แก้มหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก แก้ได้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
ปัจจุบัน ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก มักเกิดขึ้นกับผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงอายุ 30 ปี ขึ้นไป เนื่องจากสภาพผิวเปลี่ยนแปลงไปตามอายุและขาดคอลลาเจน
อีกทั้งมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ส่งผลให้ผู้หญิงหลายๆ คนขาดความมั่นใจ เช่น ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก ซึ่งทางเราได้รวบรวมข้อมูล เพื่อทำความรู้จักกับปัญหาแก้มหย่อนคล้อย และร่องแก้มลึก สาเหตุที่ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัยอันควร พร้อมทั้งแนะนำวิธีรักษาร่องแก้มลึกที่จะช่วยให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป ไม่ต้องคอยกังวลใจ
แก้มหย่อนคล้อย คืออะไร?
แก้มหย่อนคล้อย คือ การที่คอลลาเจนบนใบหน้ามีปริมาณลดลงจากเดิม ทำให้สภาพผิวบนใบหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีอายุมากขึ้น ผิวหนังบนใบหน้าพับหย่อน
ลงมา เห็นร่องใต้ตา หรือมีริ้วรอย และมักจะเกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้า เช่น บริเวณคอ มีเหนียงที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนหรือมีรอยย่น ถ้าเกิดขึ้นบริเวณหน้าผากและคิ้ว หน้าผากจะมีรอยพับ และมีคิ้วตก หากเกิดขึ้นบริเวณช่วงแก้ม อาจส่งผลให้มีร่องแก้มลึก หน้าตอบ เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้หน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึกมีอะไรบ้าง?
แก้มหย่อนคล้อยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน แบ่งเป็นปัจจัยภายในจากอายุเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้คอลลาเจนบริเวณใบหน้ามีประสิทธิภาพลดลง หรือเสื่อมสภาพ และปัจจัยภายนอก ซึ่งเกิดจากเราโดนฝุ่นควันนั่นเอง โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก มีดังต่อไปนี้
อายุที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น จะมีปัญหาผิวบนใบหน้าตามมา เช่น จุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดริ้วรอย แก้มหย่อนคล้อย ผิวดูหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน หรือผิวบริเวณชั้นนอกผลัดตัวช้า ขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวเริ่มสูญเสียคอลลาเจน ซึ่งหากผิวขาดคอลลาเจน จะทำให้เกิดผลเสียอื่นๆ ตามมาได้ เช่น ผิวเกิดการยุบตัว ทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึกนั่นเอง
ความเครียด
ความเครียด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแก้มหย่อนคล้อย เนื่องจากเมื่อเราเครียด จะทำให้แสดงออกทางสีหน้า ขมวดคิ้ว หรือเกิดรอยย่นบนใบหน้า หากเรามีความเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป อาจส่งผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือทำงานไม่ปกติ หากระบบร่างกายทำงานไม่ปกติ จะทำให้ผิวหน้าเรามีความหย่อนคล้อย หรือร่องแก้มลึกได้ ดังนั้นการที่เราไม่มีความเครียดก็จะทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทำงานได้ดี ช่วยทำให้ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัย
แสงแดด
แสงแดดเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดแก้มหย่อนคล้อย เนื่องจากแสงแดดมีส่วนที่เข้าไปทำลายเซลล์ผิวบนใบหน้า หากเราโดนรังสียูวีจากแสงแดดบ่อยครั้ง ย่อมส่งผลให้ใบหน้าขาดความชุ่มชื้นและเป็นริ้วรอย หลังจากที่เกิดริ้วรอยแล้ว จะส่งผลเสียให้ผิวดูหยาบกร้าน นำไปสู่ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก อีกทั้งแสงแดดยังทำให้ผิวหน้าคล้ำจนขาดความมั่นใจ ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงการโดนรังสียูวีจากแสงแดด
ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่มีผลเสียตามมาหลายอย่าง เช่น ทำให้แก้มหย่อนคล้อย หรือระบบภายในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป เมื่อเราดื่มหรือสูบเข้าไปมากๆ จะเข้าไปทำลายระบบไหลเวียนเลือดและปอดได้
โดยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์เป็นกรด ส่งผลให้เกิดการทำลายผิว หรือทำลายคอลลาเจน อีกทั้งหากจำนวนคอลลาเจนลดน้อยลงเรื่อยๆ จะทำให้ผิวเสื่อมลง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึกนั่นเอง รวมถึงการสูบบุหรี่ซึ่งทำให้สุขภาพทางปอดเสียหายอีกด้วย
แก้มหย่อนคล้อยแก้ได้ ด้วย 5 วิธีรักษาร่องแก้มลึก
การแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย สามารถแก้ไขได้โดยหลากหลายวิธี ทางเราจึงเแนะนำด้วย 5 วิธีรักษาร่องแก้มลึก เพื่อให้หลายคนที่กังวล ได้กลับมามีใบหน้าสวยใส ดูกระชับ และเต่งตึงอีกครั้งด้วยวิธีดังต่อไปนี้
Botox
การฉีดโบท็อกซ์ เป็นการช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย โดยการที่โบท็อกซ์เข้าไปช่วยกระชับปรับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียน อีกทั้งช่วยในการคลายตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ซึ่งส่งผลดีทำให้แก้มดูเต่งตึงและยังเป็นวิธีรักษาร่องแก้มลึกที่ดีโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด
โดยภายในโบท็อกซ์ จะมีสารที่ชื่อว่า สารโปทูลินั่มซึ่งเข้าไปจับตัวกับเซลล์ประสาท ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ รวมถึงส่งผลให้ริ้วรอยหรือรอยพับลดหายไป
ข้อดีของ Botox
- ข้อดีของ Botox
- ใช้ระยะเวลาสั้นๆ ในการพักฟื้นและมีความปลอดภัย
- ช่วยกระชับและลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ให้จางหายได้อย่างรวดเร็ว
- ซึ่งแก้มหย่อนคล้อยจะดูเรียบเนียนและเต่งตึงขึ้นภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์
- ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และเรียวเล็กลง
- มีราคาประหยัดและไม่แพงมากเกินไป
- มีผลข้างเคียงน้อยหลังการฉีด
ข้อเสียของ Botox
- หน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ หากฉีดเกินปริมาณที่กำหนด
- อาจมีความเครียด หรือวิตกกังวลหลังฉีด หากฉีดมาแล้วหน้าตึงเกินไปหรือไม่เป็นแบบที่ต้องการ
- หนังตาตก ใบหน้าแข็ง เนื่องจากกล้ามเนื้อบนใบหน้าตึง
- มีอาการอักเสบ คัน หรือปวดในบริเวณที่ฉีด
- มีการติดเชื้อได้ หากใช้อุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการทำความสะอาด
- มีอาการปวดศีรษะหรือรู้สึกเหมื่อยบนใบหน้า
Filler
ฟิลเลอร์ เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่นำมาฉีด เพื่อแก้ไขปัญหาแก้มหย่อนคล้อย เนื่องจากฟิลเลอร์มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในเรื่องผิว ทำให้ใบหน้าดูกระชับ อีกทั้งเป็นวิธีรักษาร่องแก้มลึกได้ดี โดยฟิลเลอร์เป็นสารที่เติมเต็มผิวหน้าร่องลึกให้กลับมาเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
โดยภายในฟิลเลอร์มีสารที่เรียกว่า โพลีแซคคาไรด์ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายของคนเรา ซึ่งเข้าไปช่วยปรับสภาพผิวบนใบหน้า ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมากในการปรับรูปหน้าให้เล็กลง รักษาริ้วรอย ลดการเกิดปัญหาผิวที่เหี่ยวย่น ทำให้ใบหน้าดูสวยงาม รวมถึงเราสามารถเลือกฉีดได้ตามชนิดของฟิลเลอร์ที่มีความเหมาะสมกับใบหน้า
ข้อดีของ Filler
- ช่วยให้ใบหน้าเรียบและกระชับยิ่งขึ้น
- แก้ไขปัญหาผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียน พร้อมลดเลือนริ้วรอย
- มีความปลอดภัยสูง
- ช่วยปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องทำศัลยกรรม
- บำรุงผิวพรรณให้ดูสดใส
- เห็นผลลัพธ์เร็วหลังจากฉีด
- ช่วยลดรูขุมขนใบหน้าให้เล็กลง
- ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น
ข้อเสียของ Filler
- ใบหน้าอาจบวมแดงหลังการฉีด
