วิธีลดเหนียง แบบไหนได้ผลที่สุด? รวมเทคนิคเด็ด ลดเหนียงเห็นผลไว
เหนียง เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อความมั่นใจของใครหลายคน สาเหตุการเกิดเหนียงมีหลายปัจจัย ตั้งแต่พันธุกรรมไปจนถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต การมีเหนียงไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางอย่างได้อีกด้วย
บทความนี้ Better Me Clinic by Dr. Chanya จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดเหนียง รวมถึงแนะนำวิธีการลดเหนียงด้วยตัวเองและวิธีลดเหนียงด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อให้คุณได้เลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
เหนียงคืออะไร?
เหนียง คือ ลักษณะของผิวหนังหรือถุงไขมันบริเวณใต้คางที่หย่อนคล้อยลงมา ทำให้เห็นเป็นเหมือนคางสองชั้น (Double Chin) ซึ่งอาจเห็นได้ชัดเจนเมื่อมีการสะสมของไขมันส่วนเกินในบริเวณดังกล่าว รวมถึงอาจเกิดร่วมกับความหย่อนคล้อยของผิวหนังตามช่วงวัย
เหนียงเป็นปัญหาผิวที่สามารถพบได้ทุกเพศ ทุกวัย และไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว ถึงแม้เหนียงจะไม่ส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและความงามได้
เหนียงเกิดจากอะไร?
เหนียงเกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยที่เพิ่มขึ้น น้ำหนักที่มากขึ้น หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดเหนียง มีดังนี้
- ไขมันสะสม บริเวณใต้คางเป็นจุดที่ไขมันสามารถเข้าไปสะสมได้ง่าย เนื่องจากเป็นจุดที่ไม่ค่อยมีการขยับหรือออกแรง โดยเฉพาะเมื่อเริ่มมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ไขมันสะสมนี้จะทำให้เห็นเป็นชั้น ๆ ใต้คางจนกลายเป็นเหนียงขึ้นมา
- พันธุกรรม เหนียงอาจเกิดจากพันธุกรรมได้เช่นกัน เนื่องจากโครงสร้างกระดูกใบหน้าและการสะสมไขมันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากคนในครอบครัวมีคางที่สั้นหรือโครงสร้างใบหน้าที่ไม่ค่อยมีกรอบชัดเจน ไขมันอาจจะสะสมใต้คางได้ง่ายกว่าปกติ ทำให้เห็นเหนียงได้ชัดเจนตั้งแต่อายุยังน้อย
- ผิวหย่อนคล้อยตามอายุ เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังจะลดลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความกระชับและเกิดการหย่อนคล้อย จนทำให้เกิดเหนียงขึ้นได้ง่าย
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต การก้มหน้ามองมือถือเป็นเวลานาน ๆ หรือการนั่งทำงานนาน ๆ โดยไม่เปลี่ยนท่าทาง จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณลำคอและใบหน้าไม่กระชับ เป็นสาเหตุให้เกิดเหนียงได้ง่ายเช่นกัน
- ท่านั่งและท่าทางที่ไม่ถูกต้อง การนั่งหรือยืนในท่าทางที่ไม่เหมาะสม จะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอผ่อนคลายจนเกิดการสะสมไขมันและเกิดผิวหย่อนคล้อยได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ การลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการออกกำลังกายที่เหมาะสมก็อาจทำให้ผิวหนังเกิดการหย่อนคล้อยได้เช่นกัน เนื่องจากผิวหนังที่สูญเสียไขมันไปไม่สามารถคืนรูปได้ทัน ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยบริเวณใต้คางขึ้นจนสังเกตเห็นเหนียงได้ชัดเจน
วิธีลดเหนียงด้วยตัวเอง
วิธีลดเหนียงคอด้วยตัวเองสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการออกกำลังกาย การดูแลเรื่องอาหาร และการดูแลผิวให้กระชับ
แต่ทั้งนี้ วิธีลดเหนียงคอด้วยตัวเองจำเป็นที่จะต้องอาศัยวินัยและความอดทนเป็นอย่างมาก หากไม่สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ ก็อาจจะไม่เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้ โดยวิธีลดเหนียงใต้คางด้วยตนเอง ที่ Better Me Clinic แนะนำมีดังนี้
1. ควบคุมน้ำหนัก
ไขมันส่วนเกินเป็นสาเหตุหลักของการเกิดเหนียง ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเหนียงร่วมกับน้ำหนักเกิน สิ่งแรกที่ควรให้ความสำคัญคือการควบคุมน้ำหนักและลดไขมันในร่างกาย เพราะถ้าหากไขมันลดลง ขนาดของเหนียงก็จะเล็กลงตามไปด้วย
