Chemical Peeling ผลัดเซลล์ผิวให้หน้าขาวใส ลดจุดด่างดำด้วยสารเคมี
Chemical Peeling หรือ Phenol Peel คือ การผลัดเซลล์ผิวและลอกหน้า เพื่อลดปัญหาเรื่องสิว ฝ้า ต่างๆ บนใบหน้า และยังช่วยในเรื่องของความขาวกระจ่างใสด้วย การทำ Chemical Peeling จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวให้มีความสวยงาม ซึ่งบทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Chemical Peeling ตามนี้เลย
ทำความรู้จัก Lipo Lifting คืออะไร
Chemical Peeling หรือ Phenol Peel คือ การทำหัตถการโดยการใช้สารเคมีที่เป็นกรดผลไม้ในการลอกผิวหน้าหรือผลัดเซลล์ผิวให้หลุดลอกออกไป ซึ่งเซลล์ผิวจะแบ่งตัวและเคลื่อนตัวออกไปชั้นนอกสุด ทดแทนชั้นผิวที่หลุดลอกออกไป ส่งผลให้ผิวมีความขาวกระจ่างขึ้น ลดปัญหาสิว ฝ้า กระ ผิวมีความนุ่มชุ่มชื้นขึ้น สำหรับสารเคมีที่ใช้ในการทำนั้น จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและสภาพผิว ได้แก่ ระดับอ่อนที่สุด คือ AHA ระดับปานกลาง คือ TCA และระดับปานกลางถึงรุนแรง คือ Phenol โดยผลลัพธ์ของผิวที่ดีนั้นจะคงอยู่ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาผิวหลังทำด้วย
Chemical Peeling มีกี่ประเภท
Chemical Peeling แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ระดับ Very Superficial Peeling ระดับ Superficial Peeling ระดับ Medium Peeling และ ระดับ Deep Peeling ตามระดับความลึกของชั้นผิวหนัง และปริมาณการใช้สารเคมีในการผลัดเซลล์ผิว ดังนี้
1. Very Superficial Peeling
Chemical Peeling ประเภท Very Superficial Peeling เป็นการผลัดผิวในระดับที่บางที่สุด ซึ่งจะลอกผิวเฉพาะเซลล์ผิวชั้นนอกของชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น ส่วนใหญ่จะใช้ Glycolic acid (AHA) 30-50 % หรือ TCA 10 % สำหรับทาบนผิวประมาณ 1-2 นาที จะช่วยทำให้หน้าขาวใส ลดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน ลดความมันบนใบหน้า
2. Superficial Peeling
Superficial Peeling เป็น Chemical Peeling ในระดับที่ลงลึกกว่าในวิธีแรก โดยจะผลัดผิวบริเวณชั้นหนังกำพร้าบางส่วนหรือทั้งหมด ไปจนถึงบริเวณรอยหยัก ส่วนใหญ่จะใช้ Glycolic acid (AHA) 30-50 % หรือ TCA 10-30 % สำหรับทาบนผิวประมาณ 2-20 นาที
3. Medium Peeling
Medium Peeling เป็นการลอกผิวในชั้นที่ลึกขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้ Glycolic acid (AHA) 70 % หรือ TCA 30-50 % สำหรับทาบนผิวประมาณ 3-30 นาที โดยจะลงลึกในบริเวณชั้นหนังกำพร้าบางส่วนหรือทั้งหมด จะช่วยในเรื่องของการปรับสีผิว ทำให้ขี้แมลงวัน ริ้วรอยลดลง
4. Deep Peeling
Deep Peeling เป็น Chemical Peeling ในระดับที่ลึกที่สุด จะเป็นการลอกเซลล์ในชั้นหนังกำพร้าทั้งหมดไปจนถึงรอยหยักให้หลุดