Ultraformer III ตัวช่วยยกกระชับผิว บอกลาผิวหย่อนคล้อยอย่างอยู่หมัด
การทำ Ultraformer III เป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย และความหย่อนคล้อยของผิวหน้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังช่วยกระชับสัดส่วนตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน หรือต้นขา
สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยตามวัย แล้วอยากเลือกทำ Ultraformer III เพื่อรักษาปัญหาผิวที่เกิดขึ้น ห้ามพลาดบทความนี้เลย เพราะ Better Me Clinic by Dr. Chanya จะพาไปทำความรู้จักกับ Ultraformer III กันอย่างละเอียดว่าดีอย่างไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง? เหมาะกับใคร? และ Ultraformer III จะมีความแตกต่างจาก Ulthera และ Thermage มากน้อยแค่ไหน? ไปดูพร้อมกันเลย!
Ultraformer III คืออะไร? มีหลักการทำงานอย่างไร?
Ultraformer III เป็นหนึ่งในยี่ห้อของเครื่องมือในการทำหัตถการ HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) มีหลักการทำงานโดยการปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงเข้าไปยังผิวหนังในชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า
โดย Ultraformer III จะปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ที่มีชื่อเฉพาะอย่าง Micro & Macro Focused Ultrasound (MMFU) เข้าไปใต้ผิว คลื่นชนิดนี้เป็นคลื่นที่มีความถี่สูงและเฉพาะเจาะจง ทำให้สามารถส่งพลังงานความร้อนลงสู่ผิวได้ถึง 60-70 องศาเซลเซียส และแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
คลื่นพลังงานจะถูกเปลี่ยนให้เป็นความร้อนเมื่อลงสู่ผิวหนังชั้นใน โดยความร้อนจะเข้าไปทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนที่ผิวบริเวณนั้นจะหดตัวและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่เพื่อมาซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแลดูกระชับและอิ่มฟูในเวลาเดียวกัน
การทำ Ultraformer III มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากไม่มีการฉีดสารใดๆ เข้าสู่ร่างกาย เป็นเพียงวิธีการที่กระตุ้นให้ร่างกายกระตุ้นคอลลาเจนมาบำรุงผิวเท่านั้น ที่สำคัญสามารถยิงพลังงานลงลึกได้ทุกชั้นผิว สามารถทำหัตถการได้ทั้งบริเวณใบหน้าและสัดส่วนอื่น ๆ ตามร่างกาย ทำให้ผิวเต่งตึงดูอ่อนเยาว์ ลดปัญหาริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยอีกด้วย
Ultraformer III ต่างจากการทำ HIFU ด้วยเครื่องอื่นๆ อย่างไร?
เครื่อง HIFU ทั่วไปจะใช้พลังงานเป็นจุดขนาด 0.3-0.5 mm ส่งผลให้ไม่สามารถยิงพลังงานลงสู่ชั้นผิวได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ Ultraformer III สามารถยิงพลังงานเป็นจุดขนาด 0.5-1 mm รวมทั้งมีพลังงานที่สูงกว่าจึงสามารถยิงพลังงานลงสู่ชั้นผิวได้กว้างและลึกกว่า ส่งผลให้ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการยกกระชับด้วย Ultraformer lll จะได้ชัดกว่า HIFU ปกติทั่วไป ถึง 5 เท่า
นอกจากนี้แล้วการยกกระชับด้วย HIFU จะเห็นผลลัพธ์ได้ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับ Ultraformer III ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งขนาดของจุดโฟกัสที่เล็กกว่า ความสามารถในการปล่อยพลังงานที่ต่ำกว่า รวมทั้งความเสถียรในการยิงพลังงานระดับสูงก็ยังเสถียรน้อยกว่าอีกด้วย
หากกำลังมองหากหัตถการยกกระชับหน้าที่ให้ผลลัพธ์ได้รวดเร็ว ทันใจ การเลือก Ultraformer III อาจเหมาะกว่า
Ultraformer III มีกี่หัว? แต่ละหัวทำงานต่างกันอย่างไร?
Ultraformer III เป็นการปล่อยพลังงาน 2 รูปแบบ นั่นคือ พลังงานแบบ Micro Focused Ultrasound และ Macro Focused Ultrasound
โดยหัวยิงของพลังงานที่เป็นรูปแบบ Micro Focused Ultrasound จะมีหัวยิงที่แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเลือกใช้อยู่ทั้งหมด 3 แบบหลัก ๆ ซึ่งหัวแต่ละแบบถูกออกแบบมาเพื่อรักษาปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- หัวยิงความลึกระดับ 1.5-2.0 มิลลิเมตร พลังงานสามารถลงลึกได้ถึงเพียงผิวหนังชั้นบน (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งหัวยิงความลึกระดับนี้จึงเหมาะสำหรับใช้รักษาเรื่องริ้วรอย หรือร่องตื้น เช่น ริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ริ้วรอยระหว่างคิ้ว หรือริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เป็นต้น
- หัวยิงความลึกระดับ 3.0 มิลลิเมตร พลังงานสามารถลงลึกได้ถึงผิวหนังชั้นกลาง ซึ่งหัวยิงความลึกระดับนี้เหมาะสำหรับใช้รักษาเรื่องปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย ช่วยลดทั้งไขมันส่วนเกิน และลดเซลลูไลท์ รวมทั้งกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวดูเปล่งปลั่งอิ่มฟู
- หัวยิงความลึกระดับ 4.5 มิลลิเมตร พลังงานสามารถลงลึกได้มากที่สุด โดยสามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่มีคอลลาเจนเรียงตัวกันเป็นแนวนอน และเป็นชั้นที่มีความสำคัญต่อการหดหัวของผิวหน้า หัวยิงความลึกระดับนี้จึงเหมาะสำหรับการยกกระชับผิวทั้งบริเวณแก้ม เหนียง ลำคอ และเก็บกรอบหน้า
ส่วนหัวยิงของพลังงานที่เป็นรูปแบบ Macro Focused Ultrasound แบ่งออกเป็น 3 แบบตามระดับความลึก ได้แก่ หัวยิง 6 มิลลิเมตร 9 มิลลิเมตร และ 13 มิลลิเมตร
หัวยิง Macro Focused สามารถยิงพลังงานได้สูงกว่า Micro Focused Ultrasound ถึง 8 เท่า เน้นการสลายไขมัน และยกกระชับผิว
Ultraformer III ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
การทำ Ultraformer III มีคุณสมบัติสำคัญ คือ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยลดริ้วรอยและยกกระชับผิวได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำคอ รวมไปถึงในส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย จึงถูกนำมาใช้แก้ปัญหาผิวอย่างหลากหลาย เช่น
- ช่วยลดเหนียง
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก
- ช่วยยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย เก็บกรอบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ช่วยยกกระชับสัดส่วนบริเวณลำตัว เช่น เอว หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ท้องแขน เป็นต้น
Ultraformer III แต่ละบริเวณควรใช้กี่ช็อต?
เพื่อความเหมาะสมและปลอดภัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินจำนวนช็อตตามความเหมาะสมของปัญหาและสภาพผิวในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว Ultraformer III มักใช้จำนวนช็อตในแต่ละตำแหน่ง ดังนี้
- บริเวณรอบดวงตา จะใช้ประมาณ 100-150 ช็อต
- บริเวณหน้าผาก จะใช้ประมาณ 100-150 ช็อต
- บริเวณเหนียง ร่องแก้ม และลำคอ จะใช้ประมาณ 150-250 ช็อต
- บริเวณทั่วใบหน้า จะใช้ประมาณ 400-500 ช็อต
หลังทำ Ultraformer III นานเท่าไหร่ถึงเห็นผล?
หลังทำ Ultraformer III จะสามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่หลังทำทันที ประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไปราวๆ 3-4 สัปดาห์หลังเข้ารับบริการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน
ผลลัพธ์หลังทำ Ultraformer III อยู่ได้นานกี่เดือน?
ผลลัพธ์การทำ Ultraformer III 1 ครั้ง จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือน หรือในบางรายอาจยาวนานถึง 1 ปี ซึ่งผลลัพธ์นี้ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน รวมถึงการดูแลผิวหลังรับบริการ หากต้องการให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นสามารถทำหัตถการต่อเนื่องได้ทุกๆ 3-6 เดือน
Ultraformer III vs Ulthera vs Thermage ต่างกันอย่างไร?
