Personal Color ศาสตร์แห่งสีเฉพาะบุคคล สีไหนที่เหมาะกับเรา?
ถ้าพูดถึงเรื่องสี หลายๆ คนคงมีสีที่ชอบอยู่ในใจแน่นอน! แต่สีที่ชอบอาจจะไม่ใช่สีที่ใช่เสมอไป เพราะสีที่ใช่นอกจากจะเหมาะกับบุคลิกเราแล้ว ยังต้องช่วยขับผิวของเราให้ดูกระจ่างใสขึ้นด้วย แต่จะรู้ได้ยังไงว่าสีไหนล่ะที่เหมาะกับเรา? Better Me Clinic จึงจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ Personal Color ศาสตร์แห่งสีเฉพาะบุคคลกัน บทความนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลย!
Personal Color คืออะไร?
Personal Color คือ ศาสตร์แห่งสีเฉพาะบุคคลที่ช่วยขับผิวให้ดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้ว Personal Color จะวิเคราะห์จากอันเดอร์โทนสีผิว สีตา และสีผมของแต่ละคนโดยไม่ได้อิงข้อมูลตามความชอบของผู้เข้ารับบริการมากนัก แต่จะเลือกสีที่ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสว่างกระจ่างใสขึ้น
หลายคนมักเข้าใจว่า Personal Color เป็นหลักการวิเคราะห์ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวเกาหลีใต้ แต่จริงๆ แล้ว Personal Color เกิดจากการค่อยๆ นำทฤษฎีสีของนักวาดหลายคนมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็น Michel Eugenene Chevreul ผู้วางทฤษฎีเกี่ยวกับการขัดแย้งระหว่างสีตรงกันข้าม (The Simultaneous Contrast) หรือ Johannes Itten ผู้แบ่งสีเป็น 4 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว
หลังจากนั้นฝั่งตะวันตกก็ได้มีการประยุกต์ทฤษฎีสีต่างๆ ให้เข้ากับสีผิว โดยช่วงแรกของ Personal Color จะมีการแบ่งสีที่เหมาะสมกับแต่ละคน แบ่งจากสีน้ำเงินและสีเหลืองเท่านั้น ก่อนที่ญี่ปุ่นจะนำทฤษฎีเหล่านี้มาพัฒนาต่อในปี 1964 และถูกเรียกว่า ‘PCCS’ จนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
และเมื่อไม่กี่ปีให้หลังมานี้ เกาหลีใต้ได้นำทฤษฎีนี้มาพัฒนาต่อให้เหมาะกับมาตรฐานอุตสาหกรรมเกาหลีมากขึ้น จนเกิดเป็นเทรนด์วิเคราะห์ Personal Color ขึ้นมา
Personal Color สำคัญอย่างไร?
Personal Color เป็นหนึ่งในทฤษฎีที่ช่วยให้เราสามารถเลือกเสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมถึงเครื่องสำอางที่เหมาะสมกับตนเองได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมความมั่นใจและบุคลิกภาพแต่ละคนให้โดดเด่นขึ้นด้วย โดยผู้เชี่ยวชาญจะวิเคราะห์สีที่เหมาะกับผิวและเหมาะกับบุคลิกของเราให้ได้มากที่สุด
ใบหน้าดูสดใสขึ้นเพราะ Personal Color จริงไหม?
หลายคนอาจสงสัยว่า Personal Color ช่วยทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นได้จริงไหม? คำตอบคือ Personal Color ช่วยทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นได้จริง เพราะเป็นการนำทฤษฎีสีมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการแต่งหน้าและแต่งกาย หลายคนหลังจากทำ Personal Color ไปแล้วจะพบว่าหากแต่งตัวตามฤดูของตัวเอง ผิวจะดูมีชีวิตชีวา เปล่งปลั่งขึ้น รวมถึงยังทำให้จุดด่างดำและรอยแดง สังเกตเห็นได้ยากขึ้นอีกด้วย
Personal Color มีกี่กลุ่ม?
