การตอกฐานเสริมจมูกคืออะไร? ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำจมูก!
ตอกฐานจมูกเป็นอีกหนึ่งเทคนิคศัลยกรรมที่สามารถช่วยจัดทรงของจมูกและใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยแก้ปัญหาฐานจมูกใหญ่ ฐานจมูกไม่เท่ากัน โดยวิธีการตอกฐานจมูกของคุณหมอเกียร์นั้นจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ด้านนอกให้กวนใจ
การเสริมจมูกตอกฐานคืออะไร
การตอกฐานจมูก คือ การปรับจัดแต่งรูปทรงและกระดูกบริเวณจมูกของผู้เข้ารับการศัลยกรรมโดยใช้เครื่องมือเฉพาะทาง การตอกฐานเสริมจมูกของคุณหมอเกียร์นั้น จะทำให้สามารถแก้ปัญหาฐานจมูกใหญ่ ฐานจมูกไม่เท่ากัน หรือฮัมพ์ใหญ่ ได้โดยไม่ทิ้งแผลเป็นเอาไว้ด้านนอกของจมูกเลย โดยจุดเด่นของการทำจมูกด้วยเทคนิคนี้คือรูปทรงที่สามารถปรับแต่งได้ค่อนข้างอิสระ ทำให้เกิดเป็นทรงจมูกที่สวยงามเป็นธรรมชาติ หรือได้ทรงจมูกที่ตรงความต้องการของคนไข้มากที่สุด
ทำไมต้องตอกฐานจมูก
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น การตอกฐานจมูกนั้น เป็นเทคนิคศัลยกรรมที่สร้างทรงจมูกได้สวยเปลี่ยนมากที่สุด ในการศัลยกรรมเสริมจมูกทั่ว ๆ ไป จะเป็นการเพิ่มความโด่งของสันจมูกเท่านั้น โดยไม่สามารถกำหนดความกว้าง หรือ รูปทรงได้ละเอียดนัก นอกจากนี้แล้ว ยังเสี่ยงต่อความเบี้ยวของจมูกใหม่ เนื่องจากไม่มีอะไรจะมาการันตีได้ว่า โครงจมูกเดิมของเรานั้นเรียบเนียน และเหมาะกับการวางซิลิโคนลงไป การตอกฐานจมูกนอกจากจะช่วยให้ทรงจมูกมีความเว้าโค้งเป็นธรรมชาติแล้ว จึงช่วยให้การลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์หลังการทำศัลยกรรมด้วยเช่นกัน
การตอกฐานจมูกเหมาะกับใครบ้าง
คนที่มีฮัมพ์จมูกใหญ่
สังเกตได้โดยสัมผัสที่กลางสันจมูก จะมีปุ่มกระดูกนูนขึ้นมาชัดเจนบริเวณ ฮัมพ์จมูก ปกติแล้วจะทำให้หน้าดูดุ คม ดูเป็นจมูกทรงฝรั่ง สำหรับใครที่อยากได้หน้าทรงเกาหลี ถือว่าจำเป็นมากที่จะต้องใช้เทคนิคตอกฐานเสริมจมูก เพื่อลดขนาดของฮัมพ์ลงไป
ฐานข้างจมูกใหญ่
สังเกตได้โดยใช้นิ้วชี้ 2 ข้างจับไปบนกระดูกข้างจมูก แล้วรู้สึกว่ากระดูกใหญ่นูนเป็นลำขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องแก้ไขโดยการตอกสันจมูกเท่านั้น เพราะฐานจมูกขนาดใหญ่จะกลมมิติของดั้งหลังทำจมูกเสร็จ ทำให้ดูไม่มีดั้งในบางมุมของใบหน้า
ฐานข้างจมูกไม่เท่ากัน
สังเกตได้ด้วยการใช้นิ้วชี้คลึงไปที่กระดูกข้างจมูก และพบว่าปุ่มกระดูกฐานจมูกไม่เท่ากัน ชี้ให้เห็นว่าผู้รับศัลยกรรมจำเป็นต้องตอกปรับฐาน ไม่เช่นนั้นกระดูกข้างที่ใหญ่กว่าก็จะดันให้ซิลิโคนเอียงไปอีกข้างหนึ่งอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้
ฐานจมูกเอียง
สังเกตได้ด้วยการมองเห็นตรง ๆ ผ่านกระจก หรือสายตา จะพบว่าจมูกมีความเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งชัดเจน ปัญหาฐานจมูกเอียง จะมาพร้อมกับปัญหากระดูกจมูกไม่เท่ากันทั้ง2ข้างด้วย ในกรณีนี้ หากเราทำจมูกตามแนวฐานจมูกเดิม ย่อมได้ผลลัพธ์ที่เอียงเบี้ยวตามทรงจมูกเดิมแน่นอน ฉะนั้นจำเป็นต้องตอกฐานจมูกร่วมด้วย
ฐานจมูกกว้าง ไม่ได้รูป
อย่างเช่นแกนเบี้ยว ฐานจมูกไม่เรียบเนียนคดงอ ทำให้จมูกดูไม่มีรูปทรง สังเกตสันและขอบได้ยากจะทำให้ดูไม่มีสันจมูก และเป็นทรงจมูกปกติของคนจมูกสั้น แก้ไขด้วยศัลยกรรมเสริมจมูก พร้อมการตอกปรับปั้นฐานให้เป็นทรง
ผู้ประสบอุบัติเหตุบนใบหน้า
เช่นผู้ประสบอุบัติเหตุผลใบหน้าจนทำให้โครงหน้าบิดเบี้ยว หรือจมูกหัก ทำให้ต้องทำการขึ้นทรงจมูกใหม่ตั้งแต่ต้น จะเหมาะมากกับการรักษาด้วยการตอกฐานจมูกเพราะจะเป็นการขึ้นโครงจมูกให้ใหม่ทั้งหมดนั่นเอง
ข้อดีของการเสริมจมูกตอกฐาน
สร้างจมูกที่เข้ากับใบหน้าที่สุด
เนื่องจากสามารถออกแบบสันจมูกใหม่ได้ทั้งหมด
ลดโอกาสซิลิโคนเบี้ยว เอียง ลอย
เพราะเป็นการเตรียมฐานให้พร้อมสำหรับการศัลยกรรม
เพิ่มความหวานให้กับใบหน้า
การตอกฐานจมูกช่วยลบมุมฮัมพ์ความไม่เท่ากันของจมูกทำให้ใบหน้าอ่อนหวานขึ้น ไม่ดุ
แก้ปัญหาโครงสร้างและทรงจมูก
ไม่ว่าจะจากพันธุกรรมหรือจากอุบัติเหตุ แต่การตอกฐานจมูกสามารถแก้ปัญหาโครงสร้างจมูกได้เกือบทั้งหมด
การตอกฐานจมูกสามารถทำได้ด้วยเทคนิคแบบไหนบ้าง
การตอกฐานจมูกแบ่งออกเป็น 3 เทคนิค ซึ่งแบ่งแยกจากลักษณะของการผ่าตัด ได้แก่
1. ตอกฐานจมูกแบบเปิด (Open Nose Recon)
เป็นการผ่าเปิดแผลให้เห็นโครงสร้างจมูกทั้งหมด จากนั้นจึงเริ่มตัดแต่งกระดูกส่วนเกินด้วยอุปกรณ์เฉพาะ ด้วยเทคนิคการตอกฐานจมูก และเทคนิคกรอฐานจมูก โดยเทคนิคการผ่าเปิดนั้นจะถูกเลือกใช้งานเมื่อจมูกของผู้เข้ารับศัลยกรรมนั้น บิดเบี้ยว หรือเอียงค่อนข้างมาก ทำให้ง่ายต่อการรักษาและจัดรูปทรงนั่นเอง
2. การตอกฐานจมูกแบบปิด (Close Nose Recon)
สำหรับการผ่าตัดแบบนี้จะเป็นการผ่าเปิดแผลขนาดเล็กบริเวณข้างสันจมูก (ประมาณ 2 มม.) แล้วจึงใช้เครื่องมือขนาดเล็กเข้าไปตอกฐานจมูก บีบและปรับแต่งให้แคบลงตามต้องการ (โดยขึ้นอยู่กับรูปทรงจมูกของแต่ละคนอีกที) ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาบนแกนจมูกน้อยเช่น ฐานจมูกกว้าง หรือใหญ่เท่านั้น
3. การตอกฐานจมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Nose Recon)
เป็นการเปิดแผลเล็กในรูจมูก 2 ข้าง แล้วเข้าไปปรับโครงสร้างของจมูก ซึ่งการเปิดแผลจากทั้งสองมุมทำให้สามารถปรับแต่งโครงสร้างของจมูกได้หลากหลายแก้ปัญหาได้เกือบทั้งหมด ทั้งยังใช้เวลาพักฟื้นน้อย ทำให้เป็นวิธีที่ถูกเลือกใช้มากที่สุด ยกเว้น เคสที่โครงสร้างนั้นบิดเบี้ยวเป็นอย่างมากจึงจะมีการเลือกใช้การผ่าตัดฐานจมูกแบบเปิด โดยการผ่าตัดชนิดนี้ยังมีเทคนิคแยกย่อยอย่างการเลือกตำแหน่งผ่าตัดจากด้านนอกและด้านใน ซึ่งส่งผลต่อรอยแผลหลังการศัลยกรรมด้วย
- การตอกฐานจากด้านนอก เป็นการผ่าเปิดแผลจากบริเวณสันจมูก ทำให้เกิดรอยแผลที่เห็นได้ด้วยสายตา ในกรณีนี้ หากผู้เข้ารับศัลยกรรมดูแลไม่ดีอาจจะเกิดแผลเป็นได้
- การตอกฐานจากด้านในรูจมูก เทคนิคขั้นสูงจากประเทศเกาหลีที่คุณหมอเกียร์เลือกใช้ โดยการสอดเครื่องมือคือผ่านรอยแผลเสริมจมูก ทำให้เกิดการผ่าเพียงครั้งเดียว ช่วยลดความบวมและบอบช้ำ รวมถึงไม่มีรอยแผลบริเวณด้านนอกของใบหน้าด้วย ซึ่งเทคนิคตอกฐานจากด้านในรูจมูกนี้จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงมาก
การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูกตอกฐาน
ขั้นตอนของการตอกฐานจมูก
- เปิดแผลการทำศัลยกรรมจมูก บริเวณด้านในรูจมูกทั้ง2ข้าง
- เปิดช่องใต้เยื่อหุ้มกระดูกอ่อนบริเวณจมูกส่วนล่าง
- เปิดช่องใต้เยื่อหุ้มกระดูกบริเวณจมูกส่วนบน โดยเปิดขนาดช่องให้มีขนาดพอเหมาะ ขึ้นอยู่กับรูปร่างขนาดของกระดูกจมูก(Nasal bone) และความยืดหยุ่นของเนื้อจมูกของคนไข้แต่ละบุคคล
- สอดใส่เครื่องมือชนิดพิเศษจากประเทศเกาหลี เพื่อตอกปรับฐานทีละข้าง ให้มีความสมดุลและใกล้เคียงกันทั้งสองข้าง โดยคนไข้แต่ละคนจะมีการปรับฐานสองข้างไม่เท่ากัน ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับรูปทรงกระดูกจมูกแต่ละบุคคล
- ทำเทคนิคอื่นๆเพิ่มเติม
- ใส่ซิลิโคนเข้าไปในชั้นใต้เยื้อหุ้มกระดูก ซึ่งเป็นซิลิโคนที่เหลาให้เข้ากับจมูกคนไข้แล้ว
- เย็บปิดแผล
การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูกตอกฐาน
- งดวิตามิน อาหารเสริม บุหรี่ แอลกอฮอล์ และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ก่อนทำศัลยกรรม 1 เดือน
- ให้ประวัติแพ้ยา แพ้อาหาร ยาที่ใช้ประจำ และโรคประจำตัว
- งด ชา กาแฟ ก่อนมาทำศัลยกรรม 1 วัน
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การดูแลหลังจากการเสริมจมูกรองปลายเนื้อเยื่อเทียม
- งด วิตามิน อาหารเสริม อาหารรสเค็มจัด มาม่า คัพโจ๊ก หลังทำศัลยกรรม 1 เดือน
- งด บุหรี่ แอลกอฮอล์ หมักดองของแสลง อาหารทะเล หลังทำศัลยกรรม 1 เดือน
- ประคบเย็น 5 วันแรกหลังทำศัลยกรรม นับพรุ่งนี้เป็นวันที่ 1 ประคบบริเวณ หน้าผาก ตา และ แก้ม2ข้าง ไม่ให้โดนจมูก ไม่จำเป็นต้องประคบที่หลังหู
- ประคบอุ่น 5 วัน หลังประคบเย็น สามารถประคบได้ถึง 3 เดือน จะทำให้ยุบบวมเร็ว ไม่จำเป็นต้องประคบที่หลังหู
- เลือดไหลออกจากแผล ใน 3 วันแรก ถือเป็นเรื่องปกติ ความบวมจะได้ไม่บวมและคั่งด้านบน ให้ซับแผลด้วยคัตตอนบัตสเตอร์ไรด์ให้สะอาด ห้ามมีสะเก็ดเกรอะกรังที่แผล หากมีให้ใช้คัตตอนบัตสเตอร์ไรด์ชุบน้ำเกลือวางบนแผลไว้ให้สะเก็ดนิ่มลง และค่อยๆเช็ดออกให้แผลสะอาดตลอด ทั้งที่หลังหูและจมูก
- แผลบริเวณจมูก ให้เช็ดแผลด้วยน้ำเกลือสเตอร์ไรด์ และซับให้แห้งทุกครั้ง เช้า เย็น หรือบ่อยตามต้องการหากมีสะเก็ด ส่วนหลังหูให้แกะผ้าก๊อซสเตอร์ไรด์ที่ติดไปให้ในวันที่4หลังทำ และทำแผล เช้า เย็น เช่นเดียวกัน
- ห้ามโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหมที่หลังหู 1 สัปดาห์หลังทำ และที่จมูก 2 สัปดาห์หลังทำ
- นอนหน้าตรงหัวสูง หนุนหมอน2-3ใบ และใช้หมอนโดนัทล็อกคอให้ตรง ไม่นอนตะแคง 1เดือน ป้องกันการเบี้ยวเอียง
- อาการบวมเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นหลังทำศัลยกรรม ไม่ต้องกังวล ยุบบวมแน่นอน หากปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- 3 วันแรกจะบวมจนตาปิดและช้ำ หากหมั่นประคบเย็น จะยุบบวมเร็วมาก
- ยาแก้อักเสบและยาลดบวมให้ทานให้หมด ยาแก้ปวดให้ทานทุก4-6ชม. ใน 3 วันแรก หลังจากนั้นทานเมื่อมีอาการ
- ห้ามออกกำลังกาย และใส่แว่น 1 เดือนหลังทำศัลยกรรม
- ทานยาลดน้ำมูกหากมีน้ำมูก ห้ามให้น้ำมูกโดนแผลเด็ดขาด
- ไม่ควรเม้มปาก หรือ ขมวดคิ้ว จะทำซิลิโคนไหลลง
- กินไข่ได้วันละ 1 ฟอง กินไก่/หมู/เนื้อ/ปลาน้ำจืด ได้ตามปกติ
- เทปเฝือกอ่อนที่ติดไป ให้แกะออกวันที่6 นับพรุ่งนี้เป็นวันที่1 โดยแกะซ้ายขวาพร้อมกันค่อยๆดึงออกมาตรงกลาง