาห์
- สารเติมเต็ม: บริเวณที่ฉีดสารเติมเต็มเข้าไปจะดูอิ่มฟู รูปหน้าได้สัดส่วน รวมถึงริ้วรอยร่องตื้นและร่องลึกดูจางลงมากขึ้น
4. บริเวณที่ฉีด
Profhilo แตกต่างจาก Sculptra และ Radiesse อย่างไร?
Profhilo
Profhilo มีส่วนประกอบสำคัญ คือ สารไฮยาลูรอนิกบริสุทธิ์หลายขนาด ซึ่งตัวยาจะมีคุณสมบัติในการกระจายตัวได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณกว้างๆ
การฉีด Profhilo จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงช่วยฟื้นฟูผิวโดยรวม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือมีริ้วรอยเล็กๆ ที่ต้องการฟื้นฟูให้ตื้นขึ้น
Sculptra
Sculptra มีส่วนประกอบสำคัญ คือ Poly-L-lactic acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองได้ในระยะยาว ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นขึ้น
โดยกระบวนการนี้จะใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน และต้องฉีดซ้ำ 2-3 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี การทำ Sculptra จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ผิวเริ่มมีปัญหาหย่อนคล้อยและต้องการความกระชับ
Radiesse
Radiesse คือ สารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบสำคัญ คือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งสารนี้จะช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมกัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย เช่น ร่องแก้ม ขมับตอบ รวมถึงผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าหย่อนคล้อย
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสามตัวแล้ว Profhilo จะเหมาะกับการฟื้นฟูคุณภาพผิว ให้ความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวโดยไม่ปรับเปลี่ยนรูปหน้า ในขณะที่ Sculptra เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานหลายปี โดยอาศัยการค่อยๆ กระตุ้นสร้างคอลลาเจนของร่างกาย ส่วน Radiesse เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปหน้าหรือมีปัญหาริ้วรอยมาก
ฉีด Profhilo ที่ไหนดี?
Profhilo เป็นนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน เติมความชุ่มชื้น กระชับผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากถ้าหากฉีด Profhilo โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังได้
หากคุณกำลังตัดสินใจฉีด Profhilo เพื่อฟื้นฟูผิว Better Me Clinic by Dr. Chanya เราพร้อมให้บริการ ด้วยสถานที่และอุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน รวมถึงทุกเคสยังดูแลและให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ หากสนใจสามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
- Driver, G. Profhilo – Everything You Need To Know About The Injectable Treatment. (2024, March 22). Elle. https://www.elle.com/uk/beauty/skin/a39596754/profhilo/
- Krupien, M. What Is Profhilo®? And How Does It Work?. (2023, November 7). Injectual. https://www.elle.com/uk/beauty/skin/a39596754/profhilo/
- PROFHILO FAQ. IBSA Derma. https://simplyfox.co.uk/wp-content/uploads/2018/10/PROFHILO-FAQ-1.pdf
- Profhilo®. Skin Institute. https://www.pennmedicine.org/updates/blogs/health-and-wellness/2020/march/the-magic-behind-face-masks