สิวหัวดำคืออะไร? เกิดจากอะไร? ต่างจากสิวเสี้ยนอย่างไรบ้าง?
สิวหัวดำ เป็นหนึ่งในปัญหาสิวที่พบได้บ่อยและสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ที่ต้องประสบพบเจอเป็นอย่างมาก แม้ว่าสิวหัวดำจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนสิวอักเสบ แต่ก็ทำให้ใบหน้าดูไม่เกลี้ยงเกลา ไม่เรียบเนียน ส่งผลต่อความมั่นใจ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แต่งหน้าไม่ติด
Better Me Clinic By Dr. Chanya จึงจะขออาสาพาทุกท่านไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิวหัวดำว่าคืออะไร? มีลักษณะอย่างไร? เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง? พร้อมทั้งรวบรวมวิธีรักษาและป้องกันสิวหัวดำ เพื่อให้ทุกท่านสามารถกำจัดปัญหาสิวหัวดำและเผยผิวที่กระจ่างใสได้อีกครั้ง
สิวหัวดำคืออะไร มีลักษณะอย่างไร?
สิวหัวดำ (Blackheads) เป็นประเภทของสิวอุดตันที่เกิดจากการอุดตันของความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกในรูขุมขน โดยไม่มีการติดเชื้อหรือแบคทีเรียเข้ามาเกี่ยวข้อง
สิวหัวดำจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ และมีหัวสิวสีดำอยู่ตรงกลาง เกิดจากการทำปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมันและเคราตินกับออกซิเจนในอากาศ ทำให้หัวสิวเปลี่ยนเป็นสีดำหรือสีเข้มในภายหลัง
ถึงแม้สิวหัวดำจะเป็นสิวประเภทที่ไม่มีความรุนแรงมากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปัญหาสิวที่ทำให้เกิดความกังวลใจมากมาย เนื่องจากสีดำจากหัวสิวที่เห็นได้ชัดจะทำให้ผิวหน้าดูไม่เกลี้ยงเกลา รวมถึงเป็นปัญหาที่กำจัดออกไปได้ยาก
สิวหัวดำเกิดจากอะไร?
- การผลัดเซลล์ผิวที่ไม่สมบูรณ์ ตามปกติแล้วเซลล์ผิวจะผลัดออกเป็นประจำทุก ๆ 28 วัน แต่ในบางกรณี เซลล์ผิวอาจผลัดออกได้ไม่หมดจด ทำให้เซลล์ผิวเก่าสะสมตัวบนผิวหนังและอุดตันรูขุมขนได้
- ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่คงที่ ฮอร์โมนบางชนิดโดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) สามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินบนผิวได้ ซึ่งน้ำมันส่วนเกินนี้จะไปอุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดสิวหัวดำ มักพบในช่วงวัยรุ่นหรือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ความเครียด สามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปเพิ่มการผลิตน้ำมันบนผิวและทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนตามมา
- การล้างหน้าไม่สะอาด การล้างหน้าไม่สะอาดหรือไม่ถูกวิธีจะทำให้สิ่งสกปรกและแบคทีเรียสะสมตัวบนผิวหนังได้ ซึ่งสิ่งสกปรกเหล่านี้จะเข้าไปอุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดสิวหัวดำ
- การโกนขนบนใบหน้า การโกนขนบนใบหน้าจะทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งการอักเสบนี้จะนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขนและการเกิดสิวหัวดำ
สิวหัวดำมักเกิดบริเวณใด?
สิวหัวดำมักเกิดขึ้นในบริเวณที่ต่อมไขมันทำงานมากและมีรูขุมขนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะบริเวณทีโซน รวมถึงบริเวณต่าง ๆ ดังนี้
- หน้าผาก หน้าผากเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก จึงมักเกิดสิวหัวดำได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม นอกจากนี้ยังเป็นบริเวณที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกและแบคทีเรียได้ง่าย เช่น ฝุ่นละออง, มลภาวะ และเครื่องสำอางตกค้าง
- จมูก เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นบริเวณที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกและแบคทีเรียได้ง่ายด้วย เช่น น้ำมูก, น้ำลาย และการใช้มือสัมผัส จึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสิวหัวดำ
- แก้ม เป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันน้อยกว่าหน้าผากและจมูก แต่ยังสามารถเกิดสิวหัวดำได้โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม นอกจากนี้ยังเป็นบริเวณที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกและแบคทีเรียได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางที่ตกค้างหรือการใช้มือสัมผัส
- หลัง เป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมากและมักเกิดสิวหัวดำได้บ่อย เนื่องจากบริเวณนี้จะมีเหงื่อและไคลเยอะโดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม นอกจากนี้การสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปหรือไม่ระบายอากาศก็มีส่วนทำให้เกิดสิวหัวดำได้ เพราะเสื้อผ้าที่รัดเกินไปจะไปกดทับต่อมไขมัน
- หน้าอก ผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสมที่ชอบสวมเสื้อชั้นในที่รัดเกินไปหรือเสื้อที่ระบายอากาศได้ไม่ดี ก็มีโอกาสทำให้เกิดสิวหัวดำได้เช่นกัน เนื่องจากเสื้อชั้นในที่รัดเกินไปจะไปกดทับต่อมไขมันจนเกิดการอุดตันตามมา
สิวหัวดำกับสิวเสี้ยนแตกต่างกันอย่างไร?
หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าสิวหัวดำและสิวเสี้ยนคือปัญหาสิวเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิวทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกันดังนี้
สิวหัวดำ
เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและน้ำมันส่วนเกิน เมื่อสิ่งสกปรกเหล่านี้สัมผัสกับอากาศจะกลายเป็นสีดำ มักเกิดในบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก เช่น หน้าผาก, จมูก, แก้ม, หลัง และหน้าอก มีลักษณะเป็นตุ่มนูนและหัวสิวสีดำ
สิวเสี้ยน
เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ความมัน และเส้นขนที่เกิดในรูขุมขนมากเกินไป สิวเสี้ยนจึงมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ และมีเส้นขนโผล่ออกมา
สิวหัวดำหายเองได้ไหม?
สิวหัวดำไม่สามารถหายเองได้ เพราะเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้วและความมันส่วนเกิน ซึ่งจะไม่สามารถหลุดออกมาได้เองตามธรรมชาติ จำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อขจัดสิ่งอุดตันเหล่านี้ออกไป หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินก็มีโอกาสทำให้เกิดหลุมสิวในอนาคตได้
สิวหัวดำบีบได้ไหม?
สิวหัวดำไม่ควรใช้มือบีบออก เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบและเป็นแผล ยิ่งการใช้มือที่ไม่สะอาดไปบีบจะยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อตามมา
สิวหัวดำทำไม่บีบไม่ออก
สาเหตุที่สิวหัวดำบีบไม่ออก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสิวหัวดำบางหัวอาจซ่อนตัวอยู่ลึกใต้ผิวหนังหรือมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นหรือบีบออกได้ด้วยตาเปล่า อีกสาเหตุคือ สิวหัวดำที่อยู่บนผิวหนังเป็นระยะเวลานาน ไขมันและเซลล์ผิวที่อุดตันรูขุมขนอาจแข็งตัว ทำให้บีบออกได้ยากขึ้น
วิธีรักษาสิวหัวดำ
สิวหัวดำเป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจที่หลายคนต้องพบเจอและต้องการกำจัดไปให้สิ้นซาก ซึ่งการรักษาสิวหัวดำในปัจจุบันก็มีด้วยกันหลายวิธี ดังนี้
1. ใช้ครีมรักษาสิว
ครีมรักษาสิวที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิก มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน อย่างไรก็ตามควรเลือกใช้ครีมรักษาสิวที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเองและควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
2. ใช้ยาละลายหัวสิว
ยาละลายหัวสิวที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิก จะช่วยละลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันส่วนเกินที่อุดตันรูขุมขน ทำให้สิวหัวดำหลุดออกได้ง่ายขึ้น ซึ่งกรดซาลิไซลิกเป็นกรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA) ที่ละลายในน้ำมัน จึงสามารถซึมลึกเข้าไปในรูขุมขนได้ดี ส่วนกรดไกลโคลิกเป็นกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) ที่ละลายในน้ำ จึงทำงานได้ดีบนชั้นผิวหนังด้านบน ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
ควรใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น สครับ หรือมาส์ก ที่มีส่วนผสมของเม็ดบีดหรือส่วนผสมที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เพื่อทำให้รูขุมขนสะอาดขึ้นและลดการอุดตัน
4. กดสิว
การกดสิวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาสิวหัวดำได้ แนะนำให้กดสิวกับแพทย์หรือผู้ชำนาญการ เนื่องจากเป็นผู้มีประสบการณ์ ใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานผ่านการฆ่าเชื้อ สามารถกดสิวหัวดำออกได้อย่างถูกวิธี และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดรอยสิวหรือสิวเห่อได้
5. เลเซอร์สิวหัวดำ
การเลเซอร์สิวหัวดำ เป็นการรักษาสิวหัวดำด้วยพลังงานแสงเลเซอร์ โดยเลเซอร์จะปล่อยลำแสงที่มุ่งเป้าไปที่สิวหัวดำโดยเฉพาะ ช่วยให้สิวหัวดำกดออกได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถกำจัดสิวหัวดำที่ฝังลึกในรูขุมขนได้อีกด้วย หลังเลเซอร์สิวหัวดำ รอยแดงจากสิวจะจางลงและสีผิวจะกระจ่างใสขึ้น โดยเลเซอร์ที่นิยมใช้ในการรักษาสิวหัวดำ ได้แก่ เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser), เลเซอร์วีบีม (V beam) และพิโคเลเซอร์ (Pico Laser)
6. มาเด้ คอลลาเจน
มาเด้ คอลลาเจน เป็นการบำรุงผิวหน้าที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติหลากหลายชนิด เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ, เอนไซม์ และคอลลาเจน มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม ลดการอักเสบของสิว ลดรอยแดง รอยดำ และทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น
7. รีจูรัน
รีจูรัน เป็นการฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวโดยตรง มีส่วนช่วยในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน อีลาสติน เส้นใยไฟโบรบลาสต์ และกรดไฮยาลูรอนิค ทำให้ผิวกระจ่างใส มีความยืดหยุ่น อิ่มฟู ริ้วรอยตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ และช่วยลดหน้ามันซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอุดตัน
8. Peeling
การทำ Peeling ที่ Better Me Clinic จะมีคอร์สผลัดเซลล์ผิวสูตรพิเศษชื่อว่า Magic Peeling ซึ่งเป็นการใช้กรดผลไม้สูตรพิเศษในการผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นกำพร้าที่ไม่แข็งแรงให้หลุดลอกออกไป ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงมาแทนที่ นอกจากนี้ยังมีสูตร Acne Peeling สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน หรือสิวผดก็สามารถดูแลปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีป้องกันการเกิดสิวหัวดำ
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ เป็นประจำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกิน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวหัวดำ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิวและเหมาะกับสภาพผิวของตนเอง
- ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิว สามารถผลัดเซลล์ผิวได้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิก สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อทำให้รูขุมขนไม่เกิดการอุดตัน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า การสัมผัสใบหน้าเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวหัวดำ เนื่องจากมือของเราอาจมีสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย เมื่อสัมผัสใบหน้า สิ่งสกปรกและแบคทีเรียเหล่านี้จะไปอุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดสิวหัวดำได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน (Oil-free) เพื่อลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวหัวดำ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์รุนแรง เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรงเกินไปจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมันส่วนเกินและทำให้เกิดสิวหัวดำตามมา
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ช่วยป้องกันการเกิดสิวหัวดำได้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก, ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ช่วยให้ผิวสุขภาพดีและลดการเกิดสิวหัวดำได้
- จัดการความเครียด เพราะความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการเกิดสิวรวมถึงสิวหัวดำได้ ควรจัดการความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย, การทำสมาธิ หรือการนอนหลับให้เพียงพอ
รักษาสิวหัวดำที่ไหนดี?
การรักษาสิวหัวดำด้วยวิธีทางการแพทย์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองและต้องการให้สิวหัวดำหายไปอย่างเห็นผล ดังนั้นการเลือกสถานที่รักษาสิวหัวดำจึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากความชำนาญ เครื่องมือ และเทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ย่อมมีผลต่อใบหน้าของผู้เข้ารับบริการโดยตรง
หากได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาหลุมสิวตามมาได้ เพราะฉะนั้นจึงควรเลือกรับบริการรักษาสิวหัวดำกับคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน ให้บริการโดยผู้มีประสบการณ์ ใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือคุณภาพสูง รวมถึงมีการให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
Better Me Clinic by Dr. Chanya เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวหัวดำอย่างปลอดภัยและเห็นผล เนื่องจากคุณหมอของเรามีความชำนาญ มีประสบการณ์ ให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ใส่ใจรายละเอียดแบบเคสต่อเคส รวมถึงยังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เครื่องมือครบครัน พร้อมนวัตกรรมที่ทันสมัย
หากสนใจ สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย รับรองว่าจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่และแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างแน่นอน
- Healthline, Treatment for Atrophic Scars (https://www.healthline.com/health/atrophic-scar), 29 July 2024.
- National Library of Medicine, Effective Treatments of Atrophic Acne Scars (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4445894/), 29 July 2024.
- Bioderma, หลุมสิว เกิดจากอะไร? มีวิธีรักษาหรือลดโอกาสการเกิดไหม? (https://www.bioderma.co.th/your-skin/combination-oily-acne-prone-skin/atrophic-scars), 29 กรกฎาคม 2567.
- Eucerin, หลุมสิวเกิดจากอะไร รักษาหลุมสิว วิธีไหนดี(https://www.eucerin.co.th/skin-concerns/acne-prone-skin/atrophic-scars), 29 กรกฎาคม 2567.