รวมวิธีแก้ปัญหารอบดวงตา ขจัดปัญหาอย่างอยู่หมัด
ริ้วรอยใต้ตาถือเป็นปัญหาสำคัญของใครหลายคน ปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาโทรม ร่องลึกใต้ดวงตา หรือแม้แต่รอยดำคล้ำใต้ดวงตา ถือเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ใบหน้าของคุณดูไม่สดใส เหนื่อยล้าและดูแก่กว่าวัยได้ เนื่องจากใต้ตาเป็นจุดที่สังเกตได้ง่ายอาจทำให้กระทบต่อความมั่นใจและภาพรวมใบหน้า
ก่อนสิ่งอื่นใดเราต้องรู้ก่อนว่าริ้วรอยใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องของอายุที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว ริ้วรอยใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้จากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต พฤติกรรมส่วนตัว เช่น การชอบขยี้ตาบ่อย ๆ การแสดงสีหน้าอย่างชัดเจน หรือแม้แต่ความเครียดสะสมก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้เช่นกัน
การดูแลแบบธรรมชาติอาจจะยังลดริ้วรอยใต้ตาได้ไม่ทันใจ หลายคนจึงมองตัวช่วยกอบกู้ใต้ตาให้กลับมาสดใสที่ได้ผลลัพธ์รวดเร็วและปลอดภัย โดยบทความนี้ Better Me Clinic ได้นำเคล็ดลับการดูแลใต้ตามาให้ทุกคนรู้จักแบบเจาะลึกตั้งแต่เริ่มต้นการเกิดริ้วรอยใต้ตา การดูแลใต้ตาในชีวิตประจำวันรวมถึงทางลัดในการฟื้นฟูใต้ตาให้ให้กลับมาเรียบเนียนและมีชีวิตชีวา เพื่อให้คุณกลับมามีใบหน้าที่สดใสและมั่นใจมากขึ้น!
ไขข้อสงสัย ริ้วรอยใต้ตาคืออะไร?
ริ้วรอยใต้ตา คือ การเกิดรอยยับเป็นริ้ว หรือเส้นบริเวณใต้ตา สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเมื่อเรามีอายุเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การเกิดริ้วรอยใต้ตาเกี่ยวข้องกับกระบวนการเสื่อมสภาพของผิวหนังและโครงสร้างในผิว เนื่องจากเกิดการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สร้างเส้นใยในผิวหนังและช่วยให้ผิวยืดหยุ่น
เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้นการผลิตคอลลาเจนจะลดลงทำให้ผิวเริ่มแสดงริ้วรอยและสูญเสียความยืดหยุ่น ริ้วรอยใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป
ประเภทของริ้วรอยใต้ตาที่ควรรู้
- Static Line เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นเนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจนและการเสื่อมสภาพของผิวหนัง ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตาและหน้าผากจะเกิดขึ้นเมื่อมีผิวแห้งและคอลลาเจนลดลง
- Dynamic Line เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้เมื่อมีการเคลื่อนไหวของผิวหน้า เช่น การยิ้ม การเลิกคิ้ว หรือการยกหน้าผาก ริ้วรอยแบบนี้มักเป็นผลจากการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ ในบริเวณเดิม
- Wrinkle Fold เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการหย่อนคล้อยของผิวหนังและการลดลงของชั้นไขมันใต้ผิวส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นบริเวณร่องแก้มหรือบริเวณที่ผิวหน้าหย่อนคล้อยลง
การแบ่งประเภทริ้วรอยตามลักษณะและสาเหตุของการเกิดริ้วรอยเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เข้าใจและรู้ลักษณะของริ้วรอยใต้ตาได้อย่างถูกต้องเพื่อดูแลและฟื้นฟูได้อย่างตรงจุด
7 สาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยใต้ตา
1. อายุที่เพิ่มขึ้น
กระบวนการเสื่อมสภาพของผิวสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนที่มีส่วนสำคัญทำให้ผิวของเรากระชับ รวมทั้งอีลาสตินที่มีส่วนทำให้ผิวของเรายืดหยุ่นและป้องกันริ้วรอย ให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้
2. พันธุกรรม
ผิวและความยืดหยุ่นของผิวส่วนใหญ่มาจากพันธุกรรม หากคุณมีพ่อแม่หรือบุคคลในครอบครัวที่มีริ้วรอยใต้ตา ก็อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นริ้วรอยใต้ตาได้ง่ายมากขึ้นด้วยเช่นกัน
3. พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
