รู้จักกับเลเซอร์หน้าใส ตัวช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำอย่างเห็นผล
ในแต่ละวันที่เราต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แสงแดด ฝุ่นควัน หรือละอองน้ำ หากไม่ดูแลผิวหน้าของตัวเองให้ดี ก็อาจทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวไม่สดใส ทำให้ใบหน้าดูโทรม และแก่กว่าวัยได้
สำหรับใครที่มีปัญหาผิวเหล่านี้อยู่ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะในบทความนี้ Better Me Clinic by Dr. Chanya จะพาไปทำความรู้จักกับการทำเลเซอร์หน้าใสชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น CO2 Laser, YAG Laser, Q-Switched, Dual Yellow Laser ไปจนกระทั่ง Picosecond Laser ทางเลือกที่จะเข้ามาช่วยฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสอย่างรวดเร็ว จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย!
เลเซอร์หน้าใสคืออะไร?
เลเซอร์หน้าใส คือ การยิงพลังงานเลเซอร์ลงไปบนผิวเพื่อเข้าไปจับกับเม็ดสี หรือเม็ดเมลานิน (Melanin) ที่เป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำ ทำให้เม็ดสีแตกตัวออก และถูกเม็ดเลือดขาวในร่างกายจับและกำจัดออกไปตามกระบวนการกำจัดของเสียของร่างกาย
การทำเลเซอร์หน้าใสนั้น จะช่วยย่นระยะเวลาการผลัดเซลล์เม็ดสีเมลานิน และทำให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน พร้อมกับกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว จึงสามารถช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
สาเหตุของผิวหน้าหมองคล้ำมีอะไรบ้าง?
การดูแลผิวหน้าให้กระจ่างใสจะไม่เห็นผลเลย ถ้าหากคุณไม่รู้จักสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวไม่สดใส ผิวโทรม เพื่อให้คุณสามารถดูแลผิวได้อย่างถูกวิธี สามารถหลีกเลี่ยง หรือรับมือกับตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ Better Me Clinic by Dr. Chanya ได้รวบรวมสาเหตุผิวหน้าหมองคล้ำที่พบบ่อยมาให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น
1. รังสียูวีจากแสงแดด
รังสียูวีจากแสงแดด นับเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ รวมถึงทำให้ผิวแห้งกร้านและกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรด้วย เพราะนอกจากแสงแดดจะทำให้ผิวไหม้แล้ว ยังทำให้คอลลาเจนใต้ผิวเสียหาย จนเสียความเต่งตึงไป ดังนั้นหากจำเป็นที่จะต้องออกไปปะทะกับแสงแดด ก็อย่าลืมที่จะทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ ร่วมการสมหมวกปีกกว้างสมอ เพื่อป้องกันรังสียูวีที่อาจมาทำร้ายผิวได้
2. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
การที่เรานอนดึก หรือนอนไม่เป็นเวลา จะทำให้โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ที่ทำหน้าที่สร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ผิวไม่ได้รับการซ่อมแซมตามที่ควรจะเป็น จนเกิดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวไม่สดใส ใต้ตาคล้ำ และดูแก่กว่าวัยตามมา
3. ความเครียด
การที่เรามีความเครียดสะสม จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมามากกว่าปกติ ผิวที่เคยสุขภาพดีอาจอ่อนแอลงและไวต่อแสงแดดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผิวคล้ำเสียจากแสงแดดได้ง่ายกว่าปกติ อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีมากผิดปกติจนทำให้เกิดฝ้าได้ด้วย
4. ดื่มน้ำน้อย
เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย ถ้าหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน นอกจากจะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผิวแห้งกร้าน ผิวขาดน้ำ ผิวเหี่ยวย่น ผิวไม่สดใส รวมไปถึงผิวหมองคล้ำด้วย
การทำเลเซอร์หน้าใสสามารถแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง?
การทำเลเซอร์หน้าใส ไม่เพียงแค่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย เช่น
- กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสอย่างรวดเร็ว
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าดูตื้นขึ้น และกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
- รักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยลดรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิว
ชนิดของเลเซอร์ที่ใช้ในการแก้ปัญหาผิวมีอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร?
ในปัจจุบันมีเลเซอร์หน้าใสให้เลือกทำหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็จะเหมาะกับการแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดย Better Me Clinic by Dr. Chanya ได้รวมชนิดของเลเซอร์หน้าใสที่ได้รับความนิยมมาให้แล้ว แต่ละตัวจะมีความน่าสนใจอย่างไร ไปดูกันเลย!
1. CO2 Laser
CO2 Laser คือ เลเซอร์ที่ใช้สำหรับรักษาไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ และติ่งเนื้อโดยเฉพาะ โดยจะใช้แสงเลเซอร์ชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 10,600 นาโนเมตร ยิงเข้าไปที่บริเวณเนื้อเยื่อที่ต้องการกำจัดออก
CO2 Laser จะมีคุณสมบัติในการตัดและทำลายเนื้อเยื่อโดยที่ไม่ทำให้เลือดออก หากไฝ และกระมีขนาดเล็ก จะสามารถกำจัดออกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่ถ้าหากไฝมีขนาดใหญ่ก็อาจจำเป็นที่จะต้องทำซ้ำเพื่อกำจัดรากไฝออกให้หมด
2. E-Matrix Laser
E-Matrix Laser คือ เลเซอร์ที่นิยมนำมาใช้รักษาปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง แผลเป็นหลุม หรือรอยแผลเป็นโดยเฉพาะ
E-Matrix Laser จะรักษาด้วยการปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงลงไปชั้นผิวหนังแท้ แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ทำให้ชั้นผิวหนังแท้มีการหดตัว เกิดการจัดเรียงใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวใหม่ โดยหลังจากที่ทำอย่างต่อเนื่องจะทำให้ผิวหนังอิ่มฟู กระชับ ผิวเรียบเนียน หลุมสิวดูตื้นขึ้น และรูขุมขนดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
3. Q-Switched Laser
Q-Switched Laser คือ เลเซอร์ในกลุ่มรักษาเม็ดสีที่มีความผิดปกติต่างๆ โดยสามารถยิงพลังงานเลเซอร์ไปที่เม็ดสีเมลานิน เพื่อทำให้เม็ดสีเกิดการแตกตัวออก แล้วให้เม็ดเลือดขาวมาดูดซึมและย่อยสลายเม็ดสีที่ผิดปกติออกไปทางระบบขับของเสีย หรือทำให้รอยดำหลุดลอกเป็นสะเก็ด ซึ่งจะช่วยให้รอยดำค่อยๆ จางลง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และกระจ่างใสขึ้นได้
นอกจากนี้ Q-Switched Laser ยังสามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนแลดูกระชับขึ้น และลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้าได้อีกด้วย
4. Dual Yellow Laser
Dual Yellow Laser คือ เลเซอร์ที่ใช้รักษาปัญหาผิวหน้าได้อยากหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ฝ้า กระ รอยสิว หรือจุดด่างดำ โดยจะทำงานร่วมกันระหว่างเลเซอร์ 2 ชนิด ได้แก่
- เลเซอร์แสงสีเหลือง : มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 578 นาโนเมตร สามารถช่วยรักษารอยโรคต่าง ๆ ที่มีสีแดงได้ดี ไม่ว่าจะเป็น รอยแผลเป็นสีแดง ปานแดง เส้นเลือดผิดปกติ รอยแดงจากสิว รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวด้วย
เลเซอร์แสงสีเขียว : มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 511 นาโนเมตร สามารถช่วยรักษารอยโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีได้ดี เช่น รอยดำที่เกิดจากสิว รอยแผลเป็นสีดำ หรือขี้แมลงวัน เป็นต้น
5. Picosecond Laser
Picosecond Laser คือ นวัตกรรมรักษากระ จุดด่างดำ ลบรอยสักที่มีประสิทธิภาพมาก สามารถส่งพลังงานเลเซอร์ที่ความเร็วสูงสุดในระดับ 1 ต่อ ล้านล้านวินาที ทำให้เม็ดสีแตกตัวได้อย่างละเอียด จึงสามารถรักษาปัญหาจุดด่างดำต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ Picosecond Laser ยังสามารถยิงพลังงานลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกระชับเรียบเนียน และทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ด้วย
ประโยชน์ของการทำเลเซอร์หน้าใสมีอะไรบ้าง?
การทำเลเซอร์หน้าใสนั้น จะสามารถส่งพลังงานเข้าไปรักษาบริเวณที่มีปัญหาได้โดยตรง จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลไวกว่าการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ โดยประโยชน์ของการทำเลเซอร์หน้าใส มีดังนี้
- ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และลดการอักเสบที่เกิดจากสิว
- ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ทำให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใสมากขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับขึ้น และริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าดูกระจางลง
- เลเซอร์หน้าใสบางชนิดสามารถใช้กำจัดไฝ กระ ติ่งเนื้อ และจุดด่างดำบนใบหน้าได้
- เลเซอร์หน้าใสบางชนิดสามารถใช้ลบรอยสักได้
- เลเซอร์หน้าใสบางชนิดสามารถกระตุ้นให้ชั้นผิวหนังแท้เกิดการจัดเรียงตัวใหม่ ทำให้ผิวกระชับขึ้น และลดการหย่อนคล้อยบนใบหน้าได้
ใครที่เหมาะกับการทำเลเซอร์หน้าใส?
การทำเลเซอร์หน้าใสเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หลังทำแล้วไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน และไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด จึงสามารถใช้รักษาปัญหาผิวหน้าให้กับทุกคนได้ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส มีรอยดำจากสิว หรือมีฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ แล้วรู้สึกไม่มั่นใจในตนเอง กำลังมองหาวิธีรักษาที่เห็นผลอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และราคาไม่แพงอยู่ การทำเลเซอร์หน้าใสเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ใครที่ไม่เหมาะกับการทำเลเซอร์หน้าใส?
แม้ว่าเลเซอร์หน้าใสจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถทำได้กับทุกคน จะมีคนบางกลุ่มที่แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หน้าใสไปก่อน เพราะอาจเสี่ยงทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ ดังนี้
- ผู้ที่กำลังมีสิวอักเสบอยู่ เนื่องจากการทำเลเซอร์หน้าใสอาจกระตุ้นให้สิวอักเสบรุนแรงขึ้นได้
- ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ เนื่องจากพลังงานจากเลเซอร์หน้าใสอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
- ผู้ที่ผิวบริเวณทำเลเซอร์มีแผลสด หรือเพิ่งรับการผ่าตัดมา แล้วแผลผ่าตัดยังไม่สมานตัวดี
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคผิวหนังติดเชื้อ โรคด่างขาว หรือโรคสะเก็ดเงิน
ผลข้างเคียงจากการทำเลเซอร์หน้าใส?
การทำเลเซอร์หน้าใสอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงดังนี้
- หลังจากทำเลเซอร์หน้าใส อาจมีอาการบวมแดงหลังทำ 1-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์
- ผิวหน้าจะบอบบางและมีความไวต่อแดดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จึงต้องบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ และทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำมากขึ้นกว่าเดิมได้
- อาจทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บขณะทำ สำหรับใครที่กังวลว่าจะเจ็บ ก็สามารถให้เจ้าหน้าที่ทายาชาเฉพาะที่เพื่อบรรเทาอาการเจ็บได้
- อาจทำให้ผิวหน้าเแห้งและลอกในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังทำ
- อาจเกิดสะเก็ดหลังทำเลเซอร์หน้าใสบางชนิด ซึ่งจะหลุดลอกเองภายใน 1 สัปดาห์
เลเซอร์หน้าใสต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
การทำเลเซอร์หน้าใสส่วนใหญ่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ต้องการให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นและเรียบเนียนขึ้นอย่างชัดเจน จะต้องเข้ารับการทำเลเซอร์หน้าใสอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 3-5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์ ก็จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
ทำเลเซอร์หน้าใสผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม?
ผลลัพธ์ของการเลเซอร์จะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคล หากหลังจากที่ทำเลเซอร์หน้าใสไปแล้ว ผู้เข้ารับบริการดูแลตนเองอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมบำรุงผิว ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน หลีกเลี่ยงปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาผิว ร่วมกับการเข้ารับการเลเซอร์หน้าใสเป็นประจำ ก็จะทำให้ผลลัพธ์หลังการทำเลเซอร์อยู่ได้ยาวนาน
อย่างไรก็ตามหากหลังการทำเลเซอร์ ไม่มีการดูแลผิวที่ถูกต้อง เช่น ไม่ทาครีมกันแดด ไม่ทาครีมบำรุงผิว นอนดึก ดื่มน้ำน้อย ตากแดดเป็นประจำ ก็จะทำให้ผิวกลับมาหมองคล้ำได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
ทำเลเซอร์หน้าใสทำให้ผิวหน้าบางไหม?
หากเข้ารับการทำเลเซอร์หน้าใสในระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ และทำกับแพทย์ผู้ชำนาญการ จะไม่ทำให้ผิวหน้างบางลงแต่อย่างใด อีกทั้งการทำเลเซอร์หน้าใสจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่นและแข็งแรงมากขึ้นด้วย
เลเซอร์หน้าใสที่ไหนดี?
จะเห็นได้ว่า เลเซอร์หน้าใสมีให้เลือกทำหลายชนิด แต่ละชนิดก็จะมีจุดเด่นในการรักษาปัญหาผิวที่แตกต่างกัน สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้าอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือต้องการลบรอยสัก แล้วไม่รู้ว่าจะไปทำเลเซอร์หน้าใสที่ไหนดี ให้ Better Me Clinic by Dr. Chanya เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ คลินิกของเราให้บริการเลเซอร์หน้าใส พร้อมทรีตเมนต์บำรุงผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เมโสหน้าใส ดริปวิตามินผิว มาเด้คอลลาเจน รับรองว่าจะช่วยแก้ปัญหาผิวให้คุณได้อย่างแน่นอน หากสนใจ สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับรองว่าจะช่วยเผยผิวใสให้กับคุณอย่างแน่นอน!
ที่มาของข้อมูล
- The Youth Fountain, Which Laser Treatment Is Best for Face Skin Lightening? (https://theyouthfountain.com/blog/which-laser-treatment-is-best-for-face-skin-lightening), 19 July 2023.
- โรงพยาบาลยันฮี, จี้ไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ติ่งเนื้อ ด้วยเลเซอร์ CO2 (https://th.yanhee.net/หัตถการ/จี้ไฝติ่งเนื้อด้วยเลเซอร์/), 19 กรกฎาคม 2566.
- โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, เผยผิวสวย ไร้ริ้วรอยด้วย Picosecond Laser (https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/picosecond-laser), 19 กรกฎาคม 2566.