สำหรับวิธีการควบคุมน้ำหนักก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำแต่มีสารอาหารสูง ลดการรับประทานคาร์โบไฮเดรตขัดสี เช่น น้ำตาลและแป้ง รวมถึงควรเลือกวิธีออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดี เช่น การเดิน, วิ่ง หรือออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการลดเหนียงควรดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เนื่องจากน้ำจะช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น และผิวดูกระชับมากขึ้น
2. ออกกำลังกระชับเหนียง
การออกกำลังกระชับเหนียง เป็นการออกกำลังกายที่เน้นบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอและคาง ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีลดเหนียงใต้คางที่มีประสิทธิภาพ เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณนี้แข็งแรงขึ้น ไขมันที่สะสมก็จะลดลงและทำให้ผิวหนังที่หย่อนคล้อยดูยกกระชับขึ้น โดยวิธีออกกำลังกายกระชับเหนียงที่แนะนำ มีดังนี้
- ท่ากระตุ้นกล้ามเนื้อคาง (Neck Tilt) ท่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและใต้คาง พร้อมกับลดไขมันสะสมได้ วิธีทำคือ นั่งหลังตรง เงยหน้าขึ้นให้คางชี้ไปทางเพดานจนรู้สึกตึงที่ลำคอและคาง จากนั้นให้ทำปากจู๋เหมือนจะจูบไปทางเพดาน ทำค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที แล้วกลับสู่ท่าปกติ ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
- ท่าแลบลิ้น (Tongue Stretch) ท่านี้จะช่วยเพิ่มการยืดหยุ่นและกระชับกล้ามเนื้อใต้คางรวมถึงบริเวณกรามได้ วิธีทำคือ นั่งหลังตรง เงยหน้าขึ้นช้า ๆ จนคางชี้ขึ้นด้านบน จากนั้นให้แลบลิ้นออกให้ไกลที่สุดพร้อมกับยกปลายลิ้นขึ้นไปทางจมูก ทำค้างไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วผ่อนกลับสู่ท่าปกติ ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
- ท่าดันลิ้นกับเพดานปาก (Tongue Press) ท่านี้มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใต้คาง วิธีทำคือ นั่งหลังตรง กดลิ้นแนบเพดานปาก แล้วค่อย ๆ ก้มศีรษะลงจนคางเกือบแตะหน้าอก ทำอย่างช้า ๆ จนรู้สึกตึงบริเวณคอ ค้างท่านี้ไว้ประมาณ 5 วินาที จากนั้นเงยหน้ากลับสู่ท่าปกติ ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้ง
- ท่ายิ้มกว้าง (The Smile Lift) เป็นอีกหนึ่งท่าที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าและบริเวณคางได้ โดยเริ่มจากนั่งหลังตรง ยิ้มให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค้างท่านี้ไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วผ่อนกลับ ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้ง
- ท่ายกคาง (Jaw Jut) ท่านี้จะเน้นการยืดและกระชับกล้ามเนื้อบริเวณกรามและใต้คาง เริ่มจากยืนตัวตรง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นจนคางชี้ขึ้นด้านบน จากนั้นให้ดันกรามล่างไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ จนรู้สึกตึงบริเวณใต้คาง ค้างท่านี้ไว้ประมาณ 5-10 วินาที แล้วผ่อนกลับสู่ท่าปกติ ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
3. ปรับปรุงท่านั่งและท่ายืน
นอกจากการควบคุมน้ำหนักและการออกกำลังกายกระชับเหนียงแล้ว การปรับปรุงท่านั่งและท่ายืนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เนื่องจากท่านั่งหรือท่ายืนที่ไม่ถูกต้อง เช่น การก้มหน้ามากเกินไป หรือการนั่งห่อตัว อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและคางไม่ได้รับการใช้งานและส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยได้
การปรับปรุงท่าทางด้วยการนั่งตัวตรง ยืดคอให้ตรง และไม่ก้มหน้านาน ๆ จะช่วยรักษากล้ามเนื้อ ทำให้ผิวกระชับ และลดเหนียงลงได้
วิธีลดเหนียงด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์
วิธีลดเหนียงด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อช่วยสลายไขมันใต้คางและกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย จะทำให้เหนียงดูลดลงและใบหน้าดูกระชับขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
สำหรับวิธีลดเหนียงด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ Better Me Clinic แนะนำ มีดังนี้
1. ดูดไขมันเหนียง