ชีวิตประจำวันสามารถส่งผลกระทบยาวนานต่อริ้วรอยใต้ตาและใบหน้าได้ ยกตัวอย่างเช่น การ นอนน้อยพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการขยี้ตาแรง ๆ การทำพฤติกรรมเหล่านี้ซ้ำ ๆ สามารถเกิดเป็นริ้วรอยถาวรก่อนถึงวัยรวมถึงภาวะเครียดสะสมก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
4. การสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่สามารถเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตาได้ เนื่องจากในบุหรี่มีสารนิโคตินซึ่งมีปฏิกิริยาในการไปควบคุมให้หลอดเลือดแคบลง นำไปสู่การจำกัดการเข้าถึงออกซิเจน คอลลาเจน อีลาสติน วิตามินเอ และโปรตีนและสารอาหารอื่นๆ ที่ควรมาไปถึงผิวหนัง
5. ผิวแห้งขาดความชุ่มชื่น
การให้ความชุ่มชื้นแก่บริเวณใต้ตาถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะช่วยลดริ้วรอยใต้ตา ร่องลึก และอาการบวมได้ ผิวบริเวณนี้บางและเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำเมื่อเกิดผิวแห้งขาดน้ำทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นเป็นสาเหตุของริ้วรอยใต้ตาเกิดขึ้นได้
6. แสงแดด
สาเหตุหลักที่รังสี UV ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาก็เพราะว่ารังสี UV ไปรบกวนการทำงานของเซลล์ในผิวหนังชั้นหนังแท้และหนังกำพร้า ทำให้ชั้นเซลล์ใต้ผิวหนังหนาตัวขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินที่ควรฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ตายหรือถูกทำลายก็ทำงานได้ยากขึ้น ส่งผลให้ผิว ยืดหยุ่นได้น้อยลง
7.การเคลื่อนไหวและการแสดงออกซ้ำๆ
การแสดงออกทางสีหน้าทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการขมวดคิ้วและการหรี่ตาสามารถกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้ โดยเฉพาะการมีพฤติกรรมเหล่านั้นในช่วงที่อายุน้อย เนื่องจากเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงมากนัก การที่ทำพฤติกรรมซ้ำๆ ก็จะยิ่งทำให้เกิดเป็นริ้วรอยตื้นๆ กลายเป็นริ้วร่องลึก ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ชัดถึงแม้จะไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวใบหน้าก็ตาม
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใต้ตา
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่มีปัญหาริ้วรอยหรือมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้ง่าย เราสามารถป้องกันตัวเองได้ตั้งแต่ภายในจนถึงการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันเพียงทำตามง่าย ๆ ด้วยวิธีการเหล่านี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้ผิวแห้งและริ้วรอยใต้ตาเกิดขึ้น ดังนั้นเราควรนอนพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืนเพราะการนอนหลับพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายมีเวลาฟื้นตัว รวมทั้งฟื้นฟูเซลล์ผิวบริเวณใบหน้าด้วยเช่นกัน
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดโดยเฉพาะเวลา 10.00-16.00 น. ซึ่งเวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่ปริมาณรังสี UV สูงอาจส่งผลอันตรายต่อผิว เมื่อมีความจำเป็นต้องออกแดดควรสวมแว่นกันแดด กางร่ม หรือสวมหมวกกันแดดจะช่วยป้องกันดวงตาของคุณจากรังสียูวีโดยตรงได้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอและออกกำลังกายสม่ำเสมอ การดื่มน้ำเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดทำให้ผิวดูสดใสขึ้นช่วยลดริ้วรอยใต้ตาและส่งผลต่อสุขภาพผิวโดยรวม
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่มีสารนิโคตินซึ่งมีผลต่อการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูแก่กว่าวัยและมีริ้วรอยใต้ตาเพิ่มขึ้น รวมทั้งการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะส่งผลทำให้ผิวหน้าแห้ง จนเกิดริ้วรอยใต้ตาได้ง่ายกว่าปกติ
