กระเนื้อ ติ่งเนื้อ แค่ปัญหาผิวหรือสัญญาณโรคร้าย
กระเนื้อเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้ในทุกช่วงวัย ถึงแม้กระเนื้อจะไม่ส่งผลอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย แต่อาจเป็นการบ่งบอกถึงความเสี่ยงทางสุขภาพบางอย่าง และยังส่งผลกระทบต่อความงามและความมั่นใจได้
ในบทความนี้ Better Me Clinic จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกระเนื้อให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกระเนื้อ ลักษณะที่สามารถสังเกตได้ และวิธีการรักษา รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้กระเนื้อเกิดขึ้นในอนาคต จบ ครบ ในบทความเดียว!
กระเนื้อคืออะไร?
กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis) คือ เนื้องอกชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง โดยเป็นเนื้องอกชนิดไม่อันตราย ไม่มีความเสี่ยงที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็ง และไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด เช่นเดียวกับไฝและหูด เกิดขึ้นได้ในทุกตำแหน่งของร่างกาย แต่จะพบมากในบริเวณรอบดวงตา บนใบหน้า ลำคอ และหนังศีรษะ
แม้ว่ากระเนื้อจะไม่เป็นอันตราย แต่บางครั้งอาจสร้างความรำคาญ เช่น ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือมีเลือดออกหากถูกเสียดสีบ่อยๆ นอกจากนี้กระเนื้อยังอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจได้อีกด้วย
กระเนื้อเกิดจากสาเหตุใด?
ลักษณะของกระเนื้อนั้นมีหลากหลาย สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามระยะเวลาและตำแหน่งที่เกิด โดยทั่วไปกระเนื้อจากเริ่มจากการเกิดจุดบนผิวหนัง โดยผิวมีสีที่แตกต่างไปจากผิวปกติ เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีเทา หรือสีเหลืองอ่อน ลักษณะของกระเนื้ออาจดูคล้ายกระแดดหรือฝ้าในช่วงแรก เมื่อเวลาผ่านไป จุดเหล่านี้จะเริ่มหนาขึ้นและนูนขึ้นจากผิวหนัง โดยมีพื้นผิวขรุขระคล้ายขี้ผึ้งแห้งหรือละอองแป้งติดผิว แต่ไม่สามารถเช็ดออกได้ และบางครั้งอาจรู้สึกสากเมื่อสัมผัส
เมื่อกระเนื้อขยายตัวมากขึ้น ลักษณะของมันจะเริ่มเป็นแผ่นหนาหรือเป็นตุ่มนูนขึ้นจากผิวหนัง อาจมีสีเข้มขึ้นเป็นน้ำตาลเข้ม เทา หรือดำ และขนาดอาจขยายใหญ่ขึ้นตั้งแต่ไม่กี่มิลลิเมตรไปจนถึงหลายเซนติเมตร พื้นผิวมักมีลักษณะขรุขระชัดเจนขึ้น และบางครั้งอาจมีอาการคัน โดยเฉพาะหากอยู่ในบริเวณที่เกิดการเสียดสีจากเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ
ในระยะที่กระเนื้อโตเต็มที่ ผิวบริเวณดังกล่าวอาจแตกเป็นขุยหรือดูเป็นร่องลึก หากถูกขูดหรือเสียดสีแรงๆ อาจเกิดอาการระคายเคืองหรือมีเลือดออก แม้ว่ากระเนื้อจะไม่เป็นอันตรายและไม่กลายเป็นมะเร็ง แต่สามารถสร้างความรำคาญหรือทำให้ไม่สบายตัวได้
กระเนื้อพบบริเวณไหนได้บ้าง?
