รวมข้อมูล “ซิลิโคนจมูก” พร้อมเคล็ดลับเลือกทรงจมูกยังไงให้เข้ากับใบหน้า

พูดถึงการ “ศัลยกรรม” หนึ่งในวัสดุที่ทุกคนต้องนึกถึงเป็นอย่างต่อมาก็คงไม่พ้น “ซิลิโคน” ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถใช้ศัลยกรรมเสริมมิติของใบหน้าได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก จมูก คาง แม้แต่การเสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่และมีทรงสวย ก็ยังต้องพึ่งพาการใช้ซิลิโคนทั้งสิ้น การเสริมจมูกด้วยซิลิโคน นับเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ทำให้มีการคิดค้นประเภท รูปแบบ รูปทรงของซิลิโคนจมูกออกมาเป็นจำนวนมาก Better Me Clinic จะพาคุณมาสำรวจว่าในปัจจุบันซิลิโคนจมูกมีกี่แบบ? กี่เกรด? เลือกยังไงอย่าให้เหมาะกับใบหน้า และมีข้อมูลอะไรอีกที่เกี่ยวข้องกับซิลิโคนจมูกและคุณควรรู้

ซิลิโคนจมูกคืออะไร? ทำมาจากอะไร?

ซิลิโคนจมูก (Silicone Nose Implant) คือ วัสดุสังเคราะห์ที่มีรูปร่างคล้ายกับทรงจมูกของมนุษย์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ผ่าตัดศัลยกรรมเสริมมิติของจมูกเดิมให้ดูโด่งหรือมีมิติสวยงามขึ้น ผ่านการใส่ซิลิโคนจมูกเข้าไปในเนื้อเยื่อจมูก

ซิลิโคน จัดเป็นวัสดุโพลิเมอร์ (Polymer) ชนิดหนึ่ง ซึ่งหมายถึง วัสดุสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นเพื่อการใช้งานที่หลากหลายด้าน เนื่องจากมีความคงทนแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นสูง ในทางเคมีแล้วโพลิเมอร์เป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาจากธาตุซิลิคอน (Silicon) ซึ่งเป็นธาตุกึ่งโลหะที่มีลักษณะแข็ง ร่วมกับส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซต์ และไฮโดรเจน

เกรดของซิลิโคนที่สามารถนำมาเสริมจมูกได้

หลายคนอาจเคยเห็นวัสดุซิลิโคนแพร่หลายอยู่ในหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นวงการก่อสร้าง วงการอุตสาหกรรมต่างๆ หรือวงการคอมพิวเตอร์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะสามารถใช้ซิลิโคนเหล่านั้นเข้ามาผ่าตัดเสริมความงามให้ร่างกายได้

เพราะซิลิโคนที่สามารถเสริมจมูกได้ หรือจะเสริมในตำแหน่งไหนของร่างกายก็ตาม จะต้องเป็นซิลิโคนที่ผลิตขึ้นเพื่อให้สามารถฝังเข้าไปในร่างกายมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงเท่านั้น โดยปัจจุบันแบ่งออกได้ 2 เกรด ได้แก่

อิมแพลนต์ เกรด (Implant Grade) เป็นซิลิโคนบริสุทธิ์ที่สามารถฝังในร่างกายมนุษย์ได้ยาวนานตลอดชีวิต ปราศจากสิ่งปนเปื้อน และจัดเป็นวัสดุซิลิโคนที่คุณภาพดีที่สุดที่เหมาะสำหรับการศัลยกรรม
เมดิคัล เกรด (Medical Grade) เป็นเกรดซิลิโคนที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในเชิงการแพทย์เช่นกัน แต่จะอยู่ในเกรดเดียวกับวัสดุการแพทย์ทั่วไป เช่น สายน้ำเกลือ สายอาหาร และมีระดับความบริสุทธิ์น้อยกว่า Implant Grade แต่ก็นิยมใช้ในการผ่าตัดเสริมจมูกเช่นกัน

ซิลิโคนจมูกมีกี่แบบ

นอกจากเกรดของซิลิโคนที่บ่งบอกถึงคุณภาพและความบริสุทธิ์ของซิลิโคนแล้ว ลักษณะของซิลิโคนที่นิยมใช้ในปัจจุบันก็ยังแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบอีก ได้แก่

เราสามารถทดสอบแกนซิลิโคนลอยได้โดยง่ายเพียงแค่นำนิ้วชี้วางไว้ตรงกลางแกนจมูก ดันขยับซ้ายขวาเบา ๆ ถ้าซิลิโคนลอยจะเคลื่อนขยับตามแรงดันนิ้ว หรือมีการขยับของซิลิโคนลอยตรงหัวตารู้สึกว่ามีการเสียวสันจมูกเล็กน้อย

ในบางรายอาจมีอาการซิลิโคนลอยร่วมกับอาการอักเสบ เช่น บวม แดง มีลักษณะตึงที่สันจมูก และมีอาการปวดร่วมด้วย หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบมาพบแพทย์โดยทันที

1. ซิลิโคนจมูกสำเร็จรูป

เป็นซิลิโคนจมูกที่ได้รับการออกแบบลักษณะของตัวซิลิโคนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งซิลิโคนสำเร็จรูปก็จะแตกย่อยออกเป็นหลายขนาด หลายมิติ และหลายทรง เช่น

ซิลิโคนแมนทิส (Mantis Silicone) เป็นซิลิโคนจมูกที่มีปีกปกคลุมสันจมูกเอาไว้ ช่วยลดโอกาสจมูกเบี้ยว เอียง จมูกทะลุ และยังช่วยปรับทรงจมูกให้ตรงได้ง่าย
ซิลิโคนบาร์บี้ (Barbie Silicone) เป็นซิลิโคนจมูกที่สันกว้าง ทรงสโลป ปลายไม่โด่งมาก มักใช้เป็นซิลิโคนเสริมมิติให้ผู้ที่มีโครงจมูกเดิมสวยอยู่แล้ว แต่ต้องการเพิ่มความโด่งมากขึ้น
ซิลิโคนบราวน์ (Brown Silicone) เป็นซิลิโคนจมูกที่โด่งเหมือนแบบแมนทิส แต่สันจมูกกว้างแบบบาร์บี้ มีเนื้อทึบแสง เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย
ซิลิโคนซินเดอเรลลา (Cinderella Silicone) เป็นซิลิโคนจมูกคล้ายกับทรงบาร์บี้ แต่มีส่วนสันจมูกที่หนากว่า นิยมใช้ในกลุ่มผู้ที่เนื้อสันจมูกแบนไปเลย และต้องการเสริมความโด่งห้มากขึ้น

ข้อดีและข้อเสียของซิลิโคนจมูกสำเร็จรูป

ข้อดี : มักมีแบบให้เลือกหลากหลายและมักตรงใจผู้เข้ารับบริการ สามารถใช้ผ่าตัดได้ทันที ไม่ต้องรอแพทย์เหลาปรับรูปร่างก่อน นอกจากนี้ยังมีโอกาสเบี้ยวหรือเอียงได้น้อย
ข้อเสีย : ไม่สามารถปรับหรือเหลาเปลี่ยนรูปร่างซิลิโคนเพิ่มเติมจากทรงเดิมได้

2. ซิลิโคนจมูกแบบเหลาเอง

เป็นซิลิโคนที่มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยม และแพทย์จะต้องเป็นผู้เหลาซิลิโคนจากแท่งดังกล่าวให้กลายเป็นทรงซิลิโคนจมูกที่เข้ากับโครงหน้าผู้เข้ารับบริการ นอกจากนี้ยังมีเนื้อสัมผัสที่เลือกได้ 4 ระดับ ได้แก่ ซิลิโคนเนื้อแข็ง ซิลิโคนเนื้อแข็งปานกลาง ซิลิโคนเนื้อนุ่ม และซิลิโคนเนื้อนุ่มพิเศษ

ข้อดีและข้อเสียของซิลิโคนจมูกแบบเหลาเอง

ข้อดี : สามารถเหลาปรับเปลี่ยนรูปร่าง มิติ หรือขนาดได้ตามความต้องการ และสามารถเลือกเนื้อสัมผัสซิลิโคนได้ ทำให้เนื้อจมูกดูเหมือนจมูกธรรมชาติมากขึ้น
ข้อเสีย : ต้องใช้แพทย์ที่มีประสบการณ์ในการเหลาซิลิโคนเป็นผู้เหลาแท่งซิลิโคนเท่านั้น มิฉะนั้นอาจได้ทรงจมูกที่ดูไม่สวยงาม หรือทำให้จมูกเบี้ยวได้

ซิลิโคนจมูกจากแต่ละประเทศต่างกันอย่างไร?

