เปลี่ยนปากแห้ง แตก เป็นร่อง ให้ฉ่ำฟู ได้รูปด้วยฟิลเลอร์!
ปัญหาปากแห้ง แก้ปัญหาได้แค่วิธีทาลิปมันหรือดื่มน้ำเยอะๆ จริงหรือไม่ ยังมีวิธีไหนเสริมความชุ่มชื้นให้กับเรียวปากของเราให้ดูอิ่มน้ำได้อีก?
Better Me Clinic By Dr. Chanya ขอแนะนำวิธี “ฉีดฟิลเลอร์ แก้ไขปากแห้ง” ซึ่งเป็นการฉีดเติมสารเสริมความชุ่มชื้นที่ช่วยให้ผิวปากดูฉ่ำน้ำ แวววาว จากภายใน แถมยังใช้ในการปรับริมฝีปากให้มีรูปร่างหรือขนาดสวยงามขึ้นได้อีกด้วย
ปากแห้งคืออะไร?
ปากแห้ง (Dry Mouth) คือ ปัญหาริมฝีปากขาดความชุ่มชื้นจนทำให้ผิวปากแตกลอก เป็นสะเก็ดขุย หรือเป็นร่อง จะเห็นได้ค่อนข้างชัดเวลาทาลิปสติก เมื่อลองเอาลิ้นไปเลียริมฝีปากแล้วมักจะได้รับรสชาติคล้ายกับโลหะจางๆ นอกจากนี้บางคนที่ปากแห้งจนผิวปากลอก หากกินอาหารร้อนจัด รสจัด หรือรสเผ็ด ก็จะรู้สึกแสบริมฝีปากด้วย ปากแห้งยังเป็นปัญหาที่ทำลายบุคลิกภาพ เพราะทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูไม่สะอาดตา เนื่องจากริมฝีปากมีขุยหรือมีผิวลอกออกมาเป็นแผ่น
ปากแห้งเกิดจากอะไร?
ปากแห้งมีสาเหตุเกิดได้จากปัจจัยภายในร่างกาย และภายนอกร่างกาย
1. ปัจจัยภายในร่างกาย
เป็นปัจจัยที่มักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติ โรค หรือภาวะที่ส่งผลกระทบต่อความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก
- ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) โดยอาจเกิดจากการดื่มน้ำน้อยเกินไป การปัสสาวะมากเกินไป มีเหงื่อออกมาก หรือการอาเจียน ถ่ายเหลวอย่างต่อเนื่องจนร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมาก
- อายุที่มากขึ้น ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนผิวน้อยลง รวมถึงคอลลาเจนเสริมความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก
- โรคประจำตัวบางชนิด อาจส่งผลทั้งโดยตรงและโดยอ้อมต่อการทำงานของทำลาย ส่งผลให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายออกมาน้อย ซึ่งนำมาสู่อาการปากแห้งได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง
- การขาดวิตามินบี ซึ่งเป็นสารวิตามินที่ทำให้ผิวมนุษย์คงความชุ่มชื้นเอาไว้ได้อย่างเพียงพอ
- ภาวะวิตกกังวลหรือภาวะเครียด เมื่ออยู่ในภาวะดังกล่าวระบบประสาทอัตโนมัติจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำลายน้อยลง ทำให้เกิดอาการปากแห้งขึ้นได้
- พฤติกรรมเลียริมฝีปากบ่อยๆ ทำให้สารเสริมความชุ่มชื้นของปากถูกน้ำลายเลียออกไป
- ปัจจัยอื่นๆ เช่น การนอนหายใจทางปาก การนอนกรน
2. ปัจจัยภายนอกร่างกาย
เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมหรือกระบวนการทางการแพทย์บางประการที่ส่งผลกระทบต่อความชุ่มชื้นของริมฝีปาก
- การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีต่างๆ เช่น การทำรังสีบำบัด หรือการทำคีโม
- การใช้ยาประจำตัวบางชนิด เช่น ยารักษาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ยาจิตเวชอื่นๆ ยาแก้ปวด ยาลดสิว ยาแก้ท้องเสีย ยารักษาลมบ้าหมู ยารักษาโรคความดันโลหิต ยาขยายหลอดลม
- ระบบประสาทที่ผลิตสารน้ำเสริมความชุ่มชื้นของริมฝีปากทำงานผิดปกติ โดยอาจเกิดจากความผิดพลาดจากการผ่าตัด หรือการประสบอุบัติเหตุ
- การใช้ยาสีฟันบางชนิด ซึ่งมีสารระคายเคือง หรือน้ำมันหอมระเหยที่ทำให้ผิวปากแห้งขึ้น
- พฤติกรรมส่วน เช่น สูบบุหรี่และบริโภคเครื่องดื่มแอลกฮอล์ เครื่องดื่มคาเฟอีนเป็นประจำ หรือการรับประทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเผ็ดและรสเปรี้ยว ซึ่งเป็นอาหารประเภทที่มีกรดทำให้ความชุ่มชื้นของริมฝีปากลดลง
สัญญาณของอาการปากแห้งมีอะไรบ้าง?
