พลาเซนต้า รกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ช่วยให้ผิวเนียนใส อ่อนวัยอีกครั้ง!
พลาเซนต้า หรือรกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก ให้ผิวกระจ่างใส คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว อีกทั้งยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย มาติดตามไปพร้อมกันว่าพลาเซนต้าช่วยเรื่องอะไรได้อีกในบทความนี้
มารู้จักพลาเซนต้า คืออะไร?
พลาเซนต้า คือรกจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งเป็นอวัยวะที่สร้างขึ้นมาเมื่อแม่ตั้งครรภ์ ด้านหนึ่งจะติดอยู่กับผนังมดลูก ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเชื่อมกับสายสะดือของลูก มีหน้าที่แลกเปลี่ยนสารอาหาร ออกซิเจน และของเสีย ช่วยในการเสริมสร้างเซลล์ สร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อเลี้ยงดูให้ตัวอ่อนได้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์
ในพลาเซนต้าประกอบไปด้วยกรดอะมิโน Growth factor ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต Stem Cell Stimulating Factor ที่ช่วยกระตุ้น Stem Cell ให้ทำการซ่อมแซมร่างกาย จึงได้มีการฉีดพลาเซนต้า เพื่อประโยชน์ในเรื่องของการฟื้นฟูร่างกาย สุขภาพ ปรับสภาพฮอร์โมนให้สมดุล รวมไปถึงบำรุงผิวพรรณ
หลักการทำงานของพลาเซนต้า
พลาเซนต้ามี Stem Cell Stimulating Factor ซึ่งมีหน้าที่กระตุ้น Stem Cell ในร่างกายที่อยู่ในช่วงพักให้กลับมาทำงานปกติได้ อีกทั้งในพลาเซนต้ายังมี Placenta Peptide ที่สามารถกระตุ้น Stem Cell ให้เพิ่มมากขึ้นได้ถึง 8 เท่า จึงมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพ แล้วสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ ส่งผลไปยัง
พลาเซนต้าช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
ประโยชน์หลักๆ ของพลาเซนต้า คือการเสริมสร้าง และซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย เพราะในพลาเซนต้ามีสารอาหารต่างๆ ที่สำคัญ จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต รวมถึงวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ จึงมีคุณสมบัติที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้
- ผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เต่งตึง ดูอ่อนวัย
- ช่วยลดรอยดำ ฝ้า กระ ปรับเซลล์ผิวให้ดูสม่ำเสมอ
- คืนความสมดุลของกรด และด่างในเลือด ช่วยขับของเสียจากเซลล์ ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น อีกทั้งยังลดการอักเสบได้อีกด้วย
- ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย
- รักษาแผล และแผลเป็น พร้อมสมานแผลให้หายเร็ว
- ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น และสุขภาพผิวแข็งแรง
- ช่วยบำรุงสุขภาพผมให้แข็งแรง
- ปรับฮอร์โมนให้มีความสมดุล เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
ใครที่เหมาะกับการฉีดพลาเซนต้า?
พลาเซนต้าเหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ไปจนถึงคนที่อยากดูแลผิวพรรณ โดยคนที่เหมาะจะฉีดพลาเซนต้า มีดังนี้
- คนที่มีอาการปวดตา เหนื่อยล้าสะสม
- คนที่บ่าแข็งตึง ปวดหลัง เข่า หรือข้อต่ออื่นๆ
- คนที่ปวดกล้ามเนื้อ หรือเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ
- คนที่มีผิวแห้ง หรือเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง
- คนที่มีอาการไวต่อความเย็น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดประจำเดือน
- คนที่เป็นโรคในวัยหมดประจำเดือน
- คนที่มีผิวหมองคล้ำ ผิวหยาบกร้าน
- คนที่มีสภาพร่างกายผิดปกติ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ
- คนที่ตับทำงานผิดปกติ
- คนที่เป็นไข้ละอองฟาง
พลาเซนต้า มีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร?
ประเภทของพลาเซนต้ามีทั้งหมด 2 ประเภท ซึ่งมีความแตกต่างกันในเรื่องของกระบวนการผลิต ดังนี้
Placenta
พลาเซนต้าแบบสำเร็จรูป เป็นพลาเซนต้าที่สกัดออกมาจากรก แล้วนำมาบรรจุในแอมป์ โดยควรเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพราะโปรตีนจะสลายไปได้ง่าย เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูทั่วร่างกายจากภายใน หรือเน้นการดูแลซ่อมแซมเฉพาะจุด
Placenta Extract
พลาเซนต้าจากแล็ป หรือ Placenta Extract เป็นพลาเซนต้าที่ผ่านการผลิตที่มีมาตรฐานสูง ส่งตรงจากห้องแล็ป เริ่มต้นจากการคัดเลือกรกจากหญิงตั้งครรภ์ที่สุขภาพแข็งแรง มีการตรวจสุขภาพตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และหลังตั้งครรภ์ โดยต้องไม่มีโรคทางกรรมพันธุ์ หรือโรคติดเชื้ออื่นๆ เมื่อได้รกมาแล้วจะนำไปแช่ไว้ในไนโตรเจนเหลว นำมาสกัดแยกเซลล์ให้ได้เปปไทด์ที่เต็มไปด้วยฮอร์โมน Growth Factor เก็บรักษาไว้ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิ -20 ถึง 0 องศาเซลเซียส เพื่อคงสภาพของโปรตีนไม่ให้เสื่อมสลาย
โดย Placenta Extract จะเหมาะกับคนที่อยากฉีดพลาเซนต้าที่เน้นการดูแลเฉพาะจุด เช่น เน้นเรื่องกระตุ้นเซลล์ผิว เน้นเรื่องเสริมฮอร์โมนเพศ เป็นต้น พลาเซนต้าประเภทนี้จึงสามารถตอบโจทย์การดูแลได้ตรงจุด และเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนกว่า
พลาเซนต้า สามารถฉีดที่บริเวณไหนได้บ้าง
บริเวณที่สามารถฉีดพลาเซนต้าได้มีอยู่ 2 จุด คือ บริเวณหน้าและสะโพก การฉีดแต่ละบริเวณจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
พลาเซนต้าฉีดหน้า
การฉีดพลาเซนต้าที่หน้า เป็นการทำให้สารสกัดเข้าไปฟื้นฟู Fibroblast เพื่อกระตุ้นเซลล์ผิวให้มีความสมบูรณ์ สร้างคอลลาเจน และอีลาสติกเพิ่มมากขึ้น ทำให้หน้าดูเด็กลง ลดฝ้า กระ ริ้วรอย
พลาเซนต้าฉีดสะโพก
การฉีดพลาเซนต้าที่สะโพก เป็นการฉีดเพื่อกระตุ้นฮอร์โมน สำหรับการฟื้นฟูทั้งร่างกาย ระบุเพศได้ว่าต้องการให้เป็นสารสกัดกระตุ้นฮอร์โมนเพศชายหรือเพศหญิง ก่อนที่ฉีดจำเป็นต้องมีการคัดกรองมะเร็ง รวมถึงปรับระดับฮอร์โมน เพื่อให้พลาเซนต้าเข้าไปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
พลาเซนต้า ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน
การฉีดพลาเซนต้าเพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด ในช่วง 4 สัปดาห์แรก ควรฉีดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 ขวด หลังจากสัปดาห์ที่ 5 ไป ควรฉีดสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 2-3 ขวด โดยให้ฉีดต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน 4-6 เดือน และสามารถฉีดพลาเซนต้ากระตุ้นได้ทุก 6 เดือน – 1 ปี
เทียบให้เห็นชัด เลือกฉีดพลาเซนต้ายี่ห้อไหนดี?