กระเนื้อสามารถพบได้ในหลายบริเวณของร่างกาย โดยมักเกิดขึ้นในจุดที่มีการเสียดสี หรือบริเวณที่สัมผัสแสงแดดเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม กระเนื้อสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีปัจจัยกระตุ้นที่แน่ชัด และพบได้มากในบริเวณดังนี้
- ใบหน้า เป็นบริเวณที่พบบ่อย เนื่องจากผิวหน้าสัมผัสกับแสงแดดมากกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย รังสียูวีอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังหนาตัวขึ้นและเกิดกระเนื้อ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน เช่น คนที่ทำงานกลางแจ้ง
- ลำคอ ผิวบริเวณนี้จะบางกว่าบริเวณอื่นๆ รวมทั้งมีแนวโน้มเกิดการเสียดสีจากเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดกระเนื้อ
- หน้าอกและหลัง กระเนื้อในบริเวณนี้มักเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมมากกว่าการสัมผัสแสงแดดโดยตรง อาจพบเป็นกระเนื้อกระจายตัวทั่วแผ่นหลังหรือหน้าอก
- รักแร้ ใต้ราวนม และขาหนีบ เป็นบริเวณที่เกิดการเสียดสีบ่อยจากการเคลื่อนไหวหรือการสัมผัสระหว่างผิวหนังเอง ทำให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวมากขึ้นและอาจกระตุ้นให้เกิดกระเนื้อ ลักษณะของกระเนื้อบริเวณนี้มักมีขนาดเล็กและเกิดเป็นกลุ่ม
- แขนและมือ แม้ว่าจะพบได้น้อยกว่าบริเวณอื่น แต่ในบางคนที่มีประวัติสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน หรือมีอายุเพิ่มขึ้น อาจพบกระเนื้อขึ้นตามแขนหรือมือได้ โดยมักมีลักษณะเป็นแผ่นราบหรือก้อนนูนเล็กๆ
- หนังศีรษะ พบได้ในบางกรณี โดยเฉพาะในผู้ที่มีผมบางหรือศีรษะล้าน ซึ่งทำให้หนังศีรษะได้รับแสงแดดโดยตรง กระเนื้อบริเวณนี้อาจมีลักษณะคล้ายสะเก็ดหนาหรือเป็นขุย
กระเนื้อสามารถเกิดขึ้นได้แทบทุกบริเวณของร่างกาย ยกเว้นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และบริเวณที่มีเยื่อเมือก แม้ว่าสาเหตุหลักจะมาจากพันธุกรรมและอายุ แต่ปัจจัยเสริมอย่างแสงแดด การเสียดสี และฮอร์โมน ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดกระเนื้อในบางตำแหน่งของร่างกายได้
กระเนื้ออันตรายไหม?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า กระเนื้ออันตรายไหม แต่จริงๆ แล้ว กระเนื้อไม่อันตราย เพราะจากการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังของกระเนื้อถูกจำกัดให้เติบโตในหนังกำพร้าเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่น และไม่สามารถแพร่กระจายไปตามกระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลืองเหมือนมะเร็งผิวหนัง หรือมะเร็งชนิดอื่นๆ
แม้ว่ากระเนื้อจะไม่เป็นอันตราย แต่อาจสร้างความรำคาญ โดยเฉพาะถ้ากระเนื้อเกิดในบริเวณที่มีการเสียดสี เช่น ใต้ราวนม ขาหนีบ หรือรักแร้ ที่เมื่อเป็นแล้วอาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือมีเลือดออกหากเสียดสีบ่อยๆ
อย่างไรก็ตามก็ควรเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนของกระเนื้ออยู่เสมอ ถ้ากระเนื้อมีอาการผิดปกติ เช่น มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนสี มีเลือดออก หรือมีอาการเจ็บ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบว่าก้อนเนื้อนั้นเป็นกระเนื้อ หรือเป็นก้อนเนื้อที่มีความเสี่ยงทางสุขภาพอื่นๆ
วิธีรักษากระเนื้อ
การรักษากระเนื้อสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง และความต้องการของผู้ป่วย โดยทั่วไป หากกระเนื้อไม่มีอาการผิดปกติ ก็ไม่จำเป็นต้องรักษา อย่างไรก็ตาม หากต้องการกำจัดเพื่อความสวยงาม หรือป้องกันการระคายเคือง สามารถใช้วิธีต่อไปนี้
- การจี้ด้วยความเย็น (Cryotherapy) เป็นวิธีที่นิยมใช้ในการรักษากระเนื้อ โดยแพทย์จะใช้ไนโตรเจนเหลว (-196°C) แตะหรือพ่นลงบนกระเนื้อ ทำให้เซลล์ของกระเนื้อแข็งตัวและตายลง หลังจากนั้นจะเกิดตุ่มพองเล็กๆ และกระเนื้อจะหลุดออกไปภายในไม่กี่วัน วิธีนี้รวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ค่อยมีแผลเป็น แต่ในบางกรณีอาจทำให้เกิดรอยด่างขาวบนผิวหนัง โดยเฉพาะในคนที่มีผิวคล้ำ
- การจี้ไฟฟ้า (Electrocautery) หรือจี้ด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency Ablation) เป็นการใช้ไฟฟ้าหรือคลื่นวิทยุความถี่สูงสร้างความร้อนเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อของกระเนื้อ วิธีนี้ช่วยให้สามารถกำจัดกระเนื้อได้อย่างแม่นยำ แพทย์มักใช้วิธีนี้เมื่อกระเนื้อมีขนาดใหญ่ โดยจะผ่าตัดกระเนื้อออกบางส่วนก่อนแล้วจึงจี้เพื่อให้แผลเรียบเนียนขึ้น ข้อดีคือให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แต่อาจมีแผลเป็นหากทำในบริเวณที่ผิวบอบบาง หรือหากแผลหายช้า
- การตัดออกด้วยใบมีด (Shave Excision) เป็นการใช้ใบมีดผ่าตัด ตัดกระเนื้อออกทีละชั้นจนผิวสม่ำเสมอ วิธีนี้เหมาะกับกระเนื้อที่มีขนาดใหญ่หรือนูนมาก และมักใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนทำ ข้อดีคือสามารถกำจัดกระเนื้อออกไปได้ทั้งหมด แต่ข้อเสียคืออาจมีรอยแผลเป็นบางๆ หลังทำ
- การเลเซอร์ (Laser Therapy) เป็นการใช้พลังงานแสงเลเซอร์ เช่น CO2 Laser หรือ Erbium YAG Laser เพื่อตัดหรือทำลายเซลล์กระเนื้อ วิธีนี้มีความแม่นยำสูง ช่วยให้แผลเรียบเนียน และลดโอกาสเกิดรอยดำหรือแผลเป็น
- การใช้ยาทาหรือสารเคมีลอกผิว (Topical Treatment & Chemical Peeling) แม้ว่าวิธีนี้จะไม่สามารถกำจัดกระเนื้อได้ทั้งหมดและจำเป็นต้องอาศัยเวลานาน แต่ก็เป็นวิธีที่สามารถช่วยทำให้กระเนื้อดูบางลงได้ อย่างยาที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดไตรคลอโรอะซิติก (Trichloroacetic Acid) กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และครีมวิตามินเอ (Retinoids) วิธีนี้มักใช้กับกระเนื้อขนาดเล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทำหัตถการ หรือกังวลปัญหาแผลเป็น
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดกระเนื้อ
กอร์เท็กซ์ (Gore-Tex) เป็นวัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์ที่ผลิตจากโพลีเตตราฟลูออโรเอทิลีน (ePTFE) มีคุณสมบัติเด่นคือเนื้อสัมผัสเป็นรูพรุน ช่วยให้เนื้อเยื่อร่างกายสามารถยึดเกาะเข้ากับวัสดุได้ดี อีกทั้งยังมีความนิ่มและยืดหยุ่นสูง ไม่แข็งทื่อ จึงให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับเนื้อเยื่อจมูกมากขึ้น
นอกจากนี้ กอร์เท็กซ์ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดพังผืดหรือการอักเสบได้ และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับโครงสร้างจมูกของแต่ละบุคคลได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมจมูกให้ได้รูปทรงที่รับกับใบหน้าอย่างสมดุล
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ กระเนื้อ
กระเนื้อหายเองได้มั้ย?
กระเนื้อขึ้นใหม่ได้มั้ย?
- กระเนื้อ. (21 สิงหาคม 2560). คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=33
- Michael, J. Seborrheic Keratosis. (2024, May 6). National Library of Medicine. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK545285/
- Amanda, O. Seborrhoeic keratosis. (2016, January). DermNet. https://dermnetnz.org/topics/seborrhoeic-keratosis
- Seborrheic Keratosis. (2021, August 8). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/21721-seborrheic-keratosis