- มีอาการอักเสบ หรือผิวแพ้ได้ หากอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน
- หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปอาจส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายได้
- เกิดอาการคันในบริเวณที่ฉีด
- ใบหน้ามีรอยเขียวช้ำ
- เกิดอาการเกร็งเมื่อยิ้ม
- ถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากมีอาการแพ้อย่างรุนแรง
Hifu
ไฮฟู คือ เครื่องมือที่ช่วยยกกระชับบนใบหน้า และแก้ไขปัญหาแก้มหย่อนคล้อย เนื่องจากไอฟูมีส่วนช่วยหลายๆ อย่างที่ทำให้ผู้หญิงกลับมามั่นใจ เช่น ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียบเนียน อ่อนกว่าวัย ลดเหนียงบนใบหน้า อีกทั้งช่วยลดรูขุมขน ทำให้ใบหน้าเด้ง กรอบหน้าดูชัดขึ้น เป็นต้น
ขั้นตอนการทำไฮฟูนั้นมีไม่ยุ่งยาก โดยอาศัยการปล่อยพลังงานคลื่นเสียงผ่านการอัลตร้าซาวด์ไปยังผิวหน้า ทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ หลังจากการทำ ไม่ต้องพักฟื้น ประกอบกับการทำงานของเซลล์ Fibrolasts ที่สามารถช่วยกระตุ้นผิวหน้าให้ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ใบหน้ายืดหยุ่น จึงนับเป็นวิธีรักษาร่องแก้มลึกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูง
ข้อดีของ Hifu
- ช่วยลดรูขุมขนบนใบหน้า
- กระชับผิวหน้าให้ดูดีและช่วยยกกระชับได้ทั้งร่างกาย
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนซึ่งมีส่วนช่วยให้หน้าอ่อนวัย
- กรอบหน้าชัดเจน
- เห็นผลไวและใบหน้าเด้ง
- ช่วยลดเหนียงบนใบหน้า
- มีความปลอดภัยสูง
- ไม่มีรอยแดงหรือเขียวช้ำ
- ใบหน้าดูเรียบเนียน
ข้อเสียของ Hifu
- มีราคาค่อนข้างสูง
- หากโดนแสงแดดหลังการทำ จะส่งผลให้ใบหน้าฟื้นฟูไม่เต็มที่
- ส่งผลต่อผู้ที่มีปัญหาด้านผิวหนัง
- สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการทำไฮฟู
- การสูบบุหรี่หลังการทำไฮฟู ส่งผลให้เซลล์สร้างคอลลาเจนลดน้อยลงและไม่มีประสิทธิภาพ
Ulthera
อัลเทอร่า คือ เครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดเลือนริ้วรอย รักษาร่องแก้มลึกให้ดูตื้นขึ้น โดยการปล่อยคลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ไปยังชั้นผิว ทำให้ฟื้นฟูสภาพผิวได้ดี รอยต่างๆ บนใบหน้าก็จางหายไป และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด อีกทั้งไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น
ซึ่งการทำงานของอัลเทอร่านั้น เป็นลักษณะคลื่นที่มีความถี่สูง โดยใช้ยิงลงไปบนผิวหน้า ทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน รวมถึงเรื่องผิวที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าอัลเทอร่าเป็นวิธีรักษาร่องแก้มลึกด้านเทคโนโลยีที่มีคุณภาพอีกวิธีหนึ่งเลย
ข้อดีของ Ulthera
- เห็นผลการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วหลังการทำ
- กระชับผิวหนังให้เต่งตึง
- ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
- ใบหน้าดูดีขึ้น
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายเดือนหลังการทำ
- มีความปลอดภัย
ข้อเสียของ Ulthera
- มีอาการเจ็บหรือระบม
- มีราคาสูงเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ
- หากมีสิวอักเสบไม่ควรทำ
- หากมีโรคประจำตัวส่งผลเสียต่อร่างกาย
- ควรหลีกเลี่ยงการทำ ถ้าฉีดฟิลเลอร์หรือทำหน้าอย่างอื่นมาเป็นเวลา 1 เดือน
Thermage
เทอร์มาจคือ เครื่องมือทางเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ช่วยปรับใบหน้าให้เล็กลง หรือดูเรียวขึ้น แก้หางตาตก ที่สำคัญช่วยทำผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นเรื่อยๆ มีส่วนช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูชั้นผิวให้เรียบเนียน