ปัจจุบันพลาเซนต้ามีด้วยกันหลายยี่ห้อ จึงอยากมาเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างว่าแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นอย่างไร เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะฉีดพลาเซนต้ายี่ห้อไหนดี โดยยกพลาเซนต้ามาทั้งหมด 3 ยี่ห้อ ดังนี้
Replay Fresh Frozen Placenta
พลาเซนต้าตัวนี้ คือพลาเซนต้าบริสุทธิ์ที่รวบรวมสารที่จำเป็นต่อร่างกายเอาไว้มากมาย เช่น เอนไซม์ คอลลาเจน เปปไทด์ ที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวมีความกระชับ ยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ รอยสิว ลดความหมองคล้ำของสีผิว สามารถกระตุ้น Growth Factor ที่เป็นส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของฮอร์โมน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้ รวมถึงยังสามารถช่วยสมานแผล รักษาแผลเป็นได้
Replay Placenta for Men
Replay Placenta for Men คือพลาเซนต้าที่เหมาะสำหรับคุณผู้ชายโดยเฉพาะ เพราะมีโปรตีนเข้มข้นซึ่งมีประโยชน์มากต่อร่างกายของผู้ชาย รวมทั้งยังมีปริมาณฮอร์โมนเพศชายอย่าง Testosterone และ Growth Hormone ในระดับสูง เป็นพลาเซนต้าที่ต้องฉีดไปที่บริเวณสะโพกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยมีประโยชน์คือ
- ช่วยลดไขมันและเพิ่มกล้ามเนื้อ
- ลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
- มีส่วนช่วยในการควบคุมโรคเบาหวานกับความดันโลหิตสูง
- ช่วยฟื้นฟูระบบภูมิต้านทาน
- ลดอาการปวด และการอักเสบเรื้อรัง ช่วยให้นอนหลับสนิท
- เพิ่มสมรรถภาพ หรือความต้องการทางเพศ
- เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย เพื่อให้มีความตื่นตัวอยู่ตลอด
Replay Placenta for Women
Replay Placenta for Women คือพลาเซนต้าที่เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งมีโปรตีนเข้มข้นที่มีประโยชน์มากต่อร่างกายของผู้หญิงเช่นกัน รวมทั้งยังมีปริมาณฮอร์โมนเพศหญิงอย่าง Estradiol, Progesteron และ Growth Hormone จำนวนมาก เป็นพลาเซนต้าที่ต้องฉีดไปที่บริเวณสะโพกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยมีประโยชน์คือ
- ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ลดเลือนริ้วรอย ไปจนถึงร่องลึกบนใบหน้า
- ผลัดเซลล์ผิวใหม่ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ลดอาการเหนื่อยล้าร่างกาย
- ช่วยเผาผลาญ และลดน้ำหนัก
- ปรับสมดุลของฮอร์โมนในหญิงวัยหมดประจำเดือน
- ช่วยต่อต้าน และลดความเครียด
ขั้นตอนการฉีดพลาเซนต้า
สำหรับการฉีดที่บริเวณหน้า ต้องแปะยาชาที่ลำคอก่อนเป็นเวลา 15-30 นาที พร้อมทั้งกระตุ้นผิวหน้าด้วยการทำ Hifu เพื่อให้ผิวเกิดความร้อน และมี Inflammation ส่วนการฉีดที่บริเวณสะโพก ต้องมีการปรับฮอร์โมน และตรวจเลือดก่อน
หลังจากฉีดพลาเซนต้าแล้ว ทางคลินิกจะมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และมีการฉีดต่อเนื่องเรื่อยๆ ทุกเดือน เป็นเวลา 4-6 เดือน
การดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดพลาเซนต้า ทำได้อย่างไร
การฉีดพลาเซนต้าเป็นหัตถการที่ไม่ซับซ้อนแต่ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีด รวมถึงดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย เพื่อให้คงผลลัพธ์อย่างเต็มที่ โดยสามารถเตรียมตัวก่อนฉีด และดูแลตัวเองหลังฉีดได้ดังนี้
การเตรียมตัวก่อนฉีดพลาเซนต้า
- นัดคิวแพทย์ เพื่อทำการประเมินสภาพผิว และตรวจสุขภาพ จะได้นำมาวิเคราะห์ปัญหาที่ควรแก้ไข
- นัดคิวเพื่อทำการฉีดพลาเซนต้า วางแผนเรื่องเวลาให้ดี เพราะพลาเซนต้าใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 45 นาที
การดูแลตัวเองหลังฉีดพลาเซนต้า
- ไม่ควรกดหรือบีบบริเวณที่ฉีด
- หลังจากฉีด ให้งดล้างหน้าเป็นเวลา 5 ชั่วโมง
- หากมีรอยแดงหรือช้ำให้ทำการประคบเย็น
- ทาครีมกันแดดอยู่เสมอ
- งดออกไปเจอแดดจัด 2 วัน หลังจากการฉีดพลาเซนต้า
- งดทาสกินแคร์ที่เป็นสูตร Whitening
- บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วยสกินแคร์ที่มี Moisturizer
ข้อควรรู้! ก่อนตัดสินใจฉีดพลาเซนต้า
สำหรับการฉีดพลาเซนต้ายังไม่พบผลวิจัยว่ามีอาการแพ้ หรือผลข้างเคียงใดๆ ที่รุนแรง แต่ในบางคนอาจเกิดอาการแพ้ตรงบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย ไม่ก็อาจมีผื่นแดง จึงควรแจ้งให้ทราบก่อนว่ามีโรคประจำตัว หรือแพ้ยาก่อนฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้จากการฉีดพลาเซนต้าที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต
เลือกคลินิกฉีดพลาเซนต้าอย่างไร ให้เห็นผล
- เลือกคลินิกจากประสบการณ์ของแพทย์ ควรเลือกคลินิกที่แพทย์มีชำนาญการในเรื่องของการฉีดพลาเซนต้า เพื่อจะได้วิเคราะห์ปัญหา และเลือกบริเวณในการแก้ไขได้ถูกจุด เพราะพลาเซนต้าสามารถฉีดได้ทั้งที่บริเวณใบหน้าหรือสะโพก แต่ละบริเวณต่างกันไปตามจุดประสงค์ในการแก้ไขปัญหา
- คลินิกใช้พลาเซนต้าที่ได้มาตรฐาน บางคลินิกจะแกะบรรจุภัณฑ์ให้กับคนไข้ดู เพื่อให้มั่นใจในพลาเซนต้าว่าเป็นของแท้ ได้มาตรฐาน เป็นพลาเซนต้าชนิดที่ถูกต้องตามต้องการ
- คลินิกมีความสะอาด ปลอดภัย มีใบรับรอง ต้องเป็นคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข ใช้อุปกรณ์ที่มีความสะอาด บรรยากาศในคลินิกสะอาด กว้างขวาง ตกแต่งสวยงาม
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ รีวิวที่มีอยู่ในคลินิกต้องเป็นรีวิวของจริง สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนฉีดพลาเซนต้า
ฉีดพลาเซนต้า กับ Better Me Clinic ดีกว่าอย่างไร
- คุณหมอมีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมมายาวนาน มากกว่า 8 ปี
- เทคนิคใหม่แบบ Better Me คลินิกเน้นการออกแบบที่สวยงาม เหมาะกับใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคเฉพาะจากประเทศเกาหลี
- คลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน พร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- Better Me Club มีการบริการด้วยหัวใจหลังศัลยกรรม หรือทำหัตถการ ด้วยบริการให้คำแนะนำโดยแอดมินสายตรง 24 ชั่วโมง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ
- เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพิ่มความมั่นใจและสวยที่สุดในราคาที่จับต้องได้
สรุป
การฉีดพลาเซนต้า คือการใช้ Stem Cell Stimulating Factor ในพลาเซนต้าให้ทำงานช่วยกระตุ้น Stem Cell ฉีดเพื่อประโยชน์ในเรื่องของการฟื้นฟูร่างกาย สุขภาพ โดยพลาเซนต้าสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เป็นต้น เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ไปจนถึงคนที่อยากดูแลผิวพรรณ ซึ่ง Better Me Clinic by Dr.Chanya มีบริการฉีดพลาเซนต้า ให้คำปรึกษาด้วยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้พลาเซนต้าที่ได้มาตรฐาน รับรองว่าทุกคนที่ต้องการฉีดพลาเซนต้าจะได้รับบริการที่ดี พร้อมทั้งได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับพลาเซนต้า (FAQ)
Better Me Clinic รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับพลาเซนต้ามาตอบ เพื่อคลายความสงสัยสำหรับคนที่ต้องการทราบข้อมูลของหัตถการชนิดนี้ให้มากขึ้น จะได้นำไปประกอบการตัดสินใจก่อนฉีดพลาเซนต้า
