“โบท็อกซ์ริ้วรอย” ตัวช่วยลดเลือนริ้วรอย ดีจริงไหม? ปลอดภัยหรือเปล่า?
โบท็อกซ์ริ้วรอย นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการรักษาริ้วรอยลำดับต้นๆ ที่แพทย์มักแนะนำ เนื่องจากเป็นวิธีรักษาริ้วรอยที่ทำได้ง่าย เจ็บปวดน้อย และมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยลดเลือนริ้วรอยเดิมที่มีอยู่แล้ว การฉีดโบท็อกซ์ยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ออกไปได้อีกด้วย
วันนี้ Better Me Clinic จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับหัตถการนี้แบบเจาะลึก ตั้งแต่โบท็อกซ์ริ้วรอยคืออะไร? ช่วยลดริ้วรอยได้จริงไหม? ฉีดจุดไหนได้บ้าง? ไปจนถึงเคล็ดลับที่จะช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยอยู่ได้นานๆ ถ้าพร้อมแล้วก็มาหาคำตอบกันที่บทความนี้เลย!
ริ้วรอย คืออะไร?
ริ้วรอย (Wrinkles) คือ ปัญหาผิวที่ทำให้ผิวหน้าเกิดรอยยับเป็นริ้ว เป็นเส้น มักสังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้า แต่ในผู้ที่มีปัญหานี้มาเป็นเวลานานและไม่ทำการรักษา อาจทำให้รอยยับดังกล่าวกลายเป็นร่องลึกลงไปใต้ผิวหนัง จนสามารถสังเกตเห็นริ้วหรือเส้นเหล่านั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องแสดงออกทางสีหน้า
โดยทั่วไปแล้ว ริ้วรอยมักเกิดขึ้นเมื่อเรามีอายุประมาณ 25 ปี และจะเพิ่มจำนวนริ้วบริเวณที่มีปัญหารวมถึงระดับความลึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้หลายคนมักเข้าใจว่าริ้วรอยสามารถเกิดขึ้นได้แค่บนใบหน้าเท่านั้น แต่เพราะริ้วรอยเป็นผลมาจากความเสื่อมโทรมของผิวหนัง ทำให้ริ้วรอยสามารถเกิดขึ้นได้กับผิวทุกส่วนบนร่างกาย โดยจุดที่มักเกิดปัญหาริ้วรอย ได้แก่ ใบหน้า ลำคอ และมือ
ริ้วรอย เกิดจากสาเหตุอะไร?
ผิวที่เต่งตึงประกอบไปด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 อย่าง ได้แก่ อีลาสติน (Elastin) โปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้ในชั้นหนังแท้ ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและคืนสภาพหลังยืดออก คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนที่มีหน้าที่เสมือนกาวที่ยึดเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ เข้าด้วยกัน ช่วยทำให้ผิวอิ่มฟู ดูเรียบเนียน และสุดท้ายกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) สารชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้น มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ แลดูสุขภาพดี
ดังนั้นริ้วรอยจึงเกิดจากการที่ผิวหนังสูญเสียหรือมีปริมาณอีลาสติน คอลลาเจน และกรดไฮยาลูรอนิกไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผิวไม่แข็งแรง ขาดความชุ่มชื้น เสียความยืดหยุ่น และไม่กระชับ เมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้า ผิวที่ย่นไปตามกล้ามเนื้อจึงไม่คืนรูปกลับดังเดิม
สำหรับปัจจัยที่ทำให้สารเหล่านี้มีปริมาณลดลง ได้แก่
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้นเซลล์ต่างๆ จะค่อยๆ เสื่อมสภาพลง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยเลข 3 เซลล์ผิวหนังจะชะลอการแบ่งตัว ทำให้จำนวนอีลาสตินและคอลลาเจนผลิตออกมาได้ลดลง
- ฮอร์โมน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือนมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ที่มีบทบาทในการกระตุ้นสร้างอีลาสตินและคอลลาเจนลดลง จำนวนอีลาสตินและคอลลาเจนในผิวเลยจะลดลงไปด้วย