โดยการทำงานของเทอร์มาจ เป็นการนำเทคโนโลยีพลังงานคลื่นวิทยุยิงเข้าไปยังชั้นผิวและชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดความร้อนภายในผิว ส่งผลให้ภายในเซลล์ผิวเกิดความกระชับ มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงมากขึ้น อีกทั้งนำมาเป็นวิธีรักษาร่องแก้มลึกที่ได้มาตรฐาน
ข้อดีของ Thermage
- มีความปลอดภัย
- ทำให้ผิวแน่นและดูแข็งแรง
- ปรับรูขุมขนให้เล็กลง
- กระชับผิวและช่วยให้ผิวยืดหยุ่น
- แก้ปัญหาแก้มห้อย
- ลดเหนียง
- ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก
- เทคโนโลยีมีคุณภาพสูงในการช่วยปรับหน้า
ข้อเสียของ Thermage
- มีโอกาสเกิดรอยแดงหลังการรักษา
- มีราคาสูง
- เกิดอาการผิวไหม้หรือพอง หากใช้พลังงานที่มีความร้อนสูง
- เจ็บระบม หรือเกิดอาการบวมได้
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านผิวหนังมาก่อน
ร้อยไหม ยกกระชับหน้า
ร้อยไหม ยกกระชับหน้าคือ การใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปในใบหน้า ใต้ชั้นผิว โดยมีเงี่ยงจากไหมที่ยึดเกาะชั้นผิว ช่วยยกกระชับให้ได้ตามบริเวณที่ต้องการ เลยทำให้แก้มหย่อนคล้อยกระชับขึ้นได้ รวมถึงเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้อีกด้วย สำหรับคนที่แก้มหย่อนจนมีรอยยับที่ร่องแก้ม ร้อยไหมเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาร่องแก้มลึก ให้ร่องแก้มตื้นขึ้น ดูดีขึ้น
ข้อดีของการร้อยไหม ยกกระชับหน้า
- แก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยได้ผลรวดเร็วขณะทำ เห็นได้จากเงี่ยงไหมที่ดึงผิวขึ้นมา
- ไหมที่ร้อยถูกต้องและเหมาะสมกับชั้นผิว ช่วยประคองผิวให้ดูธรรมชาติ
- ไหมละลายปัจจุบันละลายเองได้ทั้งหมด ไม่เหลือตกค้าง
- ดึงไขมันจากแก้มด้านล่างขึ้นมาให้แก้มที่ตอบดูเต็มขึ้นได้
- ร้อยไหมกับแพทย์ที่ชำนาญและมีประสบการณ์ ทำให้หน้าไม่บวม
- ใช้ไหมเส้นเล็กเพื่อร้อยในจุดเล็กๆ ที่มีริ้วรอยบนใบหน้า ได้เช่นกัน
ข้อเสียของการร้อยไหม ยกกระชับหน้า
- หากร้อยไม่ถูกต้อง ไปผิดทิศทาง อาจทำให้เกิดรอยบุ๋มตามแนวร้อยไหม
- จากที่สร้างคอลลาเจน ถ้าสร้างมากจนเกิดไป อาจกลายเป็นพังผืดได้
- ไหมละลายที่อยู่นานแต่ไม่ยืดหยุ่น เมื่อเวลาผ่านไป สามารถทะลุออกมานอกชั้นผิว
- ช้ำได้ง่ายถ้าทำร้อยไหม จากการฉีดยาชา เลือดที่คั่งใต้ผิว อาการบวมมากจะอยู่ช่วง 3-4 วันแรกที่ทำ แล้วค่อยๆ หายบวมใน 7-14 วัน
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป เพราะผิวที่หย่อนคล้อยและขาดคอลลาเจนกว่าวัยอื่น จึงให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับหน้าได้ไม่นาน
สรุปแก้มหย่อนคล้อย แก้ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?
แก้มหย่อนคล้อย คือ การที่ใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงจากผิวหน้าที่เคยเต่งตึงกลายเป็นผิวหย่อนคล้อย ใบหน้ามีร่องลึก มีเหนียง หรือใบหน้าดูไม่กระชับ ส่งผลให้ใบหน้าไม่อ่อนเยาว์หรือดูมีอายุเกินวัย ทำให้หมดความมั่นใจได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงโดยเฉพาะช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป
อีกทั้งมีสาเหตุหลักมาจากการที่มีอายุมากขึ้น ทำให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนลดน้อยลง ส่งผลให้บริเวณภายในชั้นผิวขาดคอลลาเจนในการช่วยกระตุ้นผิวให้กระชับเรียบเนียน ก่อให้เกิดปัญหาแก้มหย่อนคล้อยหรือร่องแก้มลึกตามมา
แต่ในปัจจุบันเราสามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ไม่ยาก โดยการที่เราสามารถเข้าไปปรึกษาแพทย์และเลือกรักษาตามขั้นตอนที่ถูกต้องหรือเหมาะสมกับใบหน้า เช่น การเลือกฉีดฟิลเลอร์ มีผลดีคือทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน กระชับ และราคาไม่แพง แต่ผลเสียคือมีรอยแดง อักเสบ หรือมีอาการคันในบริเวณที่ฉีด เป็นต้น
ดังนั้นเราจึงควรเลือกรักษาในปริมาณที่พอเหมาะ รวมถึงพิจารณาหรือศึกษาข้อมูลให้ดี เพื่อจะเป็นผลดีต่อตัวเราและช่วยทำให้แก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย