fbpx

🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

Glass Skin คืออะไร เคล็ดลับผิวฉ่ำวาว พร้อมวิธีดูแลผิวสวยใสดุจกระจก

Glass Skin คืออะไร เคล็ดลับผิวฉ่ำวาว พร้อมวิธีดูแลผิวสวยใสดุจกระจก
Glass Skin ผิวกระจก คืออะไร พร้อมทริคดูแลผิวให้ดูโกลว์ฉ่ำวาว อิ่มน้ำ

Key Takeaway

  • Glass Skin คือผิวที่เรียบเนียน ชุ่มชื้น และเปล่งประกายเหมือนกระจก ไม่ใช่แค่ผิวใส แต่ผิวดูสุขภาพดีจากภายใน
  • ความต่างระหว่างผิวกลาสสกินกับผิวมัน สังเกตได้จากผิวมันอาจดูเงาเพราะน้ำมันส่วนเกิน แต่ผิวกลาสสกินดูฉ่ำจากความชุ่มชื้น ไม่มันเยิ้ม และเรียบเนียนตลอดวัน
  • วิธีดูแลผิวหน้าให้เป็น Glass Skin คือเน้นการเติมน้ำให้ผิว ล้างหน้าอ่อนโยน บำรุงและผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียน
  • ทำ Glass Skin ด้วยหัตถการเฉพาะทาง เช่น Skin Booster, Mesotherapy, PRP, Chemical Peeling หรือเติมคอลลาเจนและสารบำรุงเข้าผิว เพื่อฟื้นบำรุงล้ำลึก

เทรนด์ “Glass Skin” หรือผิวใสดุจกระจกจากเกาหลี กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สายบิวตี้ เพราะให้ลุคผิวเนียนใส สุขภาพดี ดูชุ่มชื้นแบบธรรมชาติ ในบทความนี้พาไปรู้จักว่า Glass Skin คืออะไร ต่างจากหน้ามันอย่างไร พร้อมแชร์เคล็ดลับและวิธีดูแลผิวให้เปล่งประกายแบบไม่ต้องง้อแอป!

 
Glass Skin คืออะไร?

Glass Skin คืออะไร?

คำว่า Glass Skin หมายถึงผิวหน้าที่ดูใส เปล่งประกาย เรียบเนียนเหมือนกระจก แต่หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผลจากการแต่งหน้าหรือเมกอัปเท่านั้น ความจริงแล้วกลาสสกินเป็นผลลัพธ์จากการดูแลผิวอย่างล้ำลึกและเป็นระบบ ทั้งการทำความสะอาด การเติมความชุ่มชื้น การบำรุง และการปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ

การมีผิวกลาสสกินจึงไม่ได้หมายความว่าผิวขาวหรือไม่มีรูขุมขน แต่หมายถึงผิวที่สุขภาพดี เปล่งประกาย มีความชุ่มชื้นเต็มผิว และเรียบเนียน การเข้าใจผิดอีกอย่างคือคิดว่า Glass Skin คือเทรนด์แฟชั่นชั่วคราว แต่แท้จริงคือการสะท้อนถึงผิวที่แข็งแรงและได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องมากกว่าการแต่งหน้าหรือใช้ฟิลเตอร์เพียงอย่างเดียว

ทำไมใครๆ ก็อยากมีผิวแบบ Glass Skin?

ผิวแบบ Glass Skin เป็นสัญลักษณ์ของผิวสุขภาพดี เปล่งประกาย และชุ่มชื้นเต็มที่ ซึ่งทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ และเรียบเนียนโดยไม่ต้องพึ่งเมกอัปมากนัก ข้อดีของการมีผิวแบบนี้ คือ

  • ดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ ผิวที่ชุ่มชื้นและเรียบเนียน ช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและมีชีวิตชีวา
  • เมกอัปติดง่ายและสวยขึ้น ผิวที่เรียบเนียนทำให้รองพื้นและบีบีครีมเกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ
  • ลดโอกาสการเกิดสิว การดูแลผิวเพื่อให้เป็นผิวกลาสสกินช่วยลดความแห้งกร้าน ริ้วรอย และจุดด่างดำ
  • ความมั่นใจสูงขึ้น ผิวที่สุขภาพดีเปล่งประกาย ทำให้รู้สึกมั่นใจเมื่อเผยผิวหน้าโดยไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ
ความแตกต่างระหว่าง Glass Skin กับผิวมัน

ความแตกต่างระหว่าง Glass Skin กับผิวมัน

แม้บางคนอาจเข้าใจผิดว่าผิวแบบ Glass Skin คือผิวมัน แต่หากพิจารณาดูแล้ว ผิวทั้งสองกลับมีความต่างกันอย่างชัดเจน โดยสามารถสังเกตได้ดังนี้

  1. ลักษณะผิว
    Glass Skin คือผิวที่ชุ่มชื้น สุขภาพดี และเรียบเนียน มีความเงาวาวแบบเป็นธรรมชาติ แต่ไม่เหนียวหรือมันเยิ้ม
    ผิวมัน คือผิวที่ผลิตน้ำมันมากเกินไป มักดูเงาวาว มีรูขุมขนอุดตันง่าย และอาจเกิดสิวหรือปัญหาผิวอื่นๆ
  2. สาเหตุของความวาว
    Glass Skin วาวจากความชุ่มชื้นและการดูแลผิวที่เหมาะสม
    ผิวมัน วาวจากน้ำมันที่ผิวสร้างขึ้นเองเกินจำเป็น
  3. วิธีสังเกต
    Glass Skin สามารถจับผิวได้แล้วรู้สึกนุ่ม เรียบ และชุ่มชื้นเต็มผิว
    ผิวมัน จะรู้สึกเหนียว เหมือนมีฟิล์มน้ำมันบนผิว และอาจต้องซับมันหลายครั้งระหว่างวัน
8 วิธีดูแลผิวหน้าให้เป็น Glass Skin

8 วิธีดูแลผิวหน้าให้เป็น Glass Skin

การมีผิวแบบ Glass Skin ไม่ได้เกิดจากเมกอัป แต่เกิดจากการดูแลผิวอย่างล้ำลึกและเป็นระบบ เรียบเนียน และเปล่งประกาย โดยมีวิธีดูแลผิวดังนี้

  1. ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน (Double Cleansing) เริ่มด้วยออยล์คลีนซิ่งเพื่อล้างเครื่องสำอางและสิ่งสกปรก ตามด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน วิธีนี้ช่วยให้ผิวสะอาด แต่ไม่แห้งตึง
  2. เติมน้ำด้วยโทนเนอร์และเอสเซนส์ โทนเนอร์ปรับสมดุลผิวและกระชับรูขุมขน เอสเซนส์ซึมลึกเพิ่มความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ทำให้ผิวพร้อมรับการบำรุงต่อ
  3. เลเยอร์เซรั่มแบบบางเบา ใช้เซรั่มหลายตัวทีละเลเยอร์ รอให้ซึมก่อนทาเลเยอร์ต่อไป เพื่อบำรุงครบทุกด้านโดยไม่อุดตัน
  4. มอยเจอร์ไรเซอร์ล็อกความชุ่มชื้น เลือกเนื้อครีมเหมาะกับสภาพผิว ทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้ผิวชุ่มฉ่ำและเรียบเนียนตลอดวัน
  5. ทาครีมกันแดดทุกวัน ปกป้องผิวจาก UV ด้วย SPF 30+ แม้วันที่อยู่ในร่ม ช่วยลดริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ
  6. มาสก์หน้า 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เลือกมาสก์เติมน้ำหรือสารต้านอนุมูลอิสระ ทำสม่ำเสมอช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและเปล่งประกาย
  7. ผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ ขจัดเซลล์ผิวเก่า 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ด้วยสูตรอ่อนโยน ให้ผิวเรียบเนียนพร้อมรับสารบำรุงใหม่
  8. ดูแลจากภายในด้วยอาหารและน้ำ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และกินอาหารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ และโอเมกา 3 ผิวจึงชุ่มชื้นและแข็งแรงจากภายใน
ผิวใสฉ่ำวาวด้วยหัตถการ Glass Skin

ผิวใสฉ่ำวาวด้วยหัตถการ Glass Skin

 หากคุณอยากมีผิวหน้าที่ดูใส ชุ่มชื้น และเปล่งประกายแบบสุขภาพดี การทำหัตถการ Glass Skin คือหนึ่งในตัวช่วยที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด เพราะเป็นการบำรุงผิวล้ำลึกและปรับสมดุลผิวให้เรียบเนียน ปัจจุบันมีหัตถการทางการแพทย์และความงามหลายรูปแบบ มาดูกันว่ามีหัตถการอะไรบ้างและทำอย่างไร

 
 
 

Rejuve Run (รีจูนรัน)

Rejuve Run เป็นหัตถการที่ใช้สารบำรุงเข้มข้น เติมน้ำและสารอาหารให้ผิวหน้าโดยตรง เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น ช่วยปรับสมดุลผิว ลดความหมองคล้ำ และฟื้นบำรุงริ้วรอยเล็กๆ ให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ผิวจึงดูใส ชุ่มชื้น และเปล่งประกายตั้งแต่ครั้งแรก

 
 
 
 

Meso Chanel (เมโสชาแนล)

Meso Chanel เป็นเทคนิคการส่งสารอาหาร วิตามิน และกรดไฮยาลูรอนิกเข้าสู่ผิวอย่างต่อเนื่อง ผ่านเครื่องมือเฉพาะที่ทำให้สารซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ดูเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ และเพิ่มความกระจ่างใส เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นบำรุงผิวอย่างตรงจุด โดยไม่ต้องพักฟื้นนานและไม่ระคายผิว

 

หัตถการนี้เน้นการฉีดคอลลาเจนเข้าสู่ผิวเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ความอิ่มน้ำ และลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้า ช่วยให้ผิวหน้าดูกระชับ เรียบเนียน และมีความชุ่มชื้น แพทย์จะประเมินจุดฉีดและปริมาณคอลลาเจนที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ผลลัพธ์จะเห็นชัดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์หลังทำ และสามารถทำซ้ำเพื่อรักษาผิวให้อิ่มน้ำและสุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง

Mesotherapy เป็นการฉีดวิตามิน กรดไฮยาลูรอนิก และสารอาหารเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก ช่วยในเรื่องผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย และผิวขาดน้ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นบำรุงผิวหน้าอย่างตรงจุดและเห็นผลเร็ว โดยหลังทำผิวจะรู้สึกชุ่มชื้นทันทีและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน สามารถทำซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน

 
 
 
 
 
 
 

โปรแกรมฟื้นบำรุงผิวด้วย Exosome ใช้เซลล์สกัดจากสเต็มเซลล์ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบล้ำลึกและยาวนาน มักทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การทำ Skin Booster หรือ Mesotherapy เพื่อให้ผิวหน้าใส สุขภาพดี และฟื้นบำรุงจากภายใน

Radiesse และ Sculptra เป็นฟิลเลอร์ชนิดพิเศษที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวตึงกระชับ ลดริ้วรอยลึก และยกกระชับใบหน้าได้พร้อมกัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มจุดที่ขาดคอลลาเจน เช่น แก้ม ร่องแก้ม หรือหน้าผาก แพทย์จะวิเคราะห์จุดฉีดและปริมาณที่เหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ธรรมชาติและยาวนาน

Skin Booster เป็นหัตถการฉีดสารให้ความชุ่มชื้นและวิตามินเข้าสู่ผิว เพื่อเพิ่มความอิ่มน้ำ ความยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ทำให้ผิวดูใส สุขภาพดี และเรียบเนียน หลังทำผิวจะรู้สึกนุ่ม ชุ่มชื้น และดูสดใสขึ้นทันที โดยแพทย์อาจแนะนำให้ทำซ้ำเป็นคอร์สเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

PRP Therapy เป็นการนำเลือดของตัวเองมาสกัดเกล็ดเลือดเข้มข้น แล้วฉีดเข้าสู่ผิวหน้าเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และทำให้ผิวหน้าใส สุขภาพดี วิธีนี้ปลอดภัยเพราะใช้เลือดของตัวเอง ไม่มีสารเคมีหรือสารเติมเต็มสังเคราะห์

Chemical Peeling เป็นการใช้สารเคมีเฉพาะชนิดผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออกไป พร้อมกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และลดเลือนจุดด่างดำ สามารถเลือกความเข้มข้นของสารเคมีให้เหมาะกับสภาพผิวได้ หลังทำอาจมีรอยแดงเล็กน้อยและควรปกป้องผิวจากแสงแดด