โดยส่วนมากซิลิโคนจมูกที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายจะผลิตขึ้นจาก 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศเกาหลี และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งซิลิโคนที่ผลิตมาจาก 3 ประเทศนี้ก็จะมีเอกลักษณ์และเนื้อสัมผัสของซิลิโคนที่แตกต่างกัน

ซิลิโคนอเมริกา (USA Silicone) เป็นซิลิโคนบริสุทธิ์และคุณภาพได้มาตรฐานโลก มีความปลอดภัยสูง เนื้อสัมผัสมีทั้งแบบนุ่มและแข็ง สีออกโทนขาว และยังมีรูปแบบให้เลือกทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบเหลาเอง
ซิลิโคนเกาหลี (Korea Silicone) มีจุดเด่นด้านเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ยืดหยุ่น และสามารถใส่ไว้ใต้เยื่อหุ้มกระดูกได้ ทำให้ซิลิโคนดูไม่ลอย ทำให้จมูกหลังผ่าตัดดูเป็นธรรมชาติ
ซิลิโคนญี่ปุ่น (Japan Silicone) มีจุดเด่นด้านราคาที่มักไม่แพง แต่ในส่วนของคุณภาพและความบริสุทธิ์ของวัสดุซิลิโคนจะไม่ปลอดภัยและได้มาตรฐานเท่ากับซิลิโคนอเมริกาและเกาหลี

ซิลิโคนจมูกอยู่ได้นานเท่าไหร่?

ซิลิโคนจมูกในระดับ Implant Grade และ Medical Grade จะสามารถอยู่ได้นานไปตลอดชีวิต หากผู้ใส่ไม่ประสงค์จะแก้จมูก เสริมจมูกใหม่ หรือไม่ได้มีเงื่อนไขสุขภาพที่จำเป็นต้องถอดซิลิโคนจมูกออก ซิลิโคนจมูกที่อยู่ในระดับ 2 เกรดนี้ก็สามารถฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์ได้อย่างถาวร

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีซิลิโคน Medical Grade บางชนิดที่ไม่สามารถฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์ในระยะยาวได้ หรือมีการปนเปื้อนของสารบางอย่าง แต่มักมีปริมาณน้อย ทางที่ดีก่อนรับบริการเสริมจมูก ผู้เข้ารับบริการควรสอบถามแพทย์เกี่ยวกับเกรดซิลิโคน ชนิดซิลิโคน และอายุการใช้งานเพื่อความมั่นใจเสียก่อน

ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง

ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

ซิลิโคนจมูกอยู่ได้นานเท่าไหร่?

วิธีเลือกซิลิโคนให้เข้ากับใบหน้า

แพทย์จะเป็นผู้พิจารณารูปแบบ ลักษณะ รวมถึงขนาดของซิลิโคนที่เหมาะกับผู้เข้ารับบริการ ซึ่งในแต่ละสถานพยาบาลก็จะมีวิธีเลือกซิลิโคนให้ผู้เข้ารับบริการไม่เหมือนกัน

Better Me Clinic จึงจะมาแชร์เคล็ดลับการเลือกซิลิโคนให้เข้ากับใบหน้าของเรา ดังต่อไปนี้

1. สังเกตสันจมูก

หากมีเนื้อตรงสันจมูกหนา ก็แสดงว่าสามารถยืดปลายจมูกออกมาได้มาก และเนื้อจมูกมีแรงรัดซิลิโคนค่อนข้างเยอะ ควรเลือกใช้ซิลิโคนเนื้อแข็งตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงซิลิโคนโดนเนื้อจมูกรัดมากจนเบี้ยว ส่วนมิติความโด่ง ในผู้ที่เนื้อสันจมูกหนาจะสามารถเลือกความโด่งได้มากกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับคำแนะนำจากแพทย์อีกครั้ง

ส่วนผู้ที่เนื้อสันจมูกบาง จัดเป็นผู้ที่มีเนื้อจมูกห่อหุ้มซิลิโคนได้ไม่มากนัก จึงควรเลือกซิลิโคนเนื้อนิ่ม เพื่อลดโอกาสซิลิโคนแข็งจนทะลุในภายหลัง

2. ดูอัตราส่วนของใบหน้า

การใช้ “สัดส่วนทองคำ” (Golden Ratio) เป็นอีกวิธีวัดสัดส่วนของใบหน้าที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกคิดค้นโดยลีโอนาโด ฟิโบนัชชิ นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี ผ่านการใช้อัตราส่วน 1:1:1 ในการวัดระยะห่างขององค์ประกอบใบหน้าซึ่งจะต้องสัดส่วนยาวเท่ากันทั้งหมด โดยอัตราส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดจะอยู่ที่ 1: 1.618

วิธีการใช้สัดส่วนทองคำวัดความสมดุลขององค์ประกอบใบหน้าจะเป็นการวัดระยะห่างของโครงสร้างใบหน้าดังต่อไปนี้

วัดระยะห่างจากคางไปถึงปลายจมูก
วัดระยะห่างจากปลายจมูกไปถึงหัวคิ้ว
วัดระยะห่างจากหัวคิ้วไปถึงขอบไรผม

แพทย์ของ Better Me Clinic ใช้หลักสัดส่วนทองคำในการออกแบบทรงจมูกให้กับผู้เข้ารับบริการเช่นกัน โดยภายหลังจากวัดสัดส่วนใบหน้าเสร็จแล้ว แพทย์จะนำสัดส่วนที่ได้ไปเป็นแม่แบบในการเหลาซิลิโคนจมูกก่อนผ่าตัด เพื่อให้ได้ทรงจมูกที่เข้ากับโครงสร้างใบหน้าของผู้เข้ารับบริการที่สุด

3. วิเคราะห์บุคลิกของใบหน้า

รูปทรงจมูกหลังผ่าตัดสามารถส่งผลต่อกลิ่นอายบุคลิกภาพของตัวผู้เข้ารับบริการได้อีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับบริการ ร่วมกับโครงหน้าทรงเดิมว่าอยากจะให้ทรงจมูกปรับบุคลิกของใบหน้าให้เป็นไปในแนวทางใด เช่น

ต้องการให้ใบหน้าดูโฉบเฉี่ยว มั่นใจ เป็นสาวเปรี้ยว ก็อาจเลือกเป็นจมูกทรงปลายพุ่ง หรือทรงที่สันโด่ง ปลายเชิด หรือทรงหยดน้ำ
ต้องการให้ใบหน้าดูอ่อนหวาน ละมุนละไม เป็นธรรมชาติ ก็อาจเลือกทรงสโลปแต่ปลายเป็นแบบหยดน้ำ หรือทรงที่สันจมูกโค้งเว้าเล็กน้อย

ทั้งนี้ ทรงจมูกที่เข้ากับบุคลิกใบหน้าแต่ละคนนั้นไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว เพราะโครงสร้างใบหน้าของเราแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แพทย์อาจเลือกผสมผสานทรงจมูกหลายๆ แบบ หรืออาจเลือกเพียงแบบใดแบบหนึ่งเพื่อให้ตอบโจทย์บุคลิกใบหน้าที่ผู้เข้ารับบริการต้องการก็ได้

ข้อดีของการใช้ซิลิโคนในการเสริมจมูก

สามารถถอดออกและเปลี่ยนใหม่ได้ หากผู้เข้ารับบริการอยากเปลี่ยนทรงจมูกหรืออยากแก้จมูกใหม่ในอนาคต
สามารถปรับรูปทรงให้เป็นไปตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการได้
สามารถเลือกเนื้อสัมผัสของซิลิโคนได้
มีอายุการใช้งานยาวนาน หากใช้ซิลิโคนที่ได้มาตรฐานการแพทย์ก็สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ในภายหลัง

ข้อจำกัดของการใช้ซิลิโคนในการเสริมจมูก

การเสริมจมูก เป็นการทำหัตถการที่ทำได้ในบุคคลทั่วไป แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในผู้ที่มีเงื่อนไขสุขภาพบางประการ เนื่องจากอาจส่งผลข้างเคียงหรือทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ เช่น

ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่โครงหน้ายังไม่เจริญเติบโตอย่างเต็มที่ และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอาจไปขยับหรือทำให้ตำแหน่งซิลิโคนเสริมจมูกอยู่ผิดตำแหน่ง หรือผิดรูปได้
สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรรอให้หมดช่วงให้นมบุตรไปก่อน แล้วจึงเข้ามาขอคำปรึกษาในการผ่าตัดเสริมจมูกได้
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ ควรควบคุมระดับอาการของโรคให้อยู่ในระดับปกติเสียก่อน หรือปรึกษาแพทย์ประจำตัวเกี่ยวกับความเสี่ยงในการผ่าตัดเสริมจมูก
ผู้ที่ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจผ่าตัด
ผู้ป่วยโรคผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ ผิวหนังติดเชื้อ เป็นสิวเรื้อรัง สามารถผ่าตัดได้ แต่ต้องรักษาโรคเหล่านี้ให้หายดีเสียก่อน

เสริมซิลิโคนจมูกแล้ว ทรงจมูกจะเข้าที่เมื่อไร?

หลังผ่าตัดเสริมจมูกแล้ว ในช่วงเดือนแรกๆ ผู้เข้ารับบริการอาจยังรู้สึกว่าโครงหน้าดูแข็ง หรือทรงจมูกยังไม่เข้ากับโครงสร้างใบหน้าอยู่บ้าง หรืออาจมีร่องรอยของอาการบวมหลังผ่าตัดอยู่เล็กน้อย

แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 3-6 เดือน หรือในบางรายอาจประมาณ 9-12 เดือน ทรงจมูกก็จะเริ่มมีโครงกลมกลืนไปกับเครื่องหน้ามากขึ้น จมูกจะเริ่มรัดแกนสวย และใบหน้าดูเป็นธรรมชาติกว่าช่วงแรกๆ ที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จสิ้น

ทำจมูกที่ไหนดี?

Better Me Clinic by Dr. Chanya มีเทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ต่อผู้เข้ารับบริการทุกท่านอย่างสูงสุด ไม่ว่าคุณจะมีเนื้อจมูกมากหรือน้อย หรือกังวลเรื่องทรงจมูกที่อาจไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง Better Me Clinic by Dr. Chanya สามารถเป็นผู้ช่วยให้เป้าหมายในการเสริมความงามของจมูกคุณเป็นจริงได้

เทคนิคเย็บแผลผ่าตัด Better Me Clinic by Dr. Chanya เป็นการเย็บแผลที่เน้นความเรียบเนียน ยากต่อการสังเกตเห็น ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นนูนในอนาคต นอกจากนี้ยังมีกระบวนการเย็บที่ประณีตถึงที่สุด เรียกได้ว่าหลังออกจากห้องผ่าตัด คุณจะได้ทรงจมูกใหม่ แต่แทบไม่มีรอยแผลผ่าตัดให้เห็นเลย

การออกแบบทรงจมูกที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya ยังเน้นเสริมความเป็นธรรมชาติและเข้ากับโครงสร้างใบหน้า แพทย์จะแนะนำทรงจมูกที่ไม่ฝืนธรรมชาติหรือบุคลิกของผู้เข้ารับบริการ แต่ยังคงคำนึงถึงเป้าหมายที่ผู้เข้ารับบริการอยากได้ในการเสริมจมูกเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

ซิลิโคนทุกชิ้นที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya เลือกใช้ เป็นซิลิโคนมาตรฐานการแพทย์ที่นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด หมดห่วงเรื่องซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน คุณภาพต่ำ มีโอกาสต้องผ่าแก้อีกรอบ

หรือหากคุณเคยทำจมูกมาแล้ว หรือทำจมูกจากที่อื่นแล้วมีปัญหา ซิลิโคนลอย จมูกทะลุ และกำลังมองหาคลินิกสำหรับแก้จมูกทรงใหม่ให้สวยตรงใจกว่าเดิม Better Me Clinic by Dr. Chanya พร้อมช่วยดูแลปรับแก้จมูกให้กับคุณด้วยความใส่ใจและความชำนาญ ไม่ว่ามีปัญหาแบบใด ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับทางคลินิกได้โดยไม่ต้องกังวล

ติดต่อสอบถามข้อมูลบริการเสริมจมูก ที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya ได้ผ่านทางช่องทางต่อไปนี้

ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง

ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

ที่มาของข้อมูล

Better Me Clinic by Dr. Chanya, เลือกทรงเสริมจมูกแบบไหนให้สวย ปัง รับกับใบหน้าของคุณ (https://bettermeclinicofficial.com/nose-surgery/top-nose-shapes/), 18 สิงหาคม 2566.
Erfan Rezvani Ghomi, Prabhuraj D. Venkatraman, Seeram Ramakrishna, Silicone-based biomaterials for biomedical applications: Antimicrobial strategies and 3D printing technologies (https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1002/app.50969#app50969-bib-0001), 18 August 2023.
พญ. วิลาสินี อุดคำเที่ยง, รู้ก่อนสวย ซิลิโคนจมูกแบบไหนที่ใช่ ให้ทรงจมูกสวยเป็นธรรมชาติ (https://www.nakornthon.com/article/detail/รู้ก่อนสวย-ซิลิโคนจมูกแบบไหนที่ใช่ให้ทรงจมูกสวยเป็นธรรมชาติ), 18 สิงหาคม 2566.
โรงพยาบาลยันฮี, ซิลิโคนเสริมจมูกมีกี่แบบกันแน่ มาดูกัน (https://th.yanhee.net/เกร็ดความรู้/ซิลิโคนเสริมจมูกมีกี่แบบกันแน่-มาดูกัน/), 18 สิงหาคม 2566.