fbpx

🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

เปลี่ยนปากแห้ง แตก เป็นร่อง ให้ฉ่ำฟู ได้รูปด้วยฟิลเลอร์!

เปลี่ยนปากแห้ง แตก เป็นร่อง ให้ฉ่ำฟู ได้รูปด้วยฟิลเลอร์!
เปลี่ยนปากแห้ง แตก เป็นร่อง ให้ฉ่ำฟู ได้รูปด้วยฟิลเลอร์!

ปัญหาปากแห้ง แก้ปัญหาได้แค่วิธีทาลิปมันหรือดื่มน้ำเยอะๆ จริงหรือไม่ ยังมีวิธีไหนเสริมความชุ่มชื้นให้กับเรียวปากของเราให้ดูอิ่มน้ำได้อีก? 

Better Me Clinic By Dr. Chanya ขอแนะนำวิธี “ฉีดฟิลเลอร์ แก้ไขปากแห้ง” ซึ่งเป็นการฉีดเติมสารเสริมความชุ่มชื้นที่ช่วยให้ผิวปากดูฉ่ำน้ำ แวววาว จากภายใน แถมยังใช้ในการปรับริมฝีปากให้มีรูปร่างหรือขนาดสวยงามขึ้นได้อีกด้วย

ปากแห้งคืออะไร​?

ปากแห้ง (Dry Mouth) คือ ปัญหาริมฝีปากขาดความชุ่มชื้นจนทำให้ผิวปากแตกลอก เป็นสะเก็ดขุย หรือเป็นร่อง จะเห็นได้ค่อนข้างชัดเวลาทาลิปสติก เมื่อลองเอาลิ้นไปเลียริมฝีปากแล้วมักจะได้รับรสชาติคล้ายกับโลหะจางๆ นอกจากนี้บางคนที่ปากแห้งจนผิวปากลอก หากกินอาหารร้อนจัด รสจัด หรือรสเผ็ด ก็จะรู้สึกแสบริมฝีปากด้วย ปากแห้งยังเป็นปัญหาที่ทำลายบุคลิกภาพ เพราะทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูไม่สะอาดตา เนื่องจากริมฝีปากมีขุยหรือมีผิวลอกออกมาเป็นแผ่น

ปากแห้งเกิดจากอะไร?

ปากแห้งมีสาเหตุเกิดได้จากปัจจัยภายในร่างกาย และภายนอกร่างกาย 

1. ปัจจัยภายในร่างกาย

เป็นปัจจัยที่มักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติ โรค หรือภาวะที่ส่งผลกระทบต่อความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก

    • ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) โดยอาจเกิดจากการดื่มน้ำน้อยเกินไป การปัสสาวะมากเกินไป มีเหงื่อออกมาก หรือการอาเจียน ถ่ายเหลวอย่างต่อเนื่องจนร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมาก
    • อายุที่มากขึ้น ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนผิวน้อยลง รวมถึงคอลลาเจนเสริมความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก
    • โรคประจำตัวบางชนิด อาจส่งผลทั้งโดยตรงและโดยอ้อมต่อการทำงานของทำลาย ส่งผลให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายออกมาน้อย ซึ่งนำมาสู่อาการปากแห้งได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง
    • การขาดวิตามินบี ซึ่งเป็นสารวิตามินที่ทำให้ผิวมนุษย์คงความชุ่มชื้นเอาไว้ได้อย่างเพียงพอ
    • ภาวะวิตกกังวลหรือภาวะเครียด เมื่ออยู่ในภาวะดังกล่าวระบบประสาทอัตโนมัติจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำลายน้อยลง ทำให้เกิดอาการปากแห้งขึ้นได้
    • พฤติกรรมเลียริมฝีปากบ่อยๆ ทำให้สารเสริมความชุ่มชื้นของปากถูกน้ำลายเลียออกไป
    • ปัจจัยอื่นๆ เช่น การนอนหายใจทางปาก การนอนกรน

2. ปัจจัยภายนอกร่างกาย

เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมหรือกระบวนการทางการแพทย์บางประการที่ส่งผลกระทบต่อความชุ่มชื้นของริมฝีปาก

  • การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีต่างๆ เช่น การทำรังสีบำบัด หรือการทำคีโม
  • การใช้ยาประจำตัวบางชนิด เช่น ยารักษาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ยาจิตเวชอื่นๆ ยาแก้ปวด ยาลดสิว ยาแก้ท้องเสีย ยารักษาลมบ้าหมู ยารักษาโรคความดันโลหิต ยาขยายหลอดลม
  • ระบบประสาทที่ผลิตสารน้ำเสริมความชุ่มชื้นของริมฝีปากทำงานผิดปกติ โดยอาจเกิดจากความผิดพลาดจากการผ่าตัด หรือการประสบอุบัติเหตุ 
  • การใช้ยาสีฟันบางชนิด ซึ่งมีสารระคายเคือง หรือน้ำมันหอมระเหยที่ทำให้ผิวปากแห้งขึ้น
  • พฤติกรรมส่วน เช่น สูบบุหรี่และบริโภคเครื่องดื่มแอลกฮอล์ เครื่องดื่มคาเฟอีนเป็นประจำ หรือการรับประทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเผ็ดและรสเปรี้ยว ซึ่งเป็นอาหารประเภทที่มีกรดทำให้ความชุ่มชื้นของริมฝีปากลดลง

สัญญาณของอาการปากแห้งมีอะไรบ้าง?

ปัญหาปากแห้งมีสัญญาณที่สังเกตเห็นได้จากอาการดังต่อไปนี้

  • ผิวปากลอกออกมาเป็นแผ่น เป็นเส้น หรือเป็นสะเก็ดขุย
  • รู้สึกปากเหนียว 
  • ปากมีแผล 
  • ปากมีผิวแห้งและตึง ดูไม่ยืดหยุ่น 
  • ปากมีรสชาติคล้ายกับโลหะ
  • คอแห้ง หิวน้ำบ่อย 
  • ลิ้นแห้ง หรือเป็นสีแดงเข้ม
  • มีกลิ่นปาก
  • รู้สึกแสบปากเวลากินอาหารร้อนจัด รสจัด รสเผ็ด

ภาวะแทรกซ้อนจากอาการปากแห้ง

ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจตามมาจากอาการปากแห้งจะขึ้นอยู่กับระดับอาการปากแห้งที่เกิดขึ้น ในช่วงเริ่มต้นที่อาการปากแห้งยังไม่รุนแรง ตัวผู้ที่ปากแห้งอาจไม่รู้สึกถึงผลกระทบอะไรมากนัก 

แต่เมื่ออาการรุนแรงขึ้น ส่วนมากก็จะเริ่มเผชิญกับอาการเจ็บแสบที่ปากมากกว่าเดิม ทำให้กินอาหารหรือดื่มน้ำลำบากขึ้น รวมถึงเสี่ยงเกิดปัญหาผิวปากอักเสบ มีแผลติดเชื้อที่ผิวรอบๆ ริมฝีปาก และยังมีโอกาสเกิดโรคเหงือกอักเสบ รวมทั้งเกิดปัญหาฟันผุได้อีกด้วย

หรือในอีกกรณีหากอาการปากแห้งส่งผลต่อปริมาณอาหารที่กินได้น้อย ตัวผู้ที่ปากก็อาจเสี่ยงได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือมีภาวะขาดน้ำจากการดื่มน้ำน้อยได้

วิธีแก้ไขปากแห้งมีอะไรบ้าง?

การแก้ไขอาการปากแห้งจะขึ้นอยู่กับต้นตอสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้ 

หากอาการปากแห้งเกิดจากปัญหาโรคประจำตัว หรืออาการผิดปกติของสุขภาพร่างกาย ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการดังกล่าวให้ดีขึ้น เพื่อลดความรุนแรงของอาการปากแห้งให้ทุเลาลง

หากอาการปากแห้งเกิดจากกระบวนการรักษาโรค การใช้ยา หรือกระบวนการที่เกี่ยวกับการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการปรับเปลี่ยนวิธีรักษา หรือการแก้ไขอาการปากแห้งโดยที่ยังคงประบวนการรักษาโรคไว้อย่างเดิม อย่างไรก็ตาม อย่าหยุดยา ไม่ไปตามนัดแพทย์ หรือเปลี่ยนแปลงกระบวนการรักษาโรคด้วยตนเอง เพราะอาจเสี่ยงส่งผลกระทบต่อโรคประจำตัวหรือความคืบหน้าของกระบวนการรักษาได้

หรือหากอาการปากแห้งเกิดจากพฤติกรรมหรือการใช้กิจวัตรประจำวันที่ไม่พึงประสงค์ ก็ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้นใหม่ เช่น

  • ดื่มน้ำให้อย่างวันละ 8 แก้ว หรือในปริมาณที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัว
  • เปลี่ยนยาสีฟัน เป็นยาสีฟันสูตรอ่อนโยน มีสารที่ทำให้เกิดระคายเคืองน้อย
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่ส่วนผสมของคาเฟอีน
  • หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปากบ่อยๆ
  • ฝึกหายใจทางจมูก หรือหากไม่สามารถฝึกได้ ให้ขอคำแนะนำจากแพทย์
  • ทาลิปมัน ลิปบาร์ม ขี้ผึ้ง หรือเชียร์บัตเตอร์เสริมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากอยู่เสมอ
  • เคี้ยวหมากฝรั่งหรือลูกอมปราศจากน้ำตาล เพื่อกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายเสริมความชุ่มชื้นมากขึ้น

