รวม 7 สาเหตุจมูกเบี้ยว แก้ได้ด้วยการเสริมจมูก
ในปัจจุบันการเสริมจมูกได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย หลายๆ คนอยากมีทรงจมูกที่สวย อยากเสริมดั้งให้โด่งขึ้นมา ซึ่งในการเสริมจมูกส่วนใหญ่จะเป็นการผ่าตัดนำเอาซิลิโคนเสริมในส่วนที่ต้องการ แต่ในบางกรณีหลังเสริมจมูกไปแล้ว อาจเกิดจมูกเบี้ยว จมูกเอียงหลังเสริมจมูกไป ซึ่งหากปล่อยไว้จะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน นอกจากเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ยังมีผลต่อการหายใจได้อีกด้วย เป็นปัญหาที่ควรแก้ไขโดยการเสริมจมูกใหม่ เพื่อป้องกันจมูกทะลุและช่วยปรับรูปจมูกให้กลับมาสวยงาม
ในบทความนี้ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ไขจมูกเบี้ยว จมูกเอียงหลังเสริมจมูก ไม่ว่าจะเป็น จมูกเบี้ยวเกิดจากอะไร? วิธีแก้จมูกเบี้ยว การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมจมูก
จมูกเบี้ยว เกิดจากอะไร
จมูกเบี้ยว จมูกเอียง มีอยู่ 2 แบบ คือจมูกเบี้ยวธรรมชาติที่เกิดจากฐานจมูกเบี้ยวเอียงมาตั้งแต่เกิด และอีกแบบคือ จมูกเบี้ยวเอียงหลังเสริมจมูก ซึ่งในบทความจะพูดถึงเรื่องนี้เป็นหลัก
ซึ่งจมูกเบี้ยวหรือจมูกเอียง เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งปัญหานี้อาจทำให้เสียความมั่นใจและวิตกกังวลกับปัญหาที่จะตามมา หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน โดยสาเหตุหลักๆ มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้
ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผู้เสริมจมูกมีฐานจมูกที่เบี้ยวเอียงมาตั้งแต่เกิด แล้วได้รับการเสริมจมูกซิลิโคน โดยที่ไม่ปรับแต่งโครงสร้างของจมูกให้กลับมาตรงก่อน พอใส่ซิลิโคนเข้าไป เลยส่งผลให้จมูกเบี้ยวเอียงตามฐานจมูกจนเห็นได้ชัด
2. เลือกซิลิโคนไม่เหมาะสมกับจมูก
แพทย์อาจจะเลือกซิลิโคนไม่เหมาะสมกับจมูก ซิลิโคนอาจยาวไปไม่พอดีกับจมูกของคุณ ทำให้ซิลิโคนเกิดเอียง จมูกดูตึง ทำให้จมูกดูย้อยลงมา บางกรณีอาจถึงขั้นจมูกทะลุได้ เพราะฉะนั้น หากไม่แน่ใจว่า ควรเลือกเสริมทรงจมูกแบบไหนให้สวย ให้เหมาะ อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ก่อน เพื่อมีการเปรียบเทียบดูว่าทรงไหนที่เหมาะกับรูปหน้าหรือทรงไหนที่เหมาะกับโครงสร้างจมูกของตัวเรา เป็นต้น
3. วางซิลิโคนผิดตำแหน่ง
ตอนที่กำลังศัลยกรรมจมูกอยู่ แพทย์อาจวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง โดยอาจไม่ได้ทำการวางซิลิโคนไว้ใต้เยื่อหุ้มกระดูก จึงทำให้เกิดการเบี้ยวและเอียงได้ง่าย
4. จมูกได้รับการกระแทกรุนแรงหลังเสริม
เป็นธรรมดาหากไม่ระวังตัว จมูกเลยเกิดไปกระแทก ชน กับสิ่งต่างๆ หรือประสบอุบัติเหตุหลังทำการผ่าตัดเสริมจมูกเสร็จ เป็นเหตุให้จมูกกระทบกระเทือนจนเบี้ยวหรือเอียงได้
5. อาการบวมหลังผ่าตัด
อาการบวมหรือช้ำหลังผ่าตัดที่ค่อนข้างหนัก เนื้อจมูกที่บวมอาจดันซิลิโคนจนทำให้ผิดรูป จึงสามารถทำให้จมูกเบี้ยวหรือจมูกเอียงได้
6. การนอนตะแคง
การนอนตะแคงจะทำให้น้ำหนักไปกดทับใบหน้าด้านใดด้านหนึ่ง จนโดนจมูก ซึ่งอาจทำให้จมูกเบี้ยวได้ การนอนคว่ำก็เช่นกัน เมื่อหน้าสัมผัสกับหมอนหรือที่นอน จมูกก็สัมผัสด้วย เกิดการกดทับจนทำให้จมูกเกิดการอักเสบ บวมช้ำ หากกดทับรุนแรงอาจส่งผลให้ซิลิโคนทะลุจมูกได้
7. พฤติกรรมบางอย่างจากตนเอง
พฤติกรรมความเคยชินของเราก็สามารถทำให้จมูกเบี้ยวเอียงได้ เช่น ชอบขมวดคิ้ว ซึ่งนั่นอาจเป็นการดึงผิวหนังส่วนจมูกทางอ้อม จนทำให้ซิลิโคนเคลื่อนและหลุดจากตำแหน่งได้ หรือการชอบเกาจมูกรุนแรง ก็ทำให้ซิลิโคนเสริมจมูกเคลื่อนได้เช่นกัน
วิธีสังเกตจมูกเบี้ยว
หลังจากที่ผ่าตัดเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผ่านไปประมาณ 2-3 เดือนหลังผ่าตัด เป็นปกติที่จมูกจะเริ่มยุบตัวลงและรัดแกนซิลิโคน ถัดจากนั้นไปอีกประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี จึงจะเริ่มเข้ารูปอย่างเต็มที่
ในบางกรณีอาจมีสาเหตุที่ทำให้จมูกเบี้ยวหรือเอียงได้โดยไม่ได้ตั้งใจหรืออาจเกิดจากการผ่าตัด ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ในช่วง 3 เดือนแรกหลังผ่าตัด เพราะจมูกรัดแกนซิลิโคนมากขึ้น ก็จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยจุดสังเกตของจมูกเบี้ยว จะดูได้จากบริเวณกึ่งกลางระหว่างคิ้ว หัวตา และปลายจมูก ยึดตำแหน่งของริมฝีปากเป็นกึ่งกลางในการสังเกต
ลักษณะที่สังเกตได้ของฐานจมูกเบี้ยวเอียงที่พบได้บ่อยมีอยู่ 4 ลักษณะ ดังนี้
- บริเวณโคนจมูกเอียง : ซิลิโคนบริเวณแถวสันจมูกหรือส่วนระหว่างหัวคิ้วจะเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
- บริเวณปลายจมูกเอียง : สังเกตได้ว่าซิลิโคนบริเวณแถวปลายจมูกจะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง โดยที่แกนจมูกยังตรงอยู่
- ซิลิโคนเอียงทั้งแท่ง : สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากซิลิโคนเสริมจมูกทั้งแท่งจะไหลไปด้านใดด้านหนึ่งของจมูก
- ซิลิโคนตรง แต่จมูกดูเบี้ยวเอียง : ซิลิโคนเสริมจมูกมีลักษณะตรงปกติ แต่ฐานจมูกของผู้เสริมจมูกเดิมนั้นเอียงเบี้ยวอยู่แล้ว ทำให้ฐานจมูกดูเบี้ยวเอียงได้
จมูกเบี้ยว จมูกเอียง หลังเสริมแก้ไขได้อย่างไร
วิธีการแก้จมูกเบี้ยว จมูกเอียง แก้ได้ด้วยการเสริมใหม่ โดยเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาจมูก เพื่อช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด โดยการเสริมจมูกมีหลักๆ แบ่งออกเป็น 3 แบบ มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน มีรายละเอียด ดังนี้
การแก้จมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
เป็นเทคนิคเสริมจมูกที่มีความซับซ้อนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเทคนิคอื่น เทคนิคนี้จะทำการเปิดแผลข้างเดียวและใส่ซิลิโคนเข้าไป แต่เป็นวิธีที่เสี่ยงเกิดปัญหาจมูกไม่เท่ากันตามมาได้ เพราะไม่สามารถปรับโครงสร้างทั้ง 2 ข้างให้เท่ากันได้ หากเปิดแผลข้างเดียวของจมูก แผลที่เปิดจะกว้างไม่เท่ากัน ซิลิโคนอาจเอียงหรือลอยได้
วิธีนี้จึงเป็นเพียงวิธีที่ช่วยเพิ่มความโด่งของสันจมูก แต่ปรับเปลี่ยนรูปทรงของฐานจมูกที่มีปัญหาไม่ได้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้จมูกโด่งสวยหรือเรียวมากขึ้น โดยมีพื้นฐานโครงจมูกเดิมที่ไม่ค่อยมีปัญหาอยู่แล้ว
- ฟื้นตัวได้ไว
- มีอาการบวมน้อย เพราะรบกวนเนื้อเยื่อน้อยที่สุด
- ราคาถูกกว่าแบบ Open
- ซ่อนแผลในรูจมูก ไม่เห็นรอยแผล
- โอกาสที่ซิลิโคนจะเอียงสูง เพราะเปิดแผลไม่สมมาตรกัน
- โอกาสที่เนื้อจมูกและรูจมูกทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากันมีค่อนข้างมาก
- ไม่สามารถปรับโครงสร้างจมูกที่มีปัญหาได้ เพราะไม่เห็นโครงสร้างจมูกด้านใน
- เมื่อเวลาผ่านไป อาจเสี่ยงจมูกทะลุเอียงเบี้ยวได้
การแก้จมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Rhinoplasty)
การแก้จมูกแบบกึ่งเปิด คือ เทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เป็นการเสริมจมูกแบบเปิดแผล 2 ข้างให้เห็นโครงสร้างจมูกด้านใน ได้แก่ กระดูกจมูก กระดูกอ่อนปลายจมูก เนื้อเยื่อ ไขมัน และเส้นเลือด โดยจะไม่มีแผลกลางจมูก ตัดปัญหาการเกิดรอยแผลเป็นคีลอยด์ที่เนื้อฐานจมูก ซึ่งเกิดปัญหาตามมาน้อยที่สุด อาการบวมก็น้อย
เป็นเทคนิคที่เหมาะกับโครงสร้างพื้นฐานกระดูกจมูกคนไทยแทบจะทั้งหมด เหมาะกับคนที่อยากปรับจมูกให้ดูเรียวเล็กลงหรือโด่งมากขึ้น โดยมีฐานจมูกเดิมไม่กว้างมาก สามารถแก้ปัญหาทรงจมูกด้วยการใช้การตะไบ ตกแต่งโครงสร้างเดิมได้
- ไม่มีแผลเป็นด้านนอกเพราะซ่อนแผลเป็นไว้ด้านใน
- ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าแบบ Open
- โอกาสเกิดการบวม ช้ำน้อยมาก
- ฟื้นตัวได้ไว แผลหายเร็ว
- แก้ปัญหาโครงสร้างได้เหมือนแบบ Open ทุกอย่าง ทั้งฐานจมูกและปลายจมูก
- แก้ปัญหาจมูกบางอย่างได้ไม่ดีเท่าแบบ open เช่น การทุบฐานเพื่อปรับรูปทรงจมูกของชาวยุโรปหรือตะวันออกกลาง การปรับฐานจมูกเดิมที่มีขนาดที่ใหญ่
การแก้จมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
เป็นเทคนิคการเสริมจมูกด้วยการเปิดแผลให้เห็นโครงสร้างด้านในของจมูกทั้งหมด โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลเนื้อฐานจมูกที่อยู่ระหว่างรูจมูกทั้ง 2 ข้าง ทำให้สามารถเห็นโครงสร้างด้านในได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรผิดปกติบ้าง เพื่อให้แก้ไขได้ตรงจุด
เหมาะกับผู้ที่มีพื้นฐานกระดูกจมูกที่ใหญ่ จมูกสั้น หรือจมูกเบี้ยวเอียงในระดับที่มาก ผู้ที่ต้องการปรับให้รูปทรงจมูกให้ดูยาวขึ้นหรือเสริมเป็นทรงหยดน้ำ เพราะการผ่าตัดแบบนี้ เสี่ยงที่โครงสร้างจมูกจะเสียหายโดยไม่จำเป็น มีโอกาสเกิดพังผืดที่จะดึงรั้งให้จมูกสั้น จมูกเอียงได้มาก
ข้อดี
- เหมาะกับจมูกทุกเคส ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่มาเสริมจมูกได้ดี
- สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกได้ครบ
- แพทย์จะสามารถเห็นโครงสร้างด้านในจมูกทั้งหมดได้ด้วยตาเปล่า
- ลดโอกาสเกิดซิลิโคนทะลุหรือจมูกเบี้ยว เอียงได้ในอนาคต
- เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนมาก
- เกิดแผลเป็น พังผืด คีลอยด์ได้มาก
- โอกาสเสี่ยงที่จมูกจะหดรั้งเป็นจมูกหมู จมูกผิดรูป จมูกไม่เท่ากันได้มาก
- ใช้เวลาผ่าตัดนานและพักฟื้นนาน
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบ Close
การเตรียมตัวก่อนแก้จมูกเบี้ยว
ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวก่อนแก้ไขจมูก เพราะหากเราเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผลลัพธ์ในการแก้จมูกนั้นแย่ลงกว่าเดิมได้ การเตรียมตัวอย่างเหมาะสม ถูกต้องจึงมีผลดีหลายอย่าง เช่น ช่วยให้แผลผ่าตัดหายได้ไวขึ้น ลดอาการบวม ช้ำ รวมไปถึงลดความเสี่ยงในการติดเชื้ออีกด้วย ก่อนได้รับการผ่าตัดแก้จมูกจะต้องเตรียม ดังนี้
การเตรียมตัวก่อนแก้จมูกเบี้ยว
- รู้ว่าโครงสร้างจมูกเราเป็นอย่างไร มีปัญหาแบบไหน เช่น จมูกสั้น เนื้อจมูกน้อย
- หาข้อมูล ดูรีวิว ดูทรงจมูกที่ต้องการ ทรงจมูกแบบไหนที่เหมาะกับเรา เลือกดูทรงจมูกที่ทำแล้วคิดว่าจะเหมาะกับโครงสร้างจมูกของตัวเอง
- ดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- แจ้งประวัติสุขภาพและประวัติการรักษาให้ครบถ้วน เช่น โรคประจำตัว ยาประจำตัว ประวัติแพ้ยา เป็นต้น
- งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 เดือน
- งดรับประทานวิตามินทุกชนิดก่อนผ่าตัด 7-10 วัน
- งดพวกของหมัก ของดอง ของแสลง 1 เดือน
การเตรียมตัวก่อนเข้าห้องผ่าตัด
- งดทานน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง แต่หากไม่ได้ใช้ยาสลบ สามารถกินอาหารเบาๆ ก่อนผ่าตัด 4-6 ชั่วโมงได้
- นอนหลับให้เพียงพอ
- งดแต่งหน้า งดใส่คอนแทคเลนส์ งดใส่ฟันปลอม และไม่ใส่เครื่องประดับทุกชนิด
- งดรับประทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบก่อนเข้าผ่าตัด เพราะยากลุ่มนี้จะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวยาก
- สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย
การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกป้องกันจมูกเบี้ยว
การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญเช่นกัน โดยจะช่วยป้องกันจมูกเบี้ยว จมูกเอียง การทะลุของซิลิโคน และช่วยป้องกันการติดเชื้อ เป็นต้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- งดวิตามิน อาหารเสริม และอาหารรสเค็มจัด 1 เดือนหลังผ่าตัด
- งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ ของหมักดอง ของแสลง อาหาร 1 เดือนหลังผ่าตัด
- หมั่นประคบเย็น อาการบวมหลังผ่าตัดจะยุบได้เร็ว
- ประคบอุ่น 5 วัน หลังจากนั้นจึงประคบเย็น
- หากมีเลือดไหลออกจากแผล ซับให้สะอาดด้วยคัตตอนบัตสเตอร์ไรด์ ห้ามให้มีสะเก็ดเกรอะกรังที่แผล
- ห้ามแผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม
- ห้ามให้น้ำมูกโดนแผลเด็ดขาด หากมีน้ำมูก ควรทานยาลดน้ำมูก
- นอนหน้าตรง หนุนหมอน 2-3 ใบ เพื่อยกหัวให้สูง และใช้หมอนโดนัทล็อกคอให้ตรง
- ไม่นอนตะแคง 1 เดือนหลังผ่าตัด ป้องกันการเบี้ยวเอียงของจมูก
- ทานยาแก้อักเสบ ยาลดอาการบวมให้ครบ ตามที่แพทย์สั่งยามา
- ห้ามออกกำลังกายและงดกิจกรรมที่อาจทำให้จมูกกระทบกระเทือน 1 เดือนหลังผ่าตัด
- ห้ามสวมแว่น 1 เดือนหลังผ่าตัด
- ไม่ควรเม้มปากหรือขมวดคิ้ว เพราะจะทำให้ซิลิโคนไหลลงได้
- เลี่ยงการแกะ เกา ที่แผล เพราะอาจทำให้แผลไม่แห้งหรือเกิดการติดเชื้อได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการแก้จมูกเบี้ยว
จมูกเบี้ยว จมูกเอียงหลังเสริม สามารถแก้ไขได้ทันทีเลยไหม ?
หลังเสริมจมูกเป็นธรรมดาที่จะมีอาการบวมช้ำ แต่ก็อาจจะแตกต่างกันในแต่ละคน บางคนใบหน้าทั้ง 2 ข้าง อาจบวมไม่เท่ากัน ทำให้ดูเหมือนจมูกเบี้ยวเอียงได้ อาจจะต้องรอให้อาการบวมช้ำนั้นหายก่อน ซึ่งหากหายบวมแล้ว ยังรู้สึกว่ายังเบี้ยวเอียงอยู่ให้เข้ามาปรึกษากับหมอได้เลยค่ะ
ซิลิโคนหมดอายุ ทำให้จมูกเบี้ยวได้จริงหรือ ?
ซิลิโคนที่มีคุณภาพที่ดีจะสามารถอยู่ในร่างกายเราได้ตลอดชีวิต ไม่มีสลาย หากไม่ได้เกิดจากสาเหตุอื่นหลังจากตอนผ่าตัดหรือจากตัวเราเอง เช่น มีอะไรกระแทกโดนจมูก ซิลิโคนที่ใส่มานานแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้จมูกเบี้ยวหรือเอียงได้
จมูกเบี้ยวอันตรายมากแค่ไหน ?
หากปล่อยไว้ไม่แก้ไข นอกจากเรื่องความสวยงาม ถ้ารูจมูกเบี้ยวจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาทางด้านการหายใจและโรคภายในจมูกต่างๆ ตามมา เช่น ไซนัส หนองอักเสบในโพรงจมูก เกิดการติดเชื้อ หรือซิลิโคนทะลุจมูก เสียรูปจนยากที่จะแก้ไข ในบางกรณีอาจคัดจมูกจนต้องหายใจทางปาก ทำให้นอนไม่หลับ แถมทำให้เป็นหวัดได้ง่ายอีกด้วย
สรุปสาเหตุจมูกเบี้ยว แก้ได้ด้วยการเสริมจมูก
จมูกเบี้ยวเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่เกิดจากที่โครงสร้างจมูกเดิมเอียงอยู่แล้ว ซิลิโคนที่ไม่เหมาะสมกับจมูก พฤติกรรมต่างๆ ของตัวเองที่ไปกระทบกระเทือนจมูก โดยการสังเกตว่าจมูกเบี้ยว จมูกเอียงหลังเสริมนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ให้สังเกตจากบริเวณกึ่งกลางระหว่างคิ้ว หัวตา และปลายจมูก ยึดตำแหน่งริมฝีปากเป็นกึ่งกลางในการสังเกต หากมีซิลิโคนแถวสันจมูกหรือปลายจมูกเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แสดงว่าจมูกเบี้ยว ซึ่งในบางกรณีอาจเป็นซิลิโคนตรงแต่จมูกเอียงออกมา เกิดจากโครงสร้างฐานจมูกนั้นเบี้ยวอยู่ก่อนและไม่ได้มีการปรับแต่งใหม่ เลยทำให้จมูกเบี้ยวเอียงได้เช่นกัน
การที่จะแก้ปัญหาจมูกเบี้ยวได้ ต้องใช้วิธีการถอดซิลิโคนออกและเสริมใหม่ด้วยเทคนิคที่เหมาะสม โดยหลักจะมี 3 แบบ เริ่มที่การแก้จมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) การแก้จมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Rhinoplasty) และสุดท้ายคือการแก้จมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน หากสนใจอยากแก้จมูกเบี้ยว สามารถเข้ามาปรึกษากับ Better Me Clinic by Dr.Chanya ได้ เพราะเรามีแพทย์ที่มีประสบการณ์ช่วยประเมินรูปจมูกเดิม เพื่อดูว่าควรแก้ไขจมูกเบี้ยวนี้อย่างไรให้ถูกวิธี
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อไม่ให้จมูกกลับมาเบี้ยวได้อีกครั้ง คือการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมจมูก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง หรือพฤติกรรมที่ควรระมัดระวัง เช่น ไม่ควรนอนตะแคง ห้ามออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่อาจทำให้จมูกกระทบกระเทือน หลังจากนี้ก็จะได้เดินออกไปที่ไหนได้อย่างมั่นใจได้แล้ว