- ผิวแห้ง เป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้นมากกว่าสภาพผิวอื่นๆ เนื่องจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาได้น้อยกว่าปกติ ผู้ที่มีผิวลักษณะนี้จึงมีชั้นหนังกำพร้าที่บางและมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอ ง่ายต่อการรบกวนจากสภาพแวดล้อม ส่งผลให้อีลาสตินและคอลลาเจนจะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- แสงแดด เป็นตัวการสำคัญของปัญหาผิวหลายชนิด เนื่องจากในแสงแดดจะมีรังสียูวี (Ultraviolet Radiation) ที่สามารถทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ โดยรังสียูวีจะเข้าไปทำลายอีลาสตินและคอลลาเจน รวมถึงกระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว
- การแสดงออกทางสีหน้า อย่างการยิ้ม หัวเราะ หรือขมวดคิ้ว กล้ามเนื้อใบหน้าบริเวณนั้นๆ จะหดตัวและดึงผิวหนังบริเวณนั้นให้ย่น เมื่อทำเป็นประจำกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะคืนรูปได้ช้าลงและเกิดเป็นริ้วรอย เช่น กล้ามเนื้อ Orbicularis Oculi ที่เป็นกล้ามเนื้อรูปวงแหวนล้อมรอบดวงตา
- การสูบบุหรี่ สารเคมีในบุหรี่ เช่น นิโคติน (Nicotine) และน้ำมันทาร์ จะเข้าไปขัดขวางระบบการไหลเวียนโลหิตและกระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระ ทำให้จำนวนอีลาสตินและคอลลาเจนลดลง
- การดื่มสุรา จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะคายน้ำ (Dehydration) ผิวจึงขาดความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร อย่างการรับประทานอาหารที่มีรสหวานมากเกินไปอาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพลงก่อนวัยได้ เนื่องจากน้ำตาลในอาหารจะไปจับกับโปรตีน อีลาสติน และคอลลาเจน จนเกิดสารใหม่ที่ทางการแพทย์เรียกว่า “สารแก่” ส่งผลให้เซลล์ผิวได้รับความเสียหาย จำนวนอีลาสตินและคอลลาเจนจึงลดลง
โบท็อกซ์ริ้วรอย คืออะไร?
โบท็อกซ์ริ้วรอย เป็นหนึ่งในหัตถการลดเลือนริ้วรอยที่แพทย์จะฉีดตัวยาที่ได้จากเชื้อแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินัม ชนิด A (Clostridium Botulinum) ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งการหลั่งของสารสื่อประสาท Acetylcholine ที่ทำหน้าที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อเข้าไปยังกล้ามเนื้อบริเวณที่มีปัญหา
เมื่อตัวยาออกฤทธิ์ กล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะคลายตัวและทำงานลดลงชั่วคราว ทำให้โอกาสที่จะเกิดรอยพับจากการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อลดลงตามไปด้วย
ฉีดโบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยได้จริงไหม?
การฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้จริง เนื่องจากตัวยาจะเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โดยการฉีดโบท็อกซ์จะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหากริ้วรอยเหล่านั้นเกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า เช่น รอยตีนกา รอยระหว่างคิ้ว รอยย่นที่หน้าผาก รอยยิ้ม และร่องแก้ม
อย่างไรก็ตามการฉีดโบท็อกซ์อาจไม่เหมาะกับการรักษาริ้วรอยบางประเภท เช่น ริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวในปริมาณมากหรือริ้วรอยบริเวณมุมปาก เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการปากเบี้ยวได้
ถึงแม้การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยรอบดวงตาจะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงหลายอย่าง เช่น ดวงตาดูแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ ดวงตาเปิด-ปิดผิดปกติ ดังนั้นผู้เข้ารับบริการจึงจำเป็นต้องเข้ารับบริการในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและให้บริการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้น
โบท็อกซ์ริ้วรอยมีข้อดีอย่างไร?
ปัจจุบันการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะให้ผลลัพธ์หลังทำที่ชัดเจน สามารถรักษารอยตีนการ่องตื้นได้ โดยข้อดีของโบท็อกซ์มีดังนี้
- เป็นหัตถการที่ปลอดภัย เนื่องจากตัวยาโบท็อกซ์ทุกตัวที่ใช้ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน จะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration: FDA) และสำนักคณะกรรมการอาหารและยาในประเทศไทย (อย.) ว่าปลอดภัยและสามารถรักษาปัญหาริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต เนื่องจากตัวยาโบท็อกซ์สามารถออกฤทธิ์ได้นาน 3-4 เดือน ทำให้เมื่อฉีดโบท็อกซ์แล้วนอกจากจะลดเลือนริ้วรอยเดิมที่มีอยู่ ยังลดโอกาสที่เกิดริ้วรอยใหม่ได้อีกด้วย
- ผลข้างเคียงน้อย หากรับบริการกับแพทย์ที่มีความชำนาญ การฉีดโบท็อกซ์จะทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำที่น้อยมาก รวมถึงหลังรับบริการยังไม่ก่อให้เกิดอาการบวม ช้ำ หรือหากมีรอยเข็มก็จะหายได้เองภายใน 1-3 วัน
- ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ หลายคนมักกังวลว่าการฉีดโบท็อกซ์อาจทำให้ใบหน้าดูแข็ง แสดงสีหน้าได้ไม่เป็นธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้วการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยนั้นช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ หากมีใบหน้าแข็ง แสดงสีหน้าได้ลำบาก มีโอกาสสูงที่จะเกิดจากความผิดพลาดในการทำงานของแพทย์
โบท็อกซ์ริ้วรอยฉีดจุดไหนได้บ้าง?
โบท็อกซ์ริ้วรอยสามารถฉีดได้หลายจุด ดังนี้
- หน้าผาก (Horizontal Forehead Lines) เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการยกคิ้วขึ้น ทำให้เห็นเป็นริ้วรอยแนวขวาง
- ระหว่างคิ้ว (Frown Lines) เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการขมวดคิ้ว มีลักษณะคล้ายเลข 11 บริเวณกลางหน้าผาก
- รอบดวงตา (Crow’s Feet) หรือตีนกา เป็นบริเวณที่ง่ายต่อการเกิดริ้วรอยที่สุด เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีผิวบางเป็นพิเศษ เมื่อเกิดริ้วรอยจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและแก่กว่าวัย
- ร่องแก้ม (Nasolabial fold) เป็นบริเวณที่มีสาเหตุมาจากความหย่อนคล้อยของผิว หลังฉีดโบท็อกซ์จะช่วยทำให้แก้มดูเต่งตึงขึ้น อย่างไรก็ตามหากมีปัญหาร่องแก้มลึกอาจต้องทำการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์แทน
- จมูก (Bunny Lines) เป็นรอยย่นที่เกิดจากการหยีตาและการยกปากขึ้นพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดเป็นริ้วรอยเส้นเล็กๆ จำนวนมาก หากใครที่ชอบยิ้มกว้างมากๆ หรือชอบย่นจมูกบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดริ้วรอยบริเวณนี้ได้
- รอยย่นเหนือริมฝีปาก (Radial Lip lines หรือ Smoker’s Lines) มักเกิดในผู้ที่ติดนิสัยทำปากจู๋เป็นประจำ เช่น ผู้ที่ดูดน้ำจากหลอด ผู้ที่สูบบุหรี่ นักดนตรีที่เล่นเครื่องเป่า
- ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines) เป็นริ้วรอยที่อยู่บริเวณมุมปากยาวไปจนถึงบริเวณแนวขากรรไกร มักเกิดจากการแสดงสีหน้าอย่างชัดเจน เช่น การเบะปาก โดยบริเวณนี้อาจต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพราะหากฉีดมากเกินไปอาจทำให้รอยยิ้มดูไม่เป็นธรรมชาติได้ ส่วนมากแพทย์จะแนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์
- รอยย่นที่คาง (Chin Line หรือ Pebble Chin) มีลักษณะเป็นรอยพับบริเวณคาง มักเกิดขึ้นเมื่อเราพยายามยกกล้ามเนื้อคางขึ้น เช่น การเบะปาก
ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยกี่วันถึงจะเห็นผล?
ในการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยอาจไม่สามารถสังเกตเห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่จะเริ่มสังเกตเห็นผลลัพธ์ได้เมื่อฉีดไปแล้วประมาณ 3-4 วัน โดยสังเกตได้จากความรู้สึกตึงๆ ที่ผิว ก่อนที่อาการตึงจะเพิ่มมากขึ้นและให้ผลลัพธ์ดีที่สุดเมื่อผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของโบท็อกซ์นั้นจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ก่อนที่ประสิทธิภาพจะค่อยๆ ลดลง ทั้งนี้ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตำแหน่งที่รับบริการ ยี่ห้อและจำนวนยูนิตที่ใช้ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังรับบริการ
หากเริ่มมีความกังวลเรื่องริ้วรอยและต้องการกลับมาฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยอีกครั้ง Better Me Clinic แนะนำให้เว้นระยะห่างจากการฉีดครั้งก่อนหน้าอย่างน้อย 3 เดือน และควรฉีดด้วยยี่ห้อเดิม เนื่องจากการเปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์บ่อยๆ อาจก่อให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ได้
ดูแลตัวเองอย่างไรให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยอยู่ได้นาน
หลังรับบริการ เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยมีประสิทธิภาพและคงสภาพไว้ได้ยาวนาน Better Me Clinic ขอแนะนำให้ผู้รับบริการดูแลตัวเอง ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า โดยงดการถู นวด หรือเกาบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์เป็นเวลา 48 ชั่วโมง
- งดการสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงมากเกินไป เช่น การอบซาวน่า การแช่น้ำร้อน รวมถึงระวังอย่าให้ลมร้อนจากไดร์เป่าผมไปเป่าโดนบริเวณที่เพิ่งฉีดโบท็อกซ์มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ใช้ความร้อน โดยเฉพาะนวัตกรรมในกลุ่มยกกระชับ เช่น HIFU Thermage หรือ Ulthera เพราะความร้อนอาจทำให้ตัวยาลดประสิทธิภาพลง หากต้องการทำหัตถการยกกระชับควรทำหลังจากฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วอย่างน้อย 14 วัน
- ควรนอนหงายหนุนหมอนสูง ในช่วง 2-3 คืนแรกหลังฉีดโบท็อกซ์ และหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เพราะอาจทำให้ตัวยากระจายตัวไปยังจุดที่ไม่ได้ต้องการทำการรักษาได้
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสองสิ่งนี้จะทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ รวมถึงทำให้เลือดหมุนเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดลง
- หลังรับบริการหากมีอาการบวมแดงหรือช้ำจากการใช้เข็มสามารถใช้น้ำแข็งประคบได้ โดยอาการจะหายไปเองภายใน 1-2 วันหลังรับบริการ
ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยที่ไหนดี?
เนื่องจากการฉีดโบท็อกซ์เป็นการฉีดตัวยาเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อโดยตรง ดังนั้นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเมื่อต้องการฉีดโบท็อกซ์ คือ ความน่าเชื่อถือของคลินิก เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำการรักษาด้วยตัวยาปลอม รวมถึงควรหาข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์ผู้ให้บริการอย่างละเอียด โดยเฉพาะเมื่อต้องการฉีดบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง เช่น รอบดวงตา หรือมุมปาก
อย่างไรก็ตามโบท็อกซ์สามารถรักษาได้เพียงริ้วรอยร่องตื้นเท่านั้น หากยังไม่มั่นใจว่าผิวของเราสามารถรักษาได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์หรือไม่ หรือควรรักษาด้วยวิธีอื่นๆ สามารถติดต่อเข้ามาที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya เพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพผิวและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมแบบเคสบายเคสได้เลย
นอกจากการฉีดโบท็อกซ์แล้วเรายังมีบริการรักษาริ้วรอยอื่นๆ ไว้รองรับอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเลเซอร์ลดริ้วรอย Ultraformer lll Ulthera และ Thermage หากสนใจสามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
- BeDee, อัปเดต! เคล็ดลับหน้าดูเด็ก ลดเรือนและป้องกัน “ริ้วรอย” (https://www.bedee.com/articles/skin-aesthetic/wrinkle), 27 เมษายน 2567.
- Bioderma, ริ้วรอยบนใบหน้า รอบดวงตา เกิดจากอะไร ป้องกันอย่างไร(https://www.bioderma.co.th/your-skin/skin-and-sun/wrinkle#p-5370), 27 เมษายน 2567.
- HDmall, ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ (https://hd.co.th/what-is-botox-how-to-take-care-before-after), 27 เมษายน 2567.