แก้ปัญหาปากแห้ง แตก เป็นร่องแก้ไขได้ด้วยฟิลเลอร์ปาก

นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเองหรือปรึกษาแพทย์แล้ว อีกแนวทางคืนความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากก็คือ การฉีดฟิลเลอร์” หรือ “การฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)” ซึ่งเป็นสารเลียนแบบสารกักเก็บความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของร่างกาย ทำหน้าที่โอบอุ้มน้ำเอาไว้ในผิวของเรา ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และยังคงเต่งตึงอยู่เสมอ

ฟิลเลอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นของเหลวหนืดใส มีประโยชน์ด้านการเติมสารน้ำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น รวมถึงสามารถช่วยปั้นแต่งเนื้อผิวส่วนที่ขาดมิติให้มีขนาดหรือรูปร่างที่สวยงามขึ้นได้ เช่น หน้าผากที่ย่น ใต้ตาที่ลึก ร่อง คางที่ตัดหรือดูสั้น รวมถึงปากที่ลีบแบน ดูไม่อวบอิ่ม หรือขาดน้ำจนแห้งกรัง

การฉีดฟิลเลอร์ปาก จะช่วยเปลี่ยนแปลงริมฝีปากที่แห้ง ลอก หรือเป็นร่องให้กลับมาดูชุ่มชื้น ดูมีผิวปากที่มันฉ่ำน้ำ แลดูสุขภาพดี

ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่ซีซี และมีขั้นตอนการฉีดอย่างไร?

โดยส่วนมากการฉดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากจะใช้ฟิลเลอร์อยู่ที่ 1-2 ซีซี ระยะเวลาในการทำหัตถการมักจะอยู่ที่ 20-30 นาที โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

    • แพทย์ทำความสะอาดผิวริมฝีปากให้ผู้เข้ารับบริการ
    • แพทย์ฉีดยาชาที่ด้วยเทคนิค Distraction Technique with GCT ซึ่งช่วยหยุดอาการเจ็บระหว่างใช้เข็มลงชาที่ปากได้
    • เมื่อยาชาออกฤทธิ์เต็มที่ จะมีการประคบน้ำแข็งลงที่ริมฝีปากทีละส่วนอีกชั้นหนึ่ง เพื่อลดอาการเจ็บระหว่างแพทย์ใช้เข็มฉีดสารฟิลเลอร์
    • แพทย์ค่อยๆ ฉีดเติมสารฟิลเลอร์ลงที่เนื้อริมฝีปาก ระหว่างนั้นอาจมีการใช้นิ้วกดลงน้ำหนักหรือนวดเพื่อปั้นแต่งเนื้อฟิลเลอร์ให้กระจายตัวไปทั่วริมฝีปากด้วย หรือเพื่อปรับรูปริมฝีปากให้สวยงามขึ้น 
    • หลังรับบริการเสร็จสามารถเดินทางกลับบ้านได้เลย และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที ไม่ต้องมีการพักฟื้นแต่อย่างใด

ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีจริงหรือ?

ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากจะสังเกตเห็นได้ทันทีหลังทำหัตถการเสร็จสิ้น หรือเห็นผลภายใน 1-2 วันหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนมากที่สุดหลังฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์

ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน?

ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากจะขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ รุ่น หรือยี่ห้อฟิลเลอร์ที่แพทย์เลือกใช้ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายแบบ รวมถึงกิจวัตรการดูแลสุขภาพผิวปากของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านด้วย 

โดยส่วนมากระยะเวลาของผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ที่ 6-8 เดือนขึ้นไป ฟิลเลอร์บางรุ่นสามารถอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน

แต่หากผู้เข้ารับบริการไม่ได้มีการดูแลสุขภาพผิวปากอย่างเหมาะสมด้วย เช่น ดื่มน้ำน้อย สูบบุหรี่บ่อย รับประทานอาหารรสจัดอยู่บ่อยๆ ก็มีโอกาสที่ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์จะคงอยู่ได้สั้นกว่าปกติ

ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

เคยศัลยกรรมริมฝีปากมา ฉีดฟิลเลอร์ปากได้หรือไม่?

สามารถฉีดได้ ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด และการฉีดฟิลเลอร์ปากยังจะช่วยให้รูปปากหลังศัลยกรรมดูมีรูปร่างสวยงาม รวมทั้งยังดูฉ่ำน้ำดูสุขภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • ผู้เข้ารับบริการปรึกษาปัญหาริมฝีปากและเลือกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์กับแพทย์เสียก่อน
  • แจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา ยาประจำตัว วิตามินเสริม อาหารเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพทุกชนิด
  • งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีการผลัดเซลล์ผิว และงดการแวกซ์หรือสครับผิวหน้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนวันฉีดฟิลเลอร์
  • งดวิตามินและสมุนไพรที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด เช่น วิตามินอี กระเทียม โสม น้ำมันพริมโรส
  • งดสูบบุหรี่และงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
  • งดทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 1-3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ เช่น การแช่น้ำร้อน การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา 
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • นอนหมอนสูง เพื่อลดอาการบวม
  • ดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อเป็นกำลังเสริมให้สารฟิลเลอร์กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น
  • พยายามดื่มน้ำด้วยการใช้หลอดดูดแทนการดื่มจากปากแก้ว เนื่องจากแก้วที่ใช้จะเป็นตัวกดน้ำหนักลงกับผิวปากและทำให้ฟิลเลอร์ที่แพทย์ปั้นไว้ในริมฝีปากกระจายตัวออกได้
  • อย่าใช้นิ้วจับ แตะ หรือกดคลึงที่ริมฝีปาก
  • หากยังมีผิวปากหลุดลอกอยู่ อย่าไปดึงหรือลอกออก เนื่องจากจะยิ่งทำลายชั้นผิวริมฝีปากให้เสียความชุ่มชื้นกว่าเดิม
  • งดกินอาหารร้อนจัด ดื่มเครื่องดื่มร้อนจัด อาหารรสเผ็ด รสจัด รสเปรี้ยว อาหารหมักดองอย่างน้อยประมาณ 4 สัปดาห์หลังรับบริการ 
  • งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์
  • งดทาลิปสติกเป็นเวลา 1 วันหลังรับบริการ
  • งดทำกิจกรรมในที่อุณหภูมิสูงๆ เช่น การเล่นกีฬา การแช่น้ำร้อน อบไอน้ำ ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังรับบริการ เนื่องจากอาจยิ่งทำให้เกิดอาการบวมมากกว่าเดิม
  • งดเลเซอร์ผิว หรือการเสริมความงามที่ทำให้เกิดความร้อนที่ผิวประมาณ 3-4 สัปดาห์หลังรับบริการ

อาการข้างเคียงที่พบได้จากการฉีดฟิลเลอร์ปาก

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก ผู้เข้ารับบริการอาจพบอาการบวมแดงในบริเวณที่แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ได้บ้าง แต่โดยทั่วไปอาการจะคงอยู่เพียง 2-3 วัน หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ บรรเทาหายไป

ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี?

Better Me Clinic By Dr. Chanya เปิดให้บริการฉีดฟิลเลอร์ปากด้วยผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อที่ได้มาตรฐานการแพทย์ ปลอดภัย และสามารถฉีดเพื่อตอบโจทย์ปัญหาริมฝีปากได้หลายด้าน เช่น ยี่ห้อ Juvederm จากประเทศสหรัฐอเมริกา ยี่ห้อ Restylane จากประเทศสวีเดน

Better Me Clinic By Dr. Chanya ใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์แบบพิเศษตั้งแต่ขั้นตอนการฉีดยาชา โดยจะใช้เทคนิค Distraction Technique with GCT ซึ่งเป็นเทคนิคการฉีดยาชาโดยไม่ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกเจ็บอย่างแน่นอน 

ตามด้วยเทคนิค  “Chanya’s Painless Technique” สำหรับขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อหยุดปัญหารู้สึกเจ็บผิวระหว่างแพทย์ลงเข็มฟิลเลอร์ จนทำให้ใครหลายคนยังรู้สึกไม่มั่นใจ และยังไม่กล้ามาฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมความงามให้กับใบหน้า ซึ่งหากลองรับบริการแล้วรู้สึกเจ็บ ทางคลินิกยินดีคืนเงินให้

นอกจากการฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อแก้ปัญหาปากขาดความชุ่มชื้น แพทย์ประจำ Better Me Clinic By Dr. Chanya ยังมีประสบการณ์ในการออกแบบโครงสร้างริมฝีปากให้เข้ากับใบหน้ามากขึ้น ทำให้นอกจากคุณได้จะผิวปากที่ดูฉ่ำน้ำแล้ว ยังจะได้รูปปากที่ดูสวยโค้งอย่างพอดี มีกระจับที่ดูเข้ากับโครงหน้าทั้งหมดอีกด้วย

คืนความชุ่มชื้นให้เรียวปากของคุณ พร้อมเสริมมิติของปากให้ดูสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยฝีมือแพทย์ผู้มากประสบการณ์จาก Better Me Clinic By Dr. Chanya หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการฉีดฟิลเลอร์ปากผ่านช่องทางต่อไปนี้

โทร 020598118 , 0886032641 หรือ 

ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

ที่มาของข้อมูล

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