fbpx

🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คืออะไร? ฟื้นฟูระดับเซลล์ หน้าใสเหมือนวัยสาว

สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คืออะไร? ฟื้นฟูระดับเซลล์ หน้าใสเหมือนวัยสาว
สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คืออะไร? ฟื้นฟูระดับเซลล์ หน้าใสเหมือนวัยสาว

สเต็มเซลล์ หรือ stem cell คือ นวัตกรรมเรียกคืนความอ่อนเยาว์และฟื้นฟูผิวหน้าให้เต่งตึง กระชับ กระจ่างใส สุขภาพดีที่ได้รับความนิยม แต่สเต็มเซลล์คืออะไร สเต็มเซลล์มีกี่ประเภท และสเต็มเซลล์ช่วยเรื่องอะไร ไปดูกันเลย

สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คืออะไร

สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คืออะไร

สเต็มเซลล์หรือ stem cell คือ เซลล์ต้นกำเนิดที่พบในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด โดยเป็นเซลล์ที่ยังไม่ระบุชนิดหรือหน้าที่ แต่เมื่อผ่านการกระตุ้นจะพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ ของร่างกายได้มากกว่า 200 ชนิด พร้อมกันนั้นยังสามารถแบ่งตัวได้อย่างไม่สิ้นสุดเพื่อเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อต่อไป ด้วยเหตุนี้สเต็มเซลล์ จึงมีคุณสมบัติทั้งช่วยซ่อมแซมเซลล์ร่างกายส่วนที่สึกหรอทดแทนเซลล์ร่างกายที่เสื่อมสถาพ และชะลอความเสื่อมของร่างกาย ซึ่งจากคุณสมบัตินี้ทำให้ปัจจุบันมีการนำสเต็มเซลล์ มาใช้ในทั้งทางการแพทย์และเสริมความงาม

สเต็มเซลล์ มีกี่ประเภท มาจากไหนได้บ้าง

สเต็มเซลล์ มีกี่ประเภท มาจากไหนได้บ้าง

สเต็มเซลล์ที่ใช้ประโยชน์มีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ สเต็มเซลล์จากเอ็มบริโอ (ESCs)  สเต็มเซลล์จากการปรับแต่งยีน (iPSCs) และ สเต็มเซลล์จากเซลล์ที่เจริญแล้ว (MSCs) ซึ่งทั้ง 3 ประเภทมีแหล่งที่มา การใช้ประโยชน์ และข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้

สเต็มเซลล์จากเอ็มบริโอ (ESCs)

สเต็มเซลล์จากเอ็มบริโอ (ESCs) หรือ  Embryonic stem cell คือ ชนิดสเต็มเซลล์ที่ได้ตัวอ่อนที่ผ่านการปฎิสนธิในห้องปฎิบัติการวิจัยทางวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยส่วนใหญ่จะนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในด้านต่างๆ อย่างการทดสอบยารักษาโรคหรือทดสอบการเกิดโรค เนื่องจากสเต็มเซลล์ประเภทนี้สามารถพัฒนาไปเป็นเนื้อเยื่อ 3 ชนิด ได้แก่ เนื้อเยื่อชั้นนอก เนื้อเยื่อชั้นกลาง และเนื้อเยื่อใน ทำให้การทดสอบทางวิทยาศาสตร์มีความแม่นยำมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่ร่างกายยังก่อให้เกิดมะเร็งหรือเนื้องอก รวมถึงมีข้อถกเถียงทางด้านจริยธรรมและข้อกฎหมาย จึงไม่นิยมนำมาใช้ในการรักษาทางการแพทย์

สเต็มเซลล์จากการปรับแต่งยีน (iPSCs)

สเต็มเซลล์จากการปรับแต่งยีน (iPSCs) หรือ Induced pluripotent stem cell คือ ชนิดสเต็มเซลล์ที่ได้จากการนำชนิดสเต็มเซลล์ที่เจริญแล้ว มาตัดแต่งทางพันธุกรรมในห้องปฏิบัติติการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มีคุณสมบัติเหมือนกับสเต็มเซลล์จากเอ็มบริโอ ทำให้มีข้อดีตรงที่มีคุณสมบัติเหมือนกับสเต็มเซลล์จากเอ็มบริโอ ทำให้สามารถนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยไม่มีความเสี่ยงเรื่องข้อกฎหมายและจริยธรรม แต่ทั้งนี้ไม่นิยมนำมาใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกาย เพราะมีโอกาสเกิดมะเร็งและเนื้องอกได้เช่นเดียวกัน