Ultraformer III, Ulthera และ Thermage ทั้ง 3 เครื่องล้วนเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิว โดยการยิงคลื่นพลังงานแบบเฉพาะเจาะจงไปยังชั้นผิวซึ่งทั้ง 3 เครื่องนั้นจะมีข้อแตกต่างกันดังนี้
1. Ultraformer III
Ultraformer III ทำงานโดยการส่งคลื่น Micro & Macro Focused Ultrasound (MMFU) ลงไปใต้ผิว โดยสามารถลงลึกได้ถึงชั้นผิว SMAS ทำให้นอกจากจะกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวกระชับได้แล้ว ยังสามารถสลายไขมันส่วนเกินได้อีกด้วย
โดยปกติผลลัพธ์ในการทำ HIFU ด้วยเครื่อง Ultraformer III จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับอายุ และสภาพผิวของแต่ละคน
2. Ulthera
สำหรับ Ulthera จะทำงานด้วยคลื่น Microfocused Ultrasound with Visualization (MFU-V) สามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึงชั้นผิว SMAS เช่นเดียวกับ การทำ HIFU ด้วยเครื่อง Ultraformer III
หลักการทำงานของ Ulthera จะเหมือนกับการทำ Ultraformer III เพียงแต่มีขนาดจุดโฟกัสที่ใหญ่กว่า ทำให้ผลลัพธ์ของการทำ Ulthera อยู่ได้นานกว่า รวมทั้ง Ulthera จะมีหน้าจอในการแสดงระดับความลึกของพลังงานที่ปล่อยลงไป ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวได้ตรงจุดมากกว่า
โดยปกติผลลัพธ์ในการทำ Ulthera จะอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับอายุ และสภาพผิวของแต่ละคน
3. Thermage
สำหรับ Thermage จะทำงานด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (High Radio Frequency) สามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิว แต่จะไม่ถึงชั้นผิว SMAS
หลักการทำงานของ Thermage คล้ายการทำ Ultraformer III และ Ulthera คือ การปล่อยพลังงานความร้อนลงไปใต้ผิว เพื่อให้เส้นใยคอลลาเจนเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
แต่เนื่องจาก Thermage ลงไปสู่ชั้นผิวได้ตื้นกว่า ทำให้จุดแข็งของ Thermage คือการสลายไขมันส่วนเกิน หากทำหัตถการนี้บริเวณใบหน้า ก็จะช่วยให้ผิวหนังชั้นบนเรียบเนียน รวมทั้งรูขุมขนแลดูกระชับอีกด้วย
ผลลัพธ์ในการทำ Thermage จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนภายในระยะเวลา 3-6 เดือน และจะสามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี
ใครเหมาะกับการทำ Ultraformer III?
การทำ Ultraformer III สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวบริเวณใบหน้าและลำคอหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก คิ้วตก หรือมีถุงใต้ตา
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม รอยตีนกา หรือรอยพับบริเวณหน้าผาก
- ผู้ที่มีปัญหาเหนียงใต้คาง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน มีรูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์ หรือต้องการสลายไขมัน
- ผู้ที่ต้องการกระชับสัดส่วนตามบริเวณต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ท้องแขน หรือต้นขา เป็นต้น
Ultraformer III สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง?
การทำ Ultraformer III สามารถทำได้บริเวณใบหน้า และตามสัดส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น รอบดวงตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก พวงแก้ม เหนียง หางคิ้ว หางตา หน้าผาก กรอบหน้า ลำคอ หน้าท้อง เอว ท้องแขน ต้นแขน และต้นขา เป็นต้น
ทำ Ultraformer III เจ็บไหม?
ขณะทำหัตถการ เมื่อเครื่อง Ultraformer III ยิงคลื่นอัลตราซาวด์ลงสู่ผิว เนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวจะรู้สึกอุ่นๆ และอาจมีอาการปวดบ้างเล็กน้อยๆ เนื่องจากเป็นการยิงคลื่นพลังงานที่มีความเข้มข้นสูง แต่เป็นระดับความเจ็บที่สามารถทนได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
และเนื่องจากพลังงาน MMFU เป็นพลังงานที่โฟกัสเฉพาะจุด เมื่อพลังงานถูกปล่อยลงสู่ชั้นผิวจึงหมดกังวลปัญหาความเจ็บแพร่ออกไปยังบริเวณใกล้เคียง หรือจุดอื่น ๆ ตามร่างกาย
ใครไม่เหมาะกับการทำ Ultraformer III?