- ใช้ครีมบำรุงที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ก่อนบำรุงด้วยสกินแคร์เราควรทราบถึงสภาพผิวหน้าของเราก่อน เช่น ผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม เพื่อเลือกครีมบำรุงที่เหมาะสม ในส่วนของครีมบำรุงใต้ตา ควรมองหาผลิตภันฑ์ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน ฮิยาลูโรนิคแอซิด วิตามินซี เนื่องจากสารเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว รวมทั้งช่วยลดริ้วรอยใต้ตาได้
- หลีกเลี่ยงภาวะเครียด เพราะนอกจากความเครียดจะส่งผลที่ไม่ดีต่อสุขภาพจิตแล้วยังส่งผลต่อสุขภาพผิวหน้าและทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาด้วย
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตา เช่น การเช็ดเครื่องสำอางอย่างเบามือ ไม่ขยี้ตาแรง ๆ หรือพักสายตาจากหน้าจอระหว่างทำงานเพียงให้ดวงตาผ่อนคลาย
ทั้งนี้การป้องกันจากภายในควรเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีคุณสมบัติช่วยชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอย
วิธีการลดริ้วรอยใต้ตาด้วยตัวเอง
การลดริ้วรอยใต้ตาสามารถทำได้ด้วยการดูแลผิวเป็นประจำที่บ้าน เคล็ดลับเล็ก ๆ ที่ Better Me Clinic นำมาฝากสามารถทำตามได้ ไม่ยุ่งยาก ลดริ้วรอยใต้ตาและริ้วรอยรอบดวงตาได้ผลจริงเพียงดูแลอย่างต่อเนื่องสามารถเริ่มต้นดูแลด้วยวิธีง่าย ๆ ได้ดังนี้
1. ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาเป็นประจำ
เลือกครีมบำรุงที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและบำรุงผิวรอบดวงตา เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ วิตามินซี หรือสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมับติช่วยลดริ้วรอยใต้ตา ควรใช้อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำเช้าเย็นในปริมาณที่บางเบาไม่หนาจนเกินไป
2. นวดหน้า
ลองนวดหน้าเบา ๆ การนวดหน้าเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้าและยังสามารถช่วยลดอาการบวมได้อีกด้วย
โดยนวดเบา ๆ และใช้ปลายนิ้วนวดใต้เบ้าตา ควรระวังการใช้กำลังกดหรือนวดที่แรงเกินไป ในส่วนของวิธีการกดจุดเพื่อลดริ้วรอยใต้ตา ทำได้โดยใช้นิ้วชี้กดลงบนจุดกึ่งกลางของขอบกระดูกเบ้าตาค้างทิ้งไว้ประมาณ 3 วินาที จำนวน 10 ครั้ง ควรทำเป็นประจำทุกเช้าเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและผลิตคอลลาเจน
3. มาส์กตาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น
มาส์กตาด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับดวงตาหรือด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติสามารถช่วยลดอาการบวม รอยคล้ำและริ้วรอยรอบดวงตาได้ โดยการมาส์กใต้ตาด้วยวัตถุดิบตามธรรมชาติที่สามารถทำได้ง่ายคือการใช้แตงกวา
สามาทำได้โดยการล้างแตงกวาด้วยน้ำสะอาด จากนั้นหั่นเป็น 2 ชิ้น นำมาวางทาบไว้ในบริเวณริ้วรอยใต้ตาโดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับดวงตาโดยตรง มาส์กทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที
แตงกวาขึ้นชื่อในด้านคุณสมบัติในการระบายความร้อนและผ่อนคลาย ช่วยลดอาการบวมและฟื้นฟูดวงตาที่เหนื่อยล้าได้
4. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
ไม่ว่าจะเป็นวันที่มีแดดแรงหรือไม่ก็ตามเราควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อปกป้องผิวหน้าจากรังสี UV เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) สูง และประกอบด้วยสารที่ป้องกันรังสี UVA และ UVB การทาครีมกันเป็นประจำจะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้าน ซึ่งเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดริ้วรอยได้
วิธีลดริ้วรอยรอบดวงตาฉบับเร่งด่วน
การลดริ้วรอยรอบดวงตานั้นต้องอาศัยระยะเวลาและการดูแลอย่างสม่ำเสมอ แต่หลายคนอาจลองมาแล้วหลากหลายวิธีแต่ร่องลึกก็เพิ่มขึ้นทุกวันจึงมองหาตัวช่วยฉบับเร่งด่วนที่จะกอบกู้ใต้ตาและใบหน้าที่สดใสกลับคืนมาในเวลาจำกัด โดยเรามี 4 ตัวช่วยที่สามารถลดริ้วรอยใต้ตาได้แบบเร่งด่วนมาฝากกัน!
1. การฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum Toxin)
Botox เป็นชื่อที่ถูกนำมาเรียกแทนสารโบทูลินั่มท็อกซินเอ ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะ ออกฤทธิ์จับการปลายประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกฉีดอยู่ในสภาพคลายตัวนั่นเอง
การฉีดโบท็อกซ์จึงสามารถเข้าไปรักษาและลดริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นจากการยิ้มหรือเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า รวมถึงบริเวณรอบดวงตาได้
หลังทำจะเห็นผลได้ชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์ สามารถฉีดได้ทุก 4-6 เดือน โดยสารโบทูลินั่มท็อกซินเอแต่ละยี่ห้อมีลักษณะการกระจายตัวที่ต่างกัน ทำให้เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่ต่างกัน ก่อนฉีดจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินถึงผลิตภัณฑ์และจำนวนยูนิตที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากที่สุด
2. การฉีดสารเติมเต็ม (Filler)
การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตาลึกและต้องการเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที เพราะเป็นการฉีดสารไฮยารูลอนิก (Hyaluronic Acid) เข้าไปเพิ่มปริมาณและเติมเต็มร่องริ้วรอยรอบดวงตาให้ตื้นขึ้น
นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์บริเวณรอบดวงตาจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและเนื้อเยื่อชนิดอื่นที่มีส่วนในการยืดผิวทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ริ้วรอยดูลดลง ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี
3. การใช้กลุ่มคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency)
การใช้กลุ่มคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า RF เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีกระชับผิว โดยการกระตุ้นให้ใบหน้าเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้น ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและลดการเหี่ยวย่น เห็นผลได้ดีกับริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก
4. การใช้เลเซอร์ (Laser)
หลักการทำงานของเลเซอร์นั้นไม่แตกต่างจากการทำงานของการใช้กลุ่มคลื่นวิทยุมากนัก โดยเน้นไปที่การกระตุ้นให้ใบหน้าสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่
โดยเลเซอร์ที่นิยมในลดริ้วรอยในปัจจุบัน ได้แก่ Fractional Laser, CO2 Laser, Erbium Laser, YSGG laser ฯลฯ หลังทำอาจมีอาการบวมแดง 15-20 นาที ซึ่งการทำเลเซอร์จะเห็นผลอย่างชัดเจน 2-3 เดือนหลังทำ ควรรักษาตั้งแต่ 4-6 ครั้งขึ้นไป
แต่ข้อควรระวังสำหรับการลดริ้วรอยด้วยวิธีนี้คือ อาจเกิดผลข้างเคียงเช่น การเกิดรอยคล้ำ รอยด่างขาว หรือผิวหนังติดเชื้อได้ ดังนั้นควรเลือกรับบริการกับคลินิกที่ได้รับการรับรอง ใช้เครื่องที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งแพทย์ผู้ให้บริการมีความชำนาญในด้านนี้ เป็นต้น
ทำไมต้องเลือกลดริ้วรอยใต้ตาที่ Better Me Clinic
อยากลดริ้วรอยใต้ตาแต่ไม่รู้จะเลือกทำที่ไหนดี? อันดับแรกควรเลือกรักษาริ้วรอยใต้ตากับทำแพทย์ที่มีความชำนาญ และสถานบริการที่ได้รับมาตรฐาน เนื่องจากการลดริ้วรอยใต้ตาเป็นหัตถการทางการแพทย์ควรตรวจและประเมินปัญหาริ้วรอยใต้ตาโดยแพทย์เท่านั้น
Better Me Clinic by Dr. Chanya ให้การดูแลและปรึกษาโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมแนะนำหัตถการการลดริ้วรอยใต้ตาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้ประเมินริ้วรอยใต้ตา ร่องลึก ความคล้ำของใต้ตาเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม ทำให้มีอาการบวมน้อย ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น
รอบดวงตามีเส้นหลายประเภทแม้ว่าบางส่วนอาจเกิดจากพันธุกรรม แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นผลมาจากนิสัยส่วนตัวหรือกิจวัตรประจำวันของการดูแลผิว การลดริ้วรอยใต้ตาแบบเร่งด่วนเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ เราควรดูแลสุขภาพผิวหน้าตั้งแต่ต้นเหตุหมั่นทาครีมบำรุงรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา กู้คืนใบหน้าสดใสให้กลับมาดูอ่อนกว่าวัย
สอบถามเพิ่มเติมโทร 020598118,0886032641 หรือ
ที่มาของข้อมูล
- ผศ.นพ.วาสนภ วชิรมน หน่วยผิวหนังและเลเซอร์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, “รอบตาคล้ำ” ปัญหากวนใจของใครหลายคน, (https://www.rama.mahidol.ac.th/atrama/issue024/beauty-full), 31 Aug 2023.
- aristocratps, What Causes Sudden Under Eye Wrinkles, and How to Get Rid of Them, (https://www.aristocratps.com/under-eye-wrinkles-causes-and-treatment/), 31 Aug 2023.
- VOGUE BEAUTY, 5 ทริคแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตาที่ทำแล้วเห็นผลจริง วิธีนี้ทำเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องเข้าคลินิก, (https://vogue.co.th/beauty/skin-care-under-eye-wrinkles), 31 Aug 2023.
- Donath Facial Plastic Surgery, What is the Best Treatment for Under Eye Wrinkles?, (https://www.cincyfacialplastics.com/blog/best-treatment-eye-wrinkles), 31 Aug 2023.
- medthai, 10 วิธีลดริ้วรอยใต้ตา ! ปัญหารอยย่นใต้ตาแก้ไขยังไง ??, (https://medthai.com/ริ้วรอยใต้ตา/), 31 Aug 2023.
- komchadluek.net, ฟิลเลอร์ใต้ตา บอกลา ตาแพนด้า แบบเร่งด่วน เห็นผลชัดเจนหลังทำ, (https://www.komchadluek.net/kom-lifestyle/503800), 31 Aug 2023.