ปกติแล้ว Personal Color จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ โทนอุ่น (Warm Tone) และโทนเย็น (Cool Tone) ซึ่งแต่ละโทนจะแบ่งออกเป็นชื่อฤดูทั้งหมด 4 กลุ่ม ได้แก่ Spring Warm, Summer Cool, Autumn Warm และ Winter Cool โดยคนในแต่กลุ่มมักจะมีลักษณะดังนี้
- Spring Warm หมายถึง สีโทนร้อนที่มีความอิ่มตัวและความสว่างสูง คนกลุ่มนี้จะมีผิวอมเหลืองหรือโทนอุ่น ดวงตาสีน้ำตาล ผมสีอ่อน และมีบุคลิกที่สดใส ร่าเริง โทนสีที่เหมาะกับกลุ่มนี้ คือ สีโทนร้อนที่สดใส
- Summer Cool หมายถึง สีโทนเย็นที่มีความอิ่มตัวของสีต่ำและมีความสว่างสูง คนกลุ่มนี้จะมีผิวอมชมพู ตาสีน้ำตาลแดงหรือดำ มีบุคลิกที่อ่อนโยน น่าทะนุถนอม และสง่างาม โทนสีที่เหมาะกับกลุ่มนี้ คือ สีชมพูและโทนสีพาสเทลที่มีความสว่างสูง สีที่ควรหลีกเลี่ยง คือ สีน้ำตาลและสีส้ม
- Autumn Warm หมายถึง สีโทนร้อนที่มีความอิ่มตัวของสีต่ำและมีความสว่างต่ำ คนกลุ่มนี้จะมีผิวโทนเหลืองและมีบุคลิกที่น่าเกรงขาม มีความเป็นผู้ใหญ่ โทนสีที่เหมาะกับกลุ่มนี้ คือ สีเหลือง สีน้ำตาล สีกากี และสีแดงไวน์ รวมถึงเหมาะกับการแต่งหน้าด้วยสีเข้มๆ อีกด้วย
- Winter Cool หมายถึง สีโทนเย็นที่มีความอิ่มตัวของสีสูงและมีความสว่างต่ำ คนกลุ่มนี้จะมีผิวอมชมพู บุคลิกดูโฉบเฉี่ยว และเข้าถึงยาก โทนสีที่เหมาะกับกลุ่มนี้ คือ สีโทนเย็นที่มีความสดใส หากใส่เสื้อผ้าที่มีสีต่างกันมากๆ ก็จะยิ่งทำให้ลุคโดยรวมดูดีขึ้น
แต่ละกลุ่มอาจมีการแบ่งกลุ่มย่อยออกไปได้อีก เช่น กลุ่ม Spring Warm ที่แบ่งเป็น Spring Light และ Spring Bright กลุ่ม Summer Cool ที่แบ่งเป็น Summer Light และ Summer Mute ซึ่งการวิเคราะห์ลึกถึงกลุ่มย่อยจะต้องอาศัยความชำนาญของผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์
วิธีทดสอบ Personal Color ของตัวเอง
Personal Color เป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งและต้องให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ให้รายบุคคล อย่างไรก็ตามเราสามารถวิเคราะห์ Personal Color เบื้องต้นด้วยตนเองได้ ดังนี้
1. วิเคราะห์โทนสีผิว
- สีเส้นเลือดที่ข้อมือ สามารถบอกถึง Undertone หรือโทนสีผิวได้ ถ้าเส้นเลือดที่ข้อมือเป็นสีม่วง แปลว่าเรามีผิวโทนเย็นหรือผิวอมชมพู และถ้าหากเส้นเลือดที่ข้อมือของเราเป็นเส้นสีเขียวหรือสีน้ำตาลเข้ม แสดงว่าเรามีผิวโทนร้อนหรือผิวอมเหลือง
- สีผิวหลังโดนแดด ถ้าสีผิวหลังออกแดดเป็นสีแดง แปลว่าเรามีผิวโทนเย็น และถ้าหากสีผิวหลังออกแดดดูคล้ำขึ้น แสดงว่าเรามีผิวโทนร้อน
- สีเครื่องประดับ ถ้าใส่เครื่องประดับสีเงินแล้วผิวดูสว่างขึ้น แปลว่าเรามีผิวโทนเย็น แต่ถ้าใส่เครื่องประดับสีทองแล้วผิวดูสว่างขึ้น แสดงว่าเรามีผิวโทนร้อน
ในขั้นตอนนี้จะช่วยกำหนดขอบเขตข้อมูลการวิเคราะห์ให้แคบลง เพราะหากวิเคราะห์จากโทนสีผิว ผู้ที่มีผิวโทนอุ่นจะมีโอกาสอยู่ในกลุ่ม Spring Warm และ Autumn Warm เท่านั้น ส่วนผู้ที่มีผิวโทนเย็นจะมีโอกาสอยู่ในกลุ่ม Summer Cool และ Winter Cool
2. เลือกกลุ่มสี Personal Color
- มิติบนใบหน้า หากโครงหน้าไม่ชัดเจนนัก เช่น หน้ากลม, สันจมูกไม่ชัด มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่ม Spring Warm และ Summer Cool ส่วนผู้ที่มีโครงหน้าชัด สันจมูกโด่ง เบ้าตาลึก มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่ม Autumn Warm และ Winter Cool
- สีตาและสีผม หากมีสีตาและผมสีอ่อน มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่ม Spring Warm และ Summer Cool แต่ถ้ามีสีตาและผมสีเข้ม มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่ม Autumn Warm และ Winter Cool
- บุคลิก หากมีบุคลิกที่สดใส ร่าเริง มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่ม Spring Warm หากมีบุคลิกที่อ่อนโยน น่าทะนุถนอม และสง่างาม มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่ม Summer Cool หากมีบุคลิกที่น่าเกรงขาม มีความเป็นผู้ใหญ่ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่ม Autumn Warm หากมีบุคลิกที่ดูโฉบเฉี่ยวและเข้าถึงยาก มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกลุ่ม Winter Cool
หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลตามโทนสีผิวและกลุ่มสี Personal Color แล้ว ก็จะได้ผลการประเมินออกมาเบื้องต้นว่าเรามีแนวโน้มเอนเอียงไปทางฤดูไหนมากกว่า หลังจากนั้นก็สามารถนำฤดูของตัวเองมาหาข้อมูล เพื่อใช้ในการเลือกเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอางได้เลย
ไอเดียการแต่งตัว แต่งหน้า ตาม Personal Color
การแต่งตัวและแต่งหน้าตาม Personal Color จะช่วยเสริมความงามตามธรรมชาติและเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเองได้ โดยไอเดียการแต่งตัว แต่งหน้า ตาม Personal Color ทั้ง 4 ฤดู สามารถทำได้ดังนี้
1. Spring Warm
คนกลุ่มนี้มักจะเหมาะกับสีที่เป็นโทนอบอุ่นและสดใส เช่น สีพีช, สีเหลืองอ่อน, สีเขียวมะนาว, สีฟ้าอ่อน และสีทอง
- ไอเดียการแต่งหน้า
- รองพื้น : เลือกรองพื้นที่มีเนื้อบางเบาและให้ลุคเป็นธรรมชาติ
- บลัชออน : ใช้สีพีชหรือสีชมพูอ่อน
- อายแชโดว์ : เลือกสีทอง สีพีช สีเบจ
- ลิปสติก : ใช้สีพีชหรือสีชมพูอ่อน
- ไอเดียการแต่งตัว
- เสื้อผ้า : เลือกสีสว่างสดใส เช่น สีพีช, สีฟ้าอ่อน, สีเหลืองอ่อน
- เครื่องประดับ : เลือกเครื่องประดับที่มีสีทองหรือสีพาสเทล
2. Summer Cool
คนกลุ่มนี้มักจะเหมาะกับสีที่เย็นและสงบ เช่น สีฟ้าทะเล, สีชมพูอ่อน, สีม่วงลาเวนเดอร์, สีเทา และสีเงิน
- ไอเดียการแต่งหน้า
- รองพื้น : เลือกรองพื้นที่มีเนื้อบางเบาและให้ลุคเย็นสดชื่น
- บลัชออน : ใช้สีชมพูอ่อนหรือสีชมพูนม
- อายแชโดว์ : เลือกสีฟ้าอ่อน สีม่วงลาเวนเดอร์ สีเงิน
- ลิปสติก : ใช้สีชมพูอ่อนหรือสีฟ้าทะเล
- ไอเดียการแต่งตัว
- เสื้อผ้า : เลือกสีเย็นๆ เช่น สีฟ้าทะเล, สีม่วงลาเวนเดอร์ และสีเทา
- เครื่องประดับ : เลือกเครื่องประดับที่มีสีเงินหรือสีพาสเทล
3. Autumn Warm
คนกลุ่มนี้มักจะเหมาะกับสีที่อบอุ่นและเข้ม เช่น สีส้ม, สีทองแดง, สีเขียวมะกอก, สีครีม และสีทอง
- ไอเดียการแต่งหน้า
- รองพื้น : เลือกรองพื้นที่มีเนื้อหนาขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ดูอบอุ่น
- บลัชออน : ใช้สีส้มอิฐหรือสีทองแดง
- อายแชโดว์ : เลือกสีทองแดง สีเขียวมะกอก หรือสีครีม
- ลิปสติก : ใช้สีส้มอิฐหรือสีทองแดง
- ไอเดียการแต่งตัว
- เสื้อผ้า : เลือกสีทองแดง สีเขียวมะกอก สีครีม
- เครื่องประดับ : เลือกเครื่องประดับที่มีสีทองหรือสีทองแดง
4. Winter Cool
คนกลุ่มนี้มักจะเหมาะกับสีโทนเย็นและเข้ม เช่น สีฟ้าเข้ม, สีม่วงเข้ม, สีแดง, สีดำ และสีเงิน
- ไอเดียการแต่งหน้า
- รองพื้น : เลือกรองพื้นที่มีเนื้อหนาและให้ลุคเป็นธรรมชาติ
- บลัชออน : ใช้สีแดงหรือสีม่วงเข้ม
- อายแชโดว์ : เลือกสีฟ้าเข้ม สีม่วงเข้ม สีเงิน
- ลิปสติก : ใช้สีแดงหรือสีม่วงเข้ม
- ไอเดียการแต่งตัว
- เสื้อผ้า : เลือกสีเข้ม เช่น สีฟ้าเข้ม, สีม่วงเข้ม, สีดำ
- เครื่องประดับ : เลือกเครื่องประดับที่มีสีเงินหรือสีดำ
อย่างไรก็ตามหากใส่เสื้อผ้าหรือแต่งหน้าตาม Personal Color แล้วไม่มั่นใจ ก็สามารถปรับลุคให้เข้ากับตัวเองมากขึ้น รวมถึงสามารถกลับไปใส่สีที่ตัวเองชอบได้ เพราะความมั่นใจก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้สาวๆ ดูสวยขึ้นได้
วิธีทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นโดยไม่ง้อ Personal Color
นอกจากการทำ Personal Color แล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยทำให้ใบหน้าของเรากระจ่างใสขึ้นได้ ดังนี้
- การดูแลตัวเองอยู่เสมอ ทั้งการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวดูกระจ่างใส และผิวดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
- บำรุงผิวหน้าด้วยสกินแคร์ โดยเฉพาะการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำให้กับผิว การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นประจำจะช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดโอกาสที่จะเกิดผิวหมองคล้ำ ผิวแห้ง ขาดน้ำ และหน้ามันได้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยารูลอนิกเข้าไปเติมเต็มบริเวณร่องลึกใต้ตา เพื่อเสริมมิติให้ผิวที่เป็นร่องหรือมีริ้วรอยกลับมาดูอิ่มฟู มีมิติ และมีความสม่ำเสมอกับเนื้อผิวส่วนอื่นๆ มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวบริเวณนั้นกระจ่างใส ภาพรวมใบหน้าจึงดูสดใสขึ้นด้วย
- ฉีดเมโสหน้าใส เป็นการใช้เข็มฉีดวิตามินหรือสารสกัดต่างๆ ที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาผิวฉีดลงไปในผิวชั้นกลางเพื่อเร่งให้เกิดกระบวนการผลัดเซลล์ผิวและซ่อมแซมผิวจากมลภาวะ รวมถึงยังช่วยให้ผิวแข็งแรง มีผิวสัมผัสที่เรียบเนียน และดูกระจ่างใสขึ้นด้วย
- ดริปวิตามิน (Vitamin Drip หรือ Intravenous Therapy) คือการให้สารน้ำที่มีส่วนประกอบของวิตามิน สารอาหาร และแร่ธาตุต่างๆ ที่ร่างกายต้องการผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่งการดริปวิตามินนอกจากจะช่วยให้ผิวกลับมากระจ่างใสแล้ว ยังช่วยเสริมสุขภาพด้านอื่นๆ อีกด้วย
ทำหัตถการปรับผิวให้ดูกระจ่างใสที่ไหนดี?
จะเห็นได้ว่าการปรับผิวหน้าให้ดูกระจ่างใสไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Personal Color เพียงอย่างเดียว แต่การดูแลตัวเองและการเข้ารับหัตถการเสริมความงามก็สามารถทำให้ใบหน้าดูกระจ่างใสขึ้นได้เหมือนกัน
หากคุณกำลังมองหาสถานที่ในการรักษาปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้ Better Me Clinic by Dr. Chanya เป็นหนึ่งในทางเลือก เพราะเรามีบริการแก้ไขผิวหมองคล้ำให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเลเซอร์หน้าใส การฉีดเมโส การผลัดเซลล์ผิว การทำทรีตเมนต์พร้อมฉายแสง LED การฉีดฟิลเลอร์ หรือแม้กระทั่งการดริปวิตามิน ทุกบริการเราให้บริการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น
หากยังไม่มั่นใจว่าควรเลือกรักษาผิวหน้าหมองคล้ำด้วยวิธีใด สามารถติดต่อเข้ามาที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya เพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพผิวและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมแบบเคสบายเคสได้ หากสนใจ สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย รับรองว่าคุณจะมีผิวสวยๆ กลับบ้านไปอย่างแน่นอน!
- 나무위키, 퍼스널 컬러 (https://namu.wiki/w/퍼스널%20컬러), 28 July 2024.
- Creatrip, การเลือกสีให้เข้ากับบุคลิกภาพส่วนตัว ตามฉบับเกาหลี (https://creatrip.com/th/blog/10416), 28 กรกฎาคม 2567.
- Cosmenet, ชวนเช็ก Personal Color หาโทนสีประจำตัวที่ใช่ จะแต่งลุคไหนก็เกิด! (https://www.cosmenet.in.th/cosme-howto/46797), 28 กรกฎาคม 2567.
- Wongnai, เราเหมาะกับสีอะไร? เช็กสีของตัวเอง Personal Color โทนไหนรอด (https://www.wongnai.com/articles/personal-color), 28 กรกฎาคม 2567.