การดูดไขมันเหนียง (Double Chin Liposuction) เป็นวิธีแก้ปัญหาไขมันสะสมบริเวณใต้คาง โดยการใช้ท่อขนาดเล็กสอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อดูดไขมันออกมาโดยตรง ทำให้เหนียงบริเวณคางลดลงอย่างชัดเจน
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้คางเป็นจำนวนมากและต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งการดูดไขมันเหนียงนอกจากจะช่วยลดเหนียงใต้คางได้แล้ว ยังช่วยให้ผิวหนังบริเวณนี้ดูกระชับขึ้นอีกด้วย
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การดูดไขมันเหนียงยังมีข้อจำกัดอยู่เล็กน้อยตรงที่ใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวนาน ส่วนมากมักจะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ รวมถึงต้องมีการดูแลสุขภาพและควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน
2. ฉีดเมโสแฟต
เมโสแฟต คือ การฉีดตัวยาชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเร่งการเผาผลาญไขมัน รวมถึงช่วยลดกระบวนการเกิดเซลล์ไขมันใหม่เข้าไปเพื่อสลายไขมันส่วนเกินในจุดที่มีปัญหา หลังจากฉีดเมโสแฟตไปยังบริเวณที่มีไขมันสะสม โครงสร้างผิวในบริเวณนั้นจะค่อย ๆ ลดขนาดลง ไขมันส่วนเกินจะถูกขับออกทางระบบขับถ่าย ทำให้เหนียงมีขนาดเล็กลงและกรอบหน้าดูชัดเจนมากขึ้น
การฉีดเมโสแฟตเป็นวิธีที่ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อย ราคาจับต้องง่าย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงจากการสะสมของไขมันส่วนเกินและต้องการที่จะลดเหนียง
3. HIFU
HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) หรือ ไฮฟู่ เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้ผิวชั้นนี้หดตัวและเกิดการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนรวมถึงเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการลดเหนียง ยกกระชับผิวโดยไม่ต้องพักฟื้น
โดยทั่วไปแล้ว HIFU จะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ แต่ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นและเห็นผลชัดเจนที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 เดือน คงผลลัพธ์ไว้ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
แต่ถ้าหากต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในอีกระดับ Better Me Clinic ขอแนะนำการทำ HIFU ด้วยเครื่อง Ultraformer lll ซึ่งเป็นเครื่องมือการทำ HIFU ที่ใช้นวัตกรรม MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) เข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานใต้ผิว ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำ HIFU แบบทั่วไปถึง 5 เท่า และผลลัพธ์จะคงประสิทธิภาพไว้ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี
นอกจากนี้ การทำ HIFU ด้วยเครื่อง Ulthera ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีหลักการทำงานโดดเด่นกว่าเครื่องอื่น ๆ เนื่องจากมีหัวยิงขนาดจุดโฟกัสเล็ก มีจอแสดงผลแบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์สามารถสังเกตเห็นชั้นผิวและแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุด โดยการทำ Ulthera เพียง 1 ครั้ง จะสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 1 ปี
4. Thermage
เทอร์มาจ (Thermage) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับยกกระชับผิวและสลายไขมันส่วนเกิน โดยจะใช้เทคโนโลยีการส่งคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ลงไปใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน พร้อมทั้งช่วยจัดเรียงเส้นใยคอลลาเจนและกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ให้ยึดเกาะกับชั้นผิวได้ดี ส่งผลให้ผิวบริเวณคอกระชับขึ้นและเหนียงลดลง
วิธีนี้หมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงจากผิวหย่อนคล้อยหรือไม่กระชับเนื่องจากไขมันสะสม ถึงแม้ว่าเทอร์มาจจะเป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือมีผลข้างเคียงรุนแรง แต่ก็เป็นหัตถการที่จำเป็นต้องทำหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
5. ยกกระชับด้วยเส้นไหม
การยกกระชับด้วยเส้นไหม หรือ การร้อยไหมลดเหนียงใต้คาง (Thread Lift) เป็นหัตถการที่แพทย์จะใช้เส้นไหมเงี่ยงสอดเข้าไปเกี่ยวกับเนื้อเยื่อและไขมันบริเวณเหนียง ก่อนจะดึงไหมขึ้นเพื่อยกผิวที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น