  1. ล้างหน้าให้สะอาด ก่อนเข้าหัตถการควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและคลีนซิ่งอ่อนโยน เพื่อเอาสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง หรือคราบมันออก ทำให้สารบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
  2. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีแรงๆ หากเคยทำเลเซอร์ ผลัดเซลล์ผิว หรือใช้กรดเข้มข้น ควรเว้นระยะอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวระคาย
  3. หลีกเลี่ยงแดดจัดและทาครีมกันแดด ก่อนทำหัตถการควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด เพราะผิวที่ไวต่อแดดอาจเกิดการระคายผิวหลังทำ รวมถึงควรเลือกครีมกันแดดที่อ่อนโยนหลังการทำหัตถการ
  4. แจ้งประวัติสุขภาพและปัญหาผิวกับแพทย์ บอกแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว การแพ้สารต่างๆ หรือปัญหาผิว เพื่อให้แพทย์เลือกหัตถการที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
  5. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือยาละลายเลือดก่อนทำหัตถการ อาจทำให้เลือดออกง่ายหรือฟื้นตัวช้าลง ควรงดอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการทำ
  6. พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำให้มาก การมีผิวที่ชุ่มชื้นและร่างกายพร้อมช่วยให้ผลลัพธ์ของหัตถการดียิ่งขึ้น
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง
ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง
การดูแลตนเองหลังทำหัตถการ Glass Skin

การดูแลตนเองหลังทำหัตถการ Glass Skin

หลังทำหัตถการเพื่อผิวกลาสสกินการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนและผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น ดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ควรอยู่ในที่ร่มหรือสวมครีมกันแดด เพราะแสงแดดสามารถทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวคล้ำเสียหรือเกิดริ้วรอยได้
  2. งดบีบ จับ หรือสัมผัสผิวบริเวณที่ทำหัตถการ การสัมผัสแรงอาจทำให้เกิดการอักเสบ บวม หรือช้ำได้
  3. ประคบเย็นเมื่อมีรอยแดงหรือบวม สำหรับรอยแดงหรือช้ำ สามารถใช้ผ้าหรือเจลเย็นประคบเพื่อลดอาการ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน ควรปรึกษาแพทย์ทันที
  4. บำรุงผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังหัตถการสามารถใช้สกินแคร์ได้ตามปกติ แนะนำเน้นผลิตภัณฑ์ที่มี AHA เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าและช่วยให้ผิวเรียบเนียน
  5. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ สารในแอลกอฮอล์และบุหรี่สามารถลดประสิทธิภาพของตัวยาและชะลอการฟื้นบำรุงผิว
  6. ดื่มน้ำมากๆ ควรดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 3 ลิตร เพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดี และร่างกายดูดซึมสารบำรุงได้เต็มประสิทธิภาพ

ดูแลผิวหน้าแบบ Glass Skin ที่ Better Me Clinic ดีกว่าอย่างไร?

  • ที่ Better Me Clinic เราเน้นการดูแลผิวหน้าอย่างใส่ใจ ด้วยทีมแพทย์ทุกท่านที่มีประสบการณ์ด้านความงามมายาวนาน 10 ปี
  • เน้นการออกแบบ 1:1 เคสต่อเคส ให้เหมาะกับโครงหน้าและปัญหาของแต่ละคน ด้วยเทคนิคเฉพาะ Better Me Analysis Program
  • รู้สึกเจ็บน้อยและบวมช้ำน้อย เพราะทีมแพทย์ทุกท่านใส่ใจในทุกรายละเอียดและให้ความสำคัญกับทุกเคสอย่างใกล้ชิด
  • คลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีรองมาตรฐาน พร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ
  • Better Me Club มีการบริการด้วยหัวใจ พร้อมดูแลหลังการทำศัลยกรรมและหัตถการอย่างใกล้ชิด ด้วยบริการให้คำแนะนำโดยแอดมินสายตรง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับสมาชิกคนพิเศษ
  • เปลี่ยนเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพิ่มความมั่นใจและความสวยในราคาที่จับต้องได้

รีวิวก่อนและหลังดูแลผิว Glass Skin ที่ Better Me Clinic

รีวิวก่อนและหลังดูแลผิว Glass Skin ที่ Better Me Clinic
สรุป

เทรนด์ Glass Skin คือผิวใสดุจกระจกที่เกิดจากการดูแลผิวอย่างล้ำลึก ไม่ใช่ความมันหรือเมกอัป เพราะผิวแบบนี้คือผิวที่ชุ่มชื้น เรียบเนียน และเปล่งประกาย ทำให้หน้าดูสุขภาพดี อ่อนเยาว์ รองพื้นเกลี่ยง่าย ลดโอกาสเกิดสิว และเพิ่มความมั่นใจ การดูแลผิวให้กลาสสกินด้วยตัวเอง ทำได้ด้วยการล้างหน้าอย่างอ่อนโยน เติมน้ำให้ผิวด้วยโทนเนอร์และเอสเซนส์ เลเยอร์เซรั่ม ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ ทาครีมกันแดด หรือการมาร์กหน้า หากอยากมีผิวกลาสสกินแบบไม่ต้องใช้เวลานาน การทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น Rejuve Run, Meso Chanel, Made Collagen, Mesotherapy, Skin Booster หรือ PRP เพื่อฟื้นบำรุงล้ำลึก เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ผิวใส ชุ่มฉ่ำ และเปล่งประกายได้

อยากมีผิว Glass Skin แบบใช้เวลาไม่นาน เพื่อให้คุณเผยความมั่นใจและผิวสวยใส ที่ Better Me Clinic เราดูแลผิวแบบ 1:1 เคสต่อเคส ด้วยแพทย์มากประสบการณ์ ผ่านเทคนิค Better Me Analysis Program พร้อมผลิตภัณฑ์คุณภาพและเทคโนโลยีทันสมัย ช่วยให้เจ็บน้อย บวมน้อย และเห็นผลชัดเจน พร้อมบริการหลังทำอย่างใกล้ชิดผ่าน Better Me Club ให้คำปรึกษาสายตรงและข้อเสนอพิเศษสำหรับคุณ

คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับ Glass Skin (FAQ)

 สำหรับใครที่สนใจการดูแลผิวให้ใสฉ่ำแบบ Glass Skin เรามีคำถามยอดนิยมและคำตอบที่ช่วยให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

Glass Skin ต้องใช้เวลากี่วันถึงจะเห็นผล?

การดูแลผิวให้เป็น Glass Skin ด้วยตัวเอง เช่น การบำรุง เติมน้ำให้ผิว และผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ จะเริ่มเห็นผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียนภายใน 2-4 สัปดาห์ และผลลัพธ์เต็มที่จะชัดเจนหลัง 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความสม่ำเสมอ ส่วนการทำหัตถการ Glass Skin เช่น Skin Booster, Mesotherapy หรือ PRP จะช่วยฟื้นบำรุงล้ำลึก ทำให้ผิวดูชุ่มฉ่ำและเรียบเนียนได้ทันทีหลังทำ 1–2 วัน และผลลัพธ์เต็มจะชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์ ทำให้เห็นผลเร็วกว่าการดูแลด้วยตัวเอง

 
 
 
 
 
 
 
 

ต้องใช้สกินแคร์อะไรบ้างถึงจะได้ลุค Glass Skin?

เพื่อให้ได้ผิว Glass Skin ควรเน้นสกินแคร์ที่เติมน้ำให้ผิว ล็อกความชุ่มชื้น และช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น เซรั่มไฮยาลูรอนิก มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA ใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนและเปล่งประกาย ซึ่งอาจใช้เวลาค่อนข้างนาน และขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคนด้วย

ทำหัตถการ Glass Skin เจ็บไหม?

ความรู้สึกขึ้นอยู่กับชนิดของหัตถการ แต่ส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยหรือจี๊ดๆ แพทย์มักใช้ยาชาหรือเทคนิคลดอาการเจ็บ ทำให้สามารถทำหัตถการได้อย่างสบายและปลอดภัย

คนผิวมันสามารถมีผิวแบบ Glass Skin ได้ไหม?

 ได้ แม้ผิวมันจะดูเงาจากน้ำมันส่วนเกิน แต่การปรับสมดุลความชุ่มชื้นและบำรุงผิวด้วยสกินแคร์และหัตถการเฉพาะทาง จะช่วยให้ผิวฉ่ำแบบ Glass Skin โดยไม่มันเยิ้มหรือเหนียว

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