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
- ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด
- ผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังไว้ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
- ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการต่างๆ เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เมโสแฟต หรือเลเซอร์หน้า ควรเว้นระยะก่อนทำหัตถการอย่างน้อย 1 เดือน
- ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการร้อยไหมชนิดละลาย ควรเว้นระยะก่อนทำหัตถการ ประมาณ 3 เดือน
- ผู้ที่เคยได้รับอุบัติเหตุ แล้วมีการผ่าตัดฝังเหล็ก หรือโลหะในร่างกายเพื่อทำการรักษา
Ultraformer III มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
หลังทำ Ultraformer III อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เล็กน้อย เช่น มีรอยแดงเกิดขึ้น เป็นอาการปกติที่ไม่ได้มีความร้ายแรงต่อผิว สามารถใช้การประคบเย็นเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ โดยอาการดังกล่าวจะหายเป็นปกติภายใน 1-2 ชั่วโมง
การดูแลตัวเองหลังทำ Ultraformer III
หลังทำ Ultraformer III เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และคงผลลัพธ์ไว้ยาวนาน ควรปฏิบัติดังนี้
- ไม่ควรถู นวด หรือเกาใบหน้าแรง ๆ
- ควรงดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศร้อนหรือเย็นจัดเป็นเวลานาน ๆ
- ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 30++ ทุกครั้งที่ต้องออกไปเจอแดด
- หลีกเลี่ยงการรักษาด้วยเลเซอร์ หรือเทคโนโลยีที่มีความร้อนสูงลงสู่ใต้ชั้นผิวหนัง
เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้อาจไปรบกวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นได้จากการทำหัตถการได้
ทำ Ultraformer III ที่ไหนดี?
Ultraformer III เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยยกกระชับผิวและสลายไขมันใต้ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังทำสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน จบปัญหาริ้วรอย และความหย่อนคล้อย นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น แถมยังมีความปลอดภัยสูง ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการยกกระชับผิวหนังที่น่าสนใจ
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และมีความสนใจจะทำ Ultraformer III แต่ไม่รู้จะไปทำที่ไหนดี แนะนำที่ Better Me Clinic เพราะเราการันตีในเรื่องของคุณภาพ โดยจะมีแพทย์ผู้ชำนาญการและทีมงานที่มีประสบการณ์คอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ขั้นตอนการวิเคราะห์สภาพปัญหาผิวต่าง ๆ และให้คำแนะนำในการรักษาอย่างละเอียด
รวมถึงเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้บริการ มั่นใจได้เลยว่าทุกเคสจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคุ้มค่า เห็นผลชัดเจน หากสนใจสามารถติดต่อนัดหมายได้ที่
ปรึกษาคุณหมอได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แก้ไขทุกปัญหาที่กังวลได้แน่นอน!
ที่มาของข้อมูล
HDmall , เทียบชัด! Ulthera vs HIFU แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกทำแบบไหนดี? (https://hdmall.co.th/c/compare-ulthera-hifu), 29 ตุลาคม 2023.
HDmall , Ultraformer lll ยกกระชับหน้าและผิวหย่อน (https://hdmall.co.th/c/hdinsight-hifu-ultraformer-for-face-at-the-sign-clinic), 29 ตุลาคม 2023.
senelplastikcerrahi, Ultraformer III Dr. Osman Şenel (https://www.senelplastikcerrahi.com/en/ultraformer/), 29 October 2023.
SkinX , HIFU vs Ulthera ต่างกันอย่างไร เลือกทำแบบไหนให้เหมาะกับตนเอง (https://skinx.app/content/lift-up/hifu-vs-ulthera), 29 ตุลาคม 2023.
SkinX , Ultraformer III คืออะไร? เหมาะกับตนเองหรือไม่? (https://skinx.app/content/lift-up/ultraformer-iii), 29 ตุลาคม 2023.