รอยดำจากสิว ปัญหาชวนปวดหัวหลังเป็นสิว!
เชื่อว่าหลายคนที่เคยเป็นสิวคงปวดหัวกับปัญหา “รอยดำจากสิว” กันมาไม่น้อย เพราะรอยดำจากสิวเป็นปัญหาที่ต้องใช้ระยะเวลาและความอดทนเป็นอย่างมากในการรักษา ยิ่งบางคนที่ทำการรักษาแล้วแต่รอยดำไม่จางลงสักทีก็อาจเริ่มรู้สึกท้อใจขึ้นมา
แต่ทุกคนอย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะรอยดำจากสิวรักษาได้! Better Me Clinic จะพาทุกคนมาเจาะลึกถึงต้นตอปัญหารอยดำจากสิวกันว่าเกิดจากอะไร? มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง? รับรองได้เลยว่าถ้านำคำแนะนำจากบทความนี้ไปใช้ คุณจะกลับมามีผิวที่เรียบเนียนกระจ่างใสขึ้นแน่นอน!
รอยดำจากสิวเกิดจากอะไร?
รอยดำจากสิว หรือที่เรียกว่า Post-Inflammatory Hyperpigmentation (PIH) คือ การเปลี่ยนแปลงของสีผิวที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหายไป ไม่ใช่รอยแผลเป็นอย่างที่หลายคนเข้าใจ โดยรอยดำจากสิวมักจะมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล สีเทา ไปจนถึงสีดำ
กระบวนการเกิดรอยดำจากสิว เกิดจากการที่ร่างกายพยายามซ่อมแซมผิวหลังจากเกิดการอักเสบจากสิว เมื่อมีสิวอักเสบ ร่างกายจะผลิตเม็ดสีเมลานินออกมาเพื่อซ่อมแซมผิว ทำให้บริเวณนั้นมีสีเข้มขึ้นจนกลายเป็นรอยดำขึ้นมา ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดรอยดำจากสิว มีดังนี้
- การอักเสบจากสิว สิวที่มีการอักเสบหรือการบีบสิวที่ไม่ถูกต้องสามารถทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บและอักเสบได้ นอกจากนี้ถ้าหากยิ่งมีสิวขนาดใหญ่หรืออักเสบรุนแรง โอกาสที่จะเกิดรอยดำก็ยิ่งมากขึ้น
- การบีบหรือแกะสิว การกระตุ้นให้เกิดการอักเสบมากขึ้นจากการบีบ แกะ หรือกดสิวจะเพิ่มโอกาสที่ผิวหนังจะสร้างเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ ทำให้เกิดรอยดำจากสิวขึ้นมา
- การสัมผัสแสงแดด รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ UV จากแสงแดดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวสร้างเมลานินเพิ่มขึ้น การโดนแสงแดดจะทำให้รอยดำที่เกิดจากสิวเข้มขึ้นและทำให้รอยดำจางลงยากกว่าเดิม
- สภาพผิวที่มีแนวโน้มผลิตเมลานินมากกว่าปกติ บางคนที่มีผิวเข้มอยู่แล้วหรือผิวมีแนวโน้มที่จะเกิดการสะสมของเมลานินได้ง่าย จะมีโอกาสเกิดรอยดำจากสิวได้ง่ายและชัดเจนขึ้นเช่นกัน
รอยดำจากสิวและรอยแดงจากสิว แตกต่างกันอย่างไร?
รอยดำจากสิวและรอยแดงจากสิว เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยหลังจากสิวหาย โดยทั้งสองปัญหานี้เกิดจากการอักเสบของผิวเหมือนกัน แต่มีลักษณะภายนอกและสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนี้
สาเหตุการเกิดรอยสิว
- รอยดำจากสิว เกิดจากการที่เซลล์เมลาโนไซต์ที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้าถูกกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการอักเสบและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ เมื่อเม็ดสีถูกผลิตออกมามาก ๆ ก็จะสะสมอยู่ในบริเวณที่ผิวเคยอักเสบและทำให้เกิดรอยดำขึ้น
- รอยแดงจากสิว เกิดขึ้นจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันพยายามลำเลียงเลือดไปฟื้นฟูและรักษาอาการอักเสบบริเวณสิว การส่งเลือดไปยังบริเวณนั้นเป็นจำนวนมากเลยทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัวและคงอยู่ในสภาพที่กว้างกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นรอยแดงที่มาจากการคั่งของเลือด และถึงแม้ว่าสิวจะหายไปแล้ว หลอดเลือดก็จะยังคงขยายตัวและทำให้ผิวบริเวณนั้นมีสีแดงหรือชมพูอยู่
ลักษณะของรอยสิว
- รอยดำจากสิว มีลักษณะเป็นจุดคล้ำ ส่วนมากมักจะพบเป็นสีน้ำตาล เทา หรือดำ ขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละบุคคล โดยรอยดำจากสิวมักเกิดหลังจากสิวหายแล้วในบริเวณที่มีสิวอักเสบรุนแรง เช่น สิวซีสต์ หรือสิวหัวหนอง ซึ่งรอยดำจะค่อย ๆ จางลงตามธรรมชาติ เมื่อเม็ดสีเมลานินที่สะสมในผิวถูกผลัดออกผ่านกระบวนการผลัดเซลล์ผิว
- รอยแดงจากสิว มีลักษณะเป็นจุดสีชมพู สีม่วง ไปจนถึงสีแดง มักเกิดขึ้นในขณะที่เป็นสิวหรือหลังจากรักษาสิวหายแล้ว เนื่องจากรอยแดงเป็นผลพวงจากการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้รอยแดงอาจยังคงอยู่ถึงแม้สิวจะหายไปแล้ว โดยรอยสิวลักษณะนี้จะพบได้บ่อยในผู้ที่มีผิวขาว ผิวบาง เนื่องจากหลอดเลือดฝอยที่อยู่ใกล้ผิวจะมองเห็นได้ชัดเจนกว่าคนที่มีผิวเข้ม
ระยะเวลาการฟื้นฟู
- รอยดำจากสิว อาจใช้เวลาหลายเดือนถึงหลายปีในการฟื้นฟู ขึ้นอยู่กับระดับความเข้มของรอยดำและการดูแลผิว
- รอยแดงจากสิว มักหายเองได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบและการดูแลผิว
วิธีรักษารอยดำจากสิว
การรักษารอยดำจากสิว เป็นกระบวนการที่เน้นลดการสะสมของเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนังและการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้รอยดำจางลงเร็วขึ้น โดยปัจจุบันมีวิธีรักษารอยดำจากสิวที่หลากหลาย สามารถเลือกใช้ได้ตามสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล สำหรับวิธีรักษารอยดำจากสิวที่ Better Me Clinic แนะนำมีดังนี้
1. รักษารอยดำจากสิวด้วยตัวเอง
การรักษารอยดำจากสิวด้วยตัวเอง สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ ที่สำคัญคือควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใส และทำให้รอยดำจากสิวดูจางลงด้วย โดยส่วนผสมที่ช่วยลดรอยดำจากสิวได้ มีดังนี้
- วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้รอยดำจากสิวฟื้นฟูได้ดีขึ้นและรอยดำดูจางลง
- กรดโคจิก (Kojic Acid) เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติ มีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสรวมถึงช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงสามารถรักษาสิวไปพร้อม ๆ กับการรักษารอยดำจากสิวได้ โดยกรดโคจิกเหมาะกับผิวทุกประเภท แต่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีในผู้ที่มีผิวมัน
- อาร์บูติน (Arbutin) มีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสและมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้เซลล์ผิวที่เสียหายหรือมีเม็ดสีเมลานินสะสมหลุดออกมา นอกจากนี้ อาร์บูตินยังมีความอ่อนโยนมาก จึงเหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย
- ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรือวิตามินบี 3 เป็นสารที่สามารถฟื้นฟูและบำรุงผิวได้อย่างครอบคลุม เนื่องจากมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และกักเก็บความชุ่มชื้น หลังใช้ไนอะซินาไมด์ นอกจากจะช่วยให้รอยดำจากสิวลดลงแล้ว ยังช่วยลดรอยแดงจากสิวและการอักเสบของสิวได้อีกด้วย
- เรตินอยด์ (Retinoid) เป็นอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอที่นอกจากจะมีคุณสมบัติสำคัญในการลดการอุดตันของรูขุมขนแล้ว ยังยับยั้งกระบวนการอักเสบและการผลิตเม็ดสีได้อีกด้วย
- กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว หลังใช้กรดอะซีลาอิกรอยดำจากสิวที่อยู่บนผิวชั้นบนจะค่อย ๆ หลุดลอกออกและรอยดำจากสิวดูจางลง
2. การรักษารอยดำจากสิวอย่างเร่งด่วน
โดยทั่วไปแล้ว รอยดำจากสิวสามารถหายเองได้แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานหลายเดือนหรือหลายปี การพบแพทย์เพื่อรักษารอยดำจากสิวจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังการรักษาอย่างรวดเร็ว โดยการรักษารอยดำจากสิวอย่างเร่งด่วนที่ Better Me Clinic แนะนำมี ดังนี้
- ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี เป็นกระบวนการใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหนังชั้นนอกและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส เรียบเนียน และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้ ที่ Better Me Clinic มีบริการผลัดเซลล์ผิวด้วยสูตร Scar Peeling ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแดงและรอยดำจากสิว โดยสูตรนี้จะช่วยให้รอยเหล่านี้จางไวขึ้น รวมถึงยังช่วยลดรอยแตกลายบริเวณต่าง ๆ ตามร่างกาย และลดรอยแผลเป็นได้อีกด้วย