วิธีนี้จะช่วยยกกระชับผิวบริเวณคางและลำคอได้ทันที รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ทำให้ผิวดูกระชับและดูอ่อนเยาว์ แต่ทั้งนี้ การยกกระชับด้วยเส้นไหมก็ควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและไม่เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย
วิธีป้องกันการเกิดเหนียง
วิธีป้องกันการเกิดเหนียงสามารถทำได้โดยการดูแลตัวเองในหลาย ๆ ด้าน โดยวิธีง่าย ๆ ที่สามารถป้องกันการเกิดเหนียงได้ มีดังนี้
- ควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีการป้องกันการเกิดเหนียงที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสมจะช่วยลดโอกาสการสะสมไขมันบริเวณใบหน้าและลำคอได้
- ดูแลผิวให้แข็งแรง เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันการเกิดเหนียงที่สำคัญ เนื่องจากผิวที่ไม่แข็งแรงเป็นจุดเริ่มต้นของการมีผิวหย่อนคล้อย หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง อาจมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นกับผิว รวมถึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดไฮยาลูโรนิก และโคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10)
- นวดหน้าและใต้คางด้วยมือ การนวดผิวบริเวณนี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิว การนวดสามารถทำได้เองง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วมือถูและยกขึ้นเบา ๆ จากล่างขึ้นบนตามแนวกรามและใต้คาง นวดวนเบา ๆ เป็นเวลาประมาณ 5-10 นาทีทุกวัน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนและกระชับผิวหนัง
- นวดหน้าด้วยกัวซา วิธีนี้มีจุดประสงค์เดียวกันกับการนวดหน้าด้วยมือ เพียงแต่มีการใช้อุปกรณ์เข้ามาช่วยทำให้นวดหน้าได้ง่ายขึ้น การนวดหน้าด้วยกัวซาสามารถทำได้โดยการจับกัวซาให้อยู่ในมุม 45 องศา และเริ่มกดกัวซาลงบนผิว ควรเริ่มจากด้านล่างของคอขึ้นไปจนถึงคาง และนวดจากกรอบหน้าไล่ขึ้นไปจนมีความสูงระดับจมูก การใช้กัวซาเป็นประจำจะช่วยให้กรอบหน้าดูชัด รวมถึงผิวบริเวณคางและคอดูกระชับขึ้นได้
- เคี้ยวหมากฝรั่ง เมื่อเราเคี้ยวหมากฝรั่งซ้ำ ๆ กล้ามเนื้อใบหน้าและคางจะได้รับการบริหาร ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามและคางแข็งแรงขึ้น นอกจากจะช่วยป้องกันการเกิดเหนียงได้แล้ว ยังทำให้แนวกรามและใบหน้าดูชัดเจนขึ้นได้อีกด้วย
สรุปเกี่ยวกับวิธีการลดเหนียง
จะเห็นได้ว่าวิธีลดเหนียงคอนั้นมีหลายแนวทางให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการลดเหนียงด้วยตัวเอง หรือการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วย ซึ่งทั้งสองทางเลือกนี้ก็ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับผู้ที่ต้องการลดเหนียงด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำหัตถการลดเหนียงที่ไหนดี? Better Me Clinic by Dr. Chanya เราพร้อมดูแลคุณ ด้วยคลินิกที่ได้มาตรฐาน ให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการทุกขั้นตอน คุณจึงมั่นใจได้เลยว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
หากยังไม่มั่นใจว่าควรลดเหนียงด้วยวิธีใด สามารถติดต่อเข้ามาที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya เพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพผิวและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมแบบเคสบายเคสได้เลย ติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
- Skinworks Nyc, What Causes a Double Chin? (https://www.skinworksny.com/blog/what-causes-a-double-chin), 18 October 2024.
- WebMD, How to Get Rid of a Double Chin (https://www.webmd.com/beauty/how-to-get-rid-of-a-double-chin), 18 October 2024.
- HDmall, เมโสแฟต (Meso Fat) รวบครบทุกข้อมูลการฉีดเมโสแฟต (https://hdmall.co.th/c/hdinsight-meso-fat-injection-at-gangnam-clinic), 18 ตุลาคม 2567.
- HDmall, ดูดไขมันเหนียง มั่นใจ ใบหน้าเรียวได้รูป (https://hdmall.co.th/blog/c/double-chin-liposuction/), 18 ตุลาคม 2567.