ปัญหาปากแห้งมีสัญญาณที่สังเกตเห็นได้จากอาการดังต่อไปนี้
- ผิวปากลอกออกมาเป็นแผ่น เป็นเส้น หรือเป็นสะเก็ดขุย
- รู้สึกปากเหนียว
- ปากมีแผล
- ปากมีผิวแห้งและตึง ดูไม่ยืดหยุ่น
- ปากมีรสชาติคล้ายกับโลหะ
- คอแห้ง หิวน้ำบ่อย
- ลิ้นแห้ง หรือเป็นสีแดงเข้ม
- มีกลิ่นปาก
- รู้สึกแสบปากเวลากินอาหารร้อนจัด รสจัด รสเผ็ด
ภาวะแทรกซ้อนจากอาการปากแห้ง
ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจตามมาจากอาการปากแห้งจะขึ้นอยู่กับระดับอาการปากแห้งที่เกิดขึ้น ในช่วงเริ่มต้นที่อาการปากแห้งยังไม่รุนแรง ตัวผู้ที่ปากแห้งอาจไม่รู้สึกถึงผลกระทบอะไรมากนัก
แต่เมื่ออาการรุนแรงขึ้น ส่วนมากก็จะเริ่มเผชิญกับอาการเจ็บแสบที่ปากมากกว่าเดิม ทำให้กินอาหารหรือดื่มน้ำลำบากขึ้น รวมถึงเสี่ยงเกิดปัญหาผิวปากอักเสบ มีแผลติดเชื้อที่ผิวรอบๆ ริมฝีปาก และยังมีโอกาสเกิดโรคเหงือกอักเสบ รวมทั้งเกิดปัญหาฟันผุได้อีกด้วย
หรือในอีกกรณีหากอาการปากแห้งส่งผลต่อปริมาณอาหารที่กินได้น้อย ตัวผู้ที่ปากก็อาจเสี่ยงได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือมีภาวะขาดน้ำจากการดื่มน้ำน้อยได้
วิธีแก้ไขปากแห้งมีอะไรบ้าง?
การแก้ไขอาการปากแห้งจะขึ้นอยู่กับต้นตอสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้
หากอาการปากแห้งเกิดจากปัญหาโรคประจำตัว หรืออาการผิดปกติของสุขภาพร่างกาย ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการดังกล่าวให้ดีขึ้น เพื่อลดความรุนแรงของอาการปากแห้งให้ทุเลาลง
หากอาการปากแห้งเกิดจากกระบวนการรักษาโรค การใช้ยา หรือกระบวนการที่เกี่ยวกับการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการปรับเปลี่ยนวิธีรักษา หรือการแก้ไขอาการปากแห้งโดยที่ยังคงประบวนการรักษาโรคไว้อย่างเดิม อย่างไรก็ตาม อย่าหยุดยา ไม่ไปตามนัดแพทย์ หรือเปลี่ยนแปลงกระบวนการรักษาโรคด้วยตนเอง เพราะอาจเสี่ยงส่งผลกระทบต่อโรคประจำตัวหรือความคืบหน้าของกระบวนการรักษาได้
หรือหากอาการปากแห้งเกิดจากพฤติกรรมหรือการใช้กิจวัตรประจำวันที่ไม่พึงประสงค์ ก็ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้นใหม่ เช่น
- ดื่มน้ำให้อย่างวันละ 8 แก้ว หรือในปริมาณที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัว
- เปลี่ยนยาสีฟัน เป็นยาสีฟันสูตรอ่อนโยน มีสารที่ทำให้เกิดระคายเคืองน้อย
- งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่ส่วนผสมของคาเฟอีน
- หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปากบ่อยๆ
- ฝึกหายใจทางจมูก หรือหากไม่สามารถฝึกได้ ให้ขอคำแนะนำจากแพทย์
- ทาลิปมัน ลิปบาร์ม ขี้ผึ้ง หรือเชียร์บัตเตอร์เสริมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากอยู่เสมอ
- เคี้ยวหมากฝรั่งหรือลูกอมปราศจากน้ำตาล เพื่อกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายเสริมความชุ่มชื้นมากขึ้น
แก้ปัญหาปากแห้ง แตก เป็นร่องแก้ไขได้ด้วยฟิลเลอร์ปาก
นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเองหรือปรึกษาแพทย์แล้ว อีกแนวทางคืนความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากก็คือ “การฉีดฟิลเลอร์” หรือ “การฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)” ซึ่งเป็นสารเลียนแบบสารกักเก็บความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของร่างกาย ทำหน้าที่โอบอุ้มน้ำเอาไว้ในผิวของเรา ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และยังคงเต่งตึงอยู่เสมอ
ฟิลเลอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นของเหลวหนืดใส มีประโยชน์ด้านการเติมสารน้ำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น รวมถึงสามารถช่วยปั้นแต่งเนื้อผิวส่วนที่ขาดมิติให้มีขนาดหรือรูปร่างที่สวยงามขึ้นได้ เช่น หน้าผากที่ย่น ใต้ตาที่ลึก ร่อง คางที่ตัดหรือดูสั้น รวมถึงปากที่ลีบแบน ดูไม่อวบอิ่ม หรือขาดน้ำจนแห้งกรัง
การฉีดฟิลเลอร์ปาก จะช่วยเปลี่ยนแปลงริมฝีปากที่แห้ง ลอก หรือเป็นร่องให้กลับมาดูชุ่มชื้น ดูมีผิวปากที่มันฉ่ำน้ำ แลดูสุขภาพดี
ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่ซีซี และมีขั้นตอนการฉีดอย่างไร?
โดยส่วนมากการฉดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากจะใช้ฟิลเลอร์อยู่ที่ 1-2 ซีซี ระยะเวลาในการทำหัตถการมักจะอยู่ที่ 20-30 นาที โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- แพทย์ทำความสะอาดผิวริมฝีปากให้ผู้เข้ารับบริการ
- แพทย์ฉีดยาชาที่ด้วยเทคนิค Distraction Technique with GCT ซึ่งช่วยหยุดอาการเจ็บระหว่างใช้เข็มลงชาที่ปากได้
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์เต็มที่ จะมีการประคบน้ำแข็งลงที่ริมฝีปากทีละส่วนอีกชั้นหนึ่ง เพื่อลดอาการเจ็บระหว่างแพทย์ใช้เข็มฉีดสารฟิลเลอร์
- แพทย์ค่อยๆ ฉีดเติมสารฟิลเลอร์ลงที่เนื้อริมฝีปาก ระหว่างนั้นอาจมีการใช้นิ้วกดลงน้ำหนักหรือนวดเพื่อปั้นแต่งเนื้อฟิลเลอร์ให้กระจายตัวไปทั่วริมฝีปากด้วย หรือเพื่อปรับรูปริมฝีปากให้สวยงามขึ้น
- หลังรับบริการเสร็จสามารถเดินทางกลับบ้านได้เลย และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที ไม่ต้องมีการพักฟื้นแต่อย่างใด
ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีจริงหรือ?
ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากจะสังเกตเห็นได้ทันทีหลังทำหัตถการเสร็จสิ้น หรือเห็นผลภายใน 1-2 วันหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนมากที่สุดหลังฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์
ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากจะขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ รุ่น หรือยี่ห้อฟิลเลอร์ที่แพทย์เลือกใช้ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายแบบ รวมถึงกิจวัตรการดูแลสุขภาพผิวปากของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านด้วย
โดยส่วนมากระยะเวลาของผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ที่ 6-8 เดือนขึ้นไป ฟิลเลอร์บางรุ่นสามารถอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน
แต่หากผู้เข้ารับบริการไม่ได้มีการดูแลสุขภาพผิวปากอย่างเหมาะสมด้วย เช่น ดื่มน้ำน้อย สูบบุหรี่บ่อย รับประทานอาหารรสจัดอยู่บ่อยๆ ก็มีโอกาสที่ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์จะคงอยู่ได้สั้นกว่าปกติ
เคยศัลยกรรมริมฝีปากมา ฉีดฟิลเลอร์ปากได้หรือไม่?
สามารถฉีดได้ ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด และการฉีดฟิลเลอร์ปากยังจะช่วยให้รูปปากหลังศัลยกรรมดูมีรูปร่างสวยงาม รวมทั้งยังดูฉ่ำน้ำดูสุขภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ผู้เข้ารับบริการปรึกษาปัญหาริมฝีปากและเลือกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์กับแพทย์เสียก่อน
- แจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา ยาประจำตัว วิตามินเสริม อาหารเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพทุกชนิด
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีการผลัดเซลล์ผิว และงดการแวกซ์หรือสครับผิวหน้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนวันฉีดฟิลเลอร์
- งดวิตามินและสมุนไพรที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด เช่น วิตามินอี กระเทียม โสม น้ำมันพริมโรส
- งดสูบบุหรี่และงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 1-3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ เช่น การแช่น้ำร้อน การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- นอนหมอนสูง เพื่อลดอาการบวม
- ดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อเป็นกำลังเสริมให้สารฟิลเลอร์กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น
- พยายามดื่มน้ำด้วยการใช้หลอดดูดแทนการดื่มจากปากแก้ว เนื่องจากแก้วที่ใช้จะเป็นตัวกดน้ำหนักลงกับผิวปากและทำให้ฟิลเลอร์ที่แพทย์ปั้นไว้ในริมฝีปากกระจายตัวออกได้
- อย่าใช้นิ้วจับ แตะ หรือกดคลึงที่ริมฝีปาก
- หากยังมีผิวปากหลุดลอกอยู่ อย่าไปดึงหรือลอกออก เนื่องจากจะยิ่งทำลายชั้นผิวริมฝีปากให้เสียความชุ่มชื้นกว่าเดิม
- งดกินอาหารร้อนจัด ดื่มเครื่องดื่มร้อนจัด อาหารรสเผ็ด รสจัด รสเปรี้ยว อาหารหมักดองอย่างน้อยประมาณ 4 สัปดาห์หลังรับบริการ
- งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์
- งดทาลิปสติกเป็นเวลา 1 วันหลังรับบริการ
- งดทำกิจกรรมในที่อุณหภูมิสูงๆ เช่น การเล่นกีฬา การแช่น้ำร้อน อบไอน้ำ ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังรับบริการ เนื่องจากอาจยิ่งทำให้เกิดอาการบวมมากกว่าเดิม
- งดเลเซอร์ผิว หรือการเสริมความงามที่ทำให้เกิดความร้อนที่ผิวประมาณ 3-4 สัปดาห์หลังรับบริการ
อาการข้างเคียงที่พบได้จากการฉีดฟิลเลอร์ปาก
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก ผู้เข้ารับบริการอาจพบอาการบวมแดงในบริเวณที่แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ได้บ้าง แต่โดยทั่วไปอาการจะคงอยู่เพียง 2-3 วัน หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ บรรเทาหายไป
ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี?
Better Me Clinic By Dr. Chanya เปิดให้บริการฉีดฟิลเลอร์ปากด้วยผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อที่ได้มาตรฐานการแพทย์ ปลอดภัย และสามารถฉีดเพื่อตอบโจทย์ปัญหาริมฝีปากได้หลายด้าน เช่น ยี่ห้อ Juvederm จากประเทศสหรัฐอเมริกา ยี่ห้อ Restylane จากประเทศสวีเดน
Better Me Clinic By Dr. Chanya ใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์แบบพิเศษตั้งแต่ขั้นตอนการฉีดยาชา โดยจะใช้เทคนิค Distraction Technique with GCT ซึ่งเป็นเทคนิคการฉีดยาชาโดยไม่ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกเจ็บอย่างแน่นอน
ตามด้วยเทคนิค “Chanya’s Painless Technique” สำหรับขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อหยุดปัญหารู้สึกเจ็บผิวระหว่างแพทย์ลงเข็มฟิลเลอร์ จนทำให้ใครหลายคนยังรู้สึกไม่มั่นใจ และยังไม่กล้ามาฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมความงามให้กับใบหน้า ซึ่งหากลองรับบริการแล้วรู้สึกเจ็บ ทางคลินิกยินดีคืนเงินให้
นอกจากการฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อแก้ปัญหาปากขาดความชุ่มชื้น แพทย์ประจำ Better Me Clinic By Dr. Chanya ยังมีประสบการณ์ในการออกแบบโครงสร้างริมฝีปากให้เข้ากับใบหน้ามากขึ้น ทำให้นอกจากคุณได้จะผิวปากที่ดูฉ่ำน้ำแล้ว ยังจะได้รูปปากที่ดูสวยโค้งอย่างพอดี มีกระจับที่ดูเข้ากับโครงหน้าทั้งหมดอีกด้วย
คืนความชุ่มชื้นให้เรียวปากของคุณ พร้อมเสริมมิติของปากให้ดูสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยฝีมือแพทย์ผู้มากประสบการณ์จาก Better Me Clinic By Dr. Chanya หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการฉีดฟิลเลอร์ปากผ่านช่องทางต่อไปนี้
โทร 020598118 , 0886032641 หรือ
ที่มาของข้อมูล
- Better Me Clinic By Dr. Chanya, ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ให้รูปปากดูสวย อวบอิ่ม (https://bettermeclinicofficial.com/aesthetic/face-reshaping/lip-filler/ ), 18 กันยายน 2566.
- BIDC, ภาวะปากแห้งคืออะไร รู้จักอาการ พร้อมวิธีป้องกัน (https://thailanddentalclinic.com/implications-of-xerostomia/), 18 กันยายน 2566.
- Cleveland Clinic, Dry Mouth (Xerostomia) (https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/10902-dry-mouth-xerostomia ), 18 September 2023.
- NHS, Dry mouth (https://www.nhs.uk/conditions/dry-mouth/ ), 18 September 2023.
- WebMD, Dental Health and Dry Mouth (https://www.webmd.com/oral-health/dental-health-dry-mouth ), 18 September 2023.
- SkinX Team, ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่? รู้ไว้สวยปัง พร้อมวิธีการดูแลตัวเองง่าย ๆ (https://skinx.app/content/filler/when-filler-effect-show ), 18 กันยายน 2566.
- VSquare Clinic, ฉีดฟิลเลอร์ปาก เซ็กซี่แบบธรรมชาติ ทรงปากแบบไหนที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด (https://www.vsquareclinic.com/blogs/asia-filler-lip/ ), 18 กันยายน 2566.