- ฉีดเมโสหน้าใส (Mesotherapy) คือ การใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารอาหาร วิตามิน และสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง โดยสารที่ฉีดเข้าไปมักประกอบไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งตัวยาเหล่านี้จะช่วยฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึก รวมถึงกระตุ้นให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วผลัดตัวออก ที่ Better Me Clinic มีบริการฉีดเมโส Meso Aura เป็นสูตรที่ใช้สารสกัดจากพืช โดยเมโสสูตรนี้จะช่วยทำให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใส ลดจุดด่างดำจากสิว อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งหรือมันมากเกินไปให้กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกด้วย
- เลเซอร์หน้าใส เป็นการยิงพลังงานเลเซอร์ลงไปบนผิวเพื่อเข้าไปจับกับเม็ดสีเมลานิน ทำให้เม็ดสีแตกตัวและถูกกำจัดออกไปตามกระบวนการกำจัดของเสียของร่างกาย การทำเลเซอร์หน้าใสจะช่วยย่นระยะเวลาในการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้นอกจากรอยดำจากสิวจะลดลงแล้ว ผิวหน้ายังดูกระจ่างใส และดูอิ่มฟูมากขึ้นด้วย
- Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีรักษาผิวที่จะใช้เข็มขนาดเล็กจำนวน 24 เข็ม เจาะลงสู่ชั้นผิวแล้วปล่อยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ลงไปซ่อมแซมผิว ทำให้ผิวเกิดการหดตัวและกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนจัดเรียงตัวใหม่ ลดปัญหารูขุมขนกว้าง ยกกระชับใบหน้า และมีส่วนช่วยในการลดรอยดำจากสิวได้
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำจากสิว
วิธีป้องกันการเกิดรอยดำจากสิวที่ดีที่สุดคือการดูแลผิวให้แข็งแรง เนื่องจากผิวที่แข็งแรงจะยากต่อการเกิดสิวและรอยสิวได้ โดยวิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำจากสิว มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการบีบ แคะ แกะ หรือกดสิว เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการอักเสบและกระตุ้นการผลิตเมลานินมากขึ้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการบีบ แคะ แกะ หรือกดสิวด้วยตัวเอง หากต้องการที่จะกดสิวควรรับบริการกับแพทย์หรือผู้ชำนาญการเท่านั้น
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ การทาครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากแสงแดดจะกระตุ้นให้รอยดำจากสิวเข้มขึ้น ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB รวมถึงควรทากันแดดซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- รักษาสิวอย่างถูกวิธี การรักษาสิวตั้งแต่เริ่มเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันรอยดำจากสิว โดยในช่วงแรกที่มีสิวอักเสบอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือเรตินอยด์ (Retinoids) เพื่อลดการอักเสบ แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
- รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง นอกจากการดูแลผิวจากภายนอกแล้ว การดูแลผิวจากภายในด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงอย่างผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีและวิตามินอีสูง เช่น ส้ม, มะเขือเทศ, องุ่น และผักใบเขียว ก็สามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกาย รวมถึงช่วยป้องกันการเกิดรอยดำจากสิวได้
รักษารอยดำจากสิวที่ไหนดี?
รอยดำจากสิวเป็นปัญหาที่จางลงและหายไปได้ยากหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ดังนั้นการเข้ารับบริการทางการแพทย์จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้รอยดำจากสิวลดลงอย่างเห็นผล
หากคุณกำลังมองหาสถานที่ในการรักษารอยดำจากสิว ให้ Better Me Clinic by Dr. Chanya เป็นหนึ่งในทางเลือก เนื่องจากเรามีบริการแก้ไขปัญหาผิวให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการผลัดเซลล์ผิว การฉีดเมโสหน้าใส หรือการเลเซอร์รักษารอยดำจากสิว ทุกบริการดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น
หากยังไม่มั่นใจว่าควรรักษารอยดำจากสิวด้วยวิธีใด สามารถติดต่อเข้ามาที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya เพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพผิวและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมแบบเคสบายเคสได้เลย สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย รับรองว่าคุณจะมีผิวสวยๆ กลับบ้านไปอย่างแน่นอน!
- National Library of Medicine, Postinflammatory Hyperpigmentation (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK559150/), 19 September 2024.
- WebMD, What is Post Inflammatory Hyperpigmentation? (https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/what-is-post-inflammatory-hyperpigmentation), 19 September 2024.
- Bioderma, 4 วิธีการเลือกครีมลดรอยสิว ทั้งรอยดำ รอยแดงจากสิว(https://www.bioderma.co.th/your-skin/combination-oily-acne-prone-skin/scar-cream), 19 กันยายน 2567.