สเต็มเซลล์จากเซลล์ที่เจริญแล้ว (MSCs)

สเต็มเซลล์จากเซลล์ที่เจริญแล้ว (MSCs) หรือ Mesenchymal stem cell คือ ชนิดสเต็มเซลล์ที่ได้จากเซลล์ที่เจริญและมีหน้าที่แล้ว เรียกว่าสเต็มเซลล์มีเซ็นไคม์ เป็นสเต็มเซลล์ที่นิยมใช้ในการรักษาโรคและฟื้นฟูร่างกาย เนื่องจากเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อชั้นกลางได้ (Multipotent) ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ ทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และปรับสมดุลร่างกายได้ สำหรับสเต็มเซลล์จากเซลล์ที่เจริญแล้วสามารถนำมาจากหลายส่วน ได้แก่

  • เลือด เป็นการเก็บสเต็มเซลล์ด้วยการฉีดยากระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างสเต็มเซลล์และใช้อุปกรณ์เก็บสเต็มเซลล์ที่ได้เลือด จากนั้นจึงมีการฉีดกลับเข้าไปยังร่างกายใหม่ สำหรับสเต็มเซลล์ที่ได้จากเม็ดเลือดถูกนำไปใช้ทางการแพทย์ โดเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยกว่า 90% ไม่ต้องตัดอวัยวะทิ้งเมื่อเป็นแผลเบาหวาน
  • ไขมัน เป็นการเก็บสเต็มเซลล์ด้วยการดูดไขมันส่วนเกินของร่างกายมาปั่นเพื่อสกัดแยกเอาสเต็มเซลล์มาใช้ประโยชน์ แต่ส่วนใหญ่นิยมใช้เสริมความงาม เพราะเป็นการนำไขมันส่วนเกินของร่างกายตัวเองมาใช้ ทำให้มีโอกาสแพ้น้อยและได้ผลที่ดีกว่าการนำมาใช้จากส่วนอื่น
  • ไขกระดูก เป็นการเก็บสเต็มเซลล์ด้วยการเจาะดูดเลือดจากไขกระดูกและฉีดกลับเข้าสู่ร่างกาย นิยมใช้ในการรักษาโรคหัวใจ โรคตับ โรคที่เกี่ยวข้องกับไขสันหลัง และชะลอวัย
  • รก เป็นการเก็บสเต็มเซลล์จากรก สายสะดือ หรือน้ำคร่ำของคุณแม่ตั้งครรภ์ นำมาสกัดและเก็บสเต็มเซลล์เพื่อใช้ในการรักษาโรค
ประโยชน์ของสเต็มเซลล์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

ประโยชน์ของสเต็มเซลล์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

จากคุณสมบัติของสเต็มเซลล์ที่สามารถพัฒนาเป็นเซลล์อื่นๆ และแบ่งเซลล์พัฒนาไปเป็นเนื้อเยื่อได้ ทำให้ประโยชน์ของสเต็มเซลล์หลัก ๆ นั้นหนีไม่พ้นด้านการแพทย์ทั้งด้านการรักษาและวิจัย ดังนี้

  • ใช้รักษาโรคต่างๆ อย่างโรคเบาหวาน โรคเกี่ยวตา โรคตับ โรคทางระบบประสาท โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือด โรคที่เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม โรคหัวใจ โรคไขสันหลัง หรือแผลจากอุบัติเหตุ เนื่องจากสเต็มเซลล์สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ใดๆ ก็ได้ ทำให้เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการทดแทนและฟื้นฟู ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น
  • ใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาวิจัย อย่างการทดสอบยา ทดสอบการลุกลามของโรค เพราะนอกจากสเต็มเซลล์จะสามารถขยายจำนวนได้ไม่สิ้นสุดแล้ว ยังกระตุ้นเพื่อให้พัฒนาเป็นเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่ต้องการได้อีกด้วย ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการศึกษาวิจัยได้มากกว่าและลดการทดลองในสัตว์
  • ใช้ประโยชน์ด้าน Genetic Disorders หรือวิศวกรรมเนื้อเยื่อ เพราะสามารถใช้สเต็มเซลล์ในกระบวนการปลูกถ่ายอวัยวะและเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้เพิ่มโอกาสในรักษามากขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาการบริจาคอวัยวะ และการปฎิเสธเนื้อเยื่อหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ
  • ใช้ประโยชน์ในการรักษภาวะมีบุตรยาก เนื่องด้วยสเต็มเซลล์สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์อสุจิหรือเซลล์ไข่ จึงเป็นอีกทางเลือกการรักษาสำหรับคนที่มีเซลล์อสุจิหรือเซลล์ไข่ผิดปกติหรือมีจำนวนน้อย
  • ใช้ประโยชน์ในการชะลอวัย แม้ยังมีการวิจัยไม่มาก แต่ในเบื้องต้นมีหลายฉบับที่แสดงให้เห็นว่าสเต็มเซลล์สามารถช่วยทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพหรือเสียหาย ดังนั้นสเต็มเซลล์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการชะลอวัย ยืดอายุ และการดูแลสุขภาพ
สเต็มเซลล์ เหมาะกับใคร

สเต็มเซลล์ เหมาะกับใคร

นอกจากจะใช้ในทางการแพทย์เพื่อบรรเทาอาการจากโรคต่างๆ แล้ว สเต็มเซลล์ยังถูกนำไปใช้ในการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายในด้านต่างๆ ได้อีกด้วย ทำให้สเต็มเซลล์เหมาะกับผู้ที่มีความต้องการดังนี้

  • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรง
  • ผู้ที่ต้องการป้องกันการสูญเสียของเซลล์ประสาทและเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย เพื่อลดโอกาสเป็นโรคเรื้อรัง อย่างโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคไต
  • ผู้ที่มีฟื้นฟูร่างกายหลังการติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากสเต็มเซลล์ช่วยลดภาวะปอดอักเสบได้
  • ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดีขึ้น ลดริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
  • ผู้ที่ต้องการชะลอวัย กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง

สเต็มเซลล์ ไม่เหมาะกับใคร

แม้ว่าสเต็มเซลล์จะเป็นเซลล์ที่อยู่ในร่างกายและมีงานวิจัยการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เป็นรองรับ แต่ถึงอย่างนั้นการฉีดสเต็มเซลล์ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เนื่องด้วยอาจไปกระตุ้นการเกิดโรคและก่อให้เกิดอาการแพ้ภายหลัง สำหรับคนที่ไม่เหมาะกับการฉีดสเต็มเซลล์คือ

  • ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เพราะ Growth Factor สเต็มเซลล์อาจไปกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเติบโตและมีจำนวนมากขึ้น
  • ผู้ที่มีประวัติเรื่องโรคภูมิแพ้หรือร่างกายไม่พร้อม เพราะอาจมีอาการแพ้หรือป่วยหลังฉีดสเต็มเซลล์ กระทบกับสุขภาพโดยรวม
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง
ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง

สเต็มเซลล์กับความงาม เกี่ยวข้องกันอย่างไร

สำหรับคนที่สงสัยสเต็มเซลล์กับความงามเกี่ยวข้องกันอย่างไร คำตอบคือ สเต็มเซลล์สามารถใช้ในการฟื้นฟูความงามได้เช่นเดียวกัน ซึ่งสเต็มเซลล์ที่ใช้ประโยชน์ด้านนี้จะมาจากรก สายสะดือ และไขมันส่วนเกินจากต้นขา หน้าท้อง และลำตัว โดยนิยมใช้ฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใส ลดจุดด่างดำ ริ้วรอย และกระตุ้นให้ผิวโทรมกลับมาสดใส่ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากส่วนใหญ่จะใช้สเต็มเซลล์จากไขมันส่วนเกินของตัวผู้ฉีดเอง

สเต็มเซลล์กับความงาม ช่วยอะไรได้บ้าง

สเต็มเซลล์กับความงาม ช่วยอะไรได้บ้าง

การฉีดสเต็มเซลล์เพื่อบำรุงผิวเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเสริมความงามที่กำลังได้รับความนิยม เพราะนอกจากจะเห็นผลเร็วภายใน 2 – 3 เดือนแล้ว ยังช่วยแก้ไขปัญหาและบำรุงผิวให้กลับมาสุขภาพดีพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น

  • ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง ชุ่มชื้น และยืดหยุ่นอิ่มน้ำมากขึ้น
  • ช่วยลดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่าง ทำให้ผิวดูกระจ่าง
  • ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย
ฉีดสเต็มเซลล์เสริมความงาม ทำได้อย่างไร

ฉีดสเต็มเซลล์เสริมความงาม ทำได้อย่างไร

การฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่ร่างกายเพื่อเสริมความงามนิยมฉีดไปยัง 2 จุด คือ การฉีดสเต็มเซลล์เข้าผิวหน้าโดยตรงและการฉีดสเต็มเซลล์เข้าหลอดเลือดดำ ซึ่งแต่ละจุดให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันดังนี้

ฉีดสเต็มเซลล์เข้าผิวหน้าโดยตรง

เป็นการฉีดสเต็มเซลล์ไปที่จุดต่างๆ บนใบหน้า เพื่อให้สเต็มเซลล์ช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวหน้า ลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มใต้ตา ลำคอ รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแผลเป็น กระชับรูขุมขน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่งผลให้ผิวกูกลับมาแข็งแรงและดูอ่อนวัยยิ่งขึ้น

ฉีดสเต็มเซลล์เข้าหลอดเลือดดำ

เป็นการฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง เพื่อปรับสมดุลของผิว ช่วยให้ผิวดูกระชับ สดใส และลดอาการผื่นที่ทำให้ดูผิวสุขภาพไม่ดี

การดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดสเต็มเซลล์

การดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดสเต็มเซลล์

เนื่องจากวิธีการใช้สเต็มเซลล์คือ การนำสเต็มเซลล์ออกจากร่างกายและฉีดกลับเข้าไปใหม่ ทำให้ผู้ฉีดบ้างรายเกิดอาการแพ้หลังฉีดได้ เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลัง โดยแนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้

การดูแลตัวเองก่อนฉีดสเต็มเซลล์

  • ควรแจ้งประวัติทางการแพทย์ โรคประจำตัว และยาที่รับประทานประจำให้แพทย์ทราบ เพื่อวางแผนการรักษาและประเมินความเสี่ยงหลังการฉีดสเต็มเซลล์
  • ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ ก่อนฉีดสเต็มเซลล์ควรงดการหัตถกรรมทางการแพทย์ แต่หากจำเป็นควรปรึกษาแพทย์เจ้าของเคสก่อนเพื่อประเมินการรักษา
  • ในช่วง 2 – 3 วัน ก่อนฉีดสเต็มเซลล์ ควรงดรับประทานของทอดของมันฃ
  • ก่อนฉีดสเต็มเซลล์ควรนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ตั้งแต่ 8 – 12 ชั่วโมงขึ้นไป

การดูแลตัวเองหลังฉีดสเต็มเซลล์

  • หลังฉีดสเต็มเซลล์ควรดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำหวานมากๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น
  • ในช่วง 1 -2 วัน หลังฉีดสเต็มเซลล์ ควรงดกิจกรรมหนักหรือออกกำลังกายหนัก รวมถึงหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด มลภาวะ ฝุ่นควัน และสถานที่ที่มีเชื้อโรค เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องการอักเสบติดเชื้อ
  • ในช่วง 2 – 3 วัน หลังฉีดสเต็มเซลล์ ควรงดรับประทานของทอดของมันเช่นกัน
  • ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ หลังฉีดสเต็มเซลล์ไม่ควรทำหัตถกรรมทางการแพทย์ เพื่อลดโอกาสเกิดอาการแพ้

ขั้นตอนการฉีดสเต็มเซลล์เข้าผิวหน้า ทำได้อย่างไร

ปกติแล้วการฉีดสเต็มเซลล์จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพราะเป็นการหัตถการที่ไม่มีการผ่าตัดจึงไม่ต้องวางยาสลบ เป็นเพียงการแปะยาช้าเพื่อบรรเทาอาการเจ็บจากการฉีดเท่านั้น สำหรับการฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหน้ามีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  • ขั้นตอนแรกแพทย์จะดำเนินการเตรียมใบหน้าด้วยการทำความสะอาดใบหน้าเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและความมัน
  • หลังจากใบหน้าสะอาดแล้ว แพทย์จะแปะยาชาไปยังบริเวณผิวที่ฉีดสเต็มเซลล์ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  • เมื่อครบเวลาและใบหน้าของผู้ฉีดชาแล้ว แพทย์จะฉีด Mesenchymal stem cell ที่มีปริมาณเซลล์เหมาะสมกับผู้ฉีด
  • หลังฉีดแพทย์จะประคบเย็นเพื่อบรรเทาความเจ็บและลดรอยเข็มให้กับผู้ฉีด
ฉีดสเต็มเซลล์กับ Better Me Clinic ดีกว่าอย่างไร

ฉีดสเต็มเซลล์กับ Better Me Clinic ดีกว่าอย่างไร

  • คุณหมอมีประสบการณ์ด้านความงามมายาวนาน 8 ปี พร้อมประสบการณ์ด้านศัลยกรรมมามากกว่า 10,000 เคส
  • คุณหมอเป็นอาจารย์สอนหลักสูตรการอบรมด้านเวชศาสตร์ความงามจากองค์กร ABAM จากอเมริกา คนเดียวในไทย
  • เทคนิคใหม่แบบ Better Me คลินิกเน้นการออกแบบที่สวยงาม เหมาะกับใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคเฉพาะจากประเทศเกาหลี
  • เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย คุณหมอทุกท่านให้ความสำคัญกับคนไข้ทุกเคส
  • คลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน พร้อมนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
  • Better Me Club มีการบริการด้วยหัวใจหลังศัลยกรรม หรือทำหัตถการ ด้วยบริการให้คำแนะนำโดยแอดมินสายตรง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ
  • เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพิ่มความมั่นใจและสวยที่สุดในราคาที่จับต้องได้

รีวิวการฉีดสเต็มเซลล์

รีวิวการฉีดสเต็มเซลล์
รีวิวการฉีดสเต็มเซลล์ Better Me Clinic
รีวิว ฉีดสเต็มเซลล์ Better Me Clinic

สรุป

สรุปแล้วสเต็มเซลล์คือ เซลล์ต้นกำเนิดที่สิ่งมีชีวิตสามารถสร้างได้ตามธรรมชาติ และเนื่องจากเป็นเซลล์ที่ไม่ระบุหน้าที่จึงสามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์หรือเนื้อเยื่อใดก็ได้ ซึ่งจากคุณสมบัติสเต็มเซลล์นอกจากนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว  ยังนิยมนำมาใช้ในเรื่องความงาม โดยสเต็มเซลล์ช่วยกระตุ้นการเซลล์ใหม่ คลอลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และช่วยลดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำให้ดูกระจ่างใสและอ่อนวัยมากขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดสเต็มเซลล์ (FAQ)

สำหรับคนที่สนใจฟื้นฟูผิวด้วยสเต็มเซลล์ แต่ยังเป็นกังวล เราได้รวบรวมคำถามและคำตอบสั้นๆ ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นมาฝาก

ฉีดสเต็มเซลล์ อยู่ได้นานไหม

หลังการฉีดสเต็มเซลล์จะเห็นผลลัพธ์ตตั้งแต่ช่วง 1 – 3 สัปดาห์แรก โดยอยู่ได้นานสูงสุดประมาณ 1 ปี

ใช้สเต็มเซลล์คนอื่นมาฉีดได้ไหม

สามารถใช้ได้ แต่บุคคลที่เป็นผู้ให้สเต็มเซลล์ต้องผ่ายการตรวจสอบสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อป้องกันอันตรายจากโรคติดต่อ

อายุเท่าไรถึงฉีดสเต็มเซลล์ได้

สามารถเริ่มฉีดสเต็มเซลล์ได้ตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป

ฉีดสเต็มเซลล์ อันตรายไหม

การฉีดสเต็มเซลล์มีโอกาสการแพ้น้อยมาก เนื่องจากเป็นเซลล์ร่างกาย แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ฉีดสเต็มเซลล์ มีผลข้างเคียงไหม

หลังฉีดสเต็มเซลล์อาจมีอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลีย หรืออาการบวมช้ำเล็กน้อยเท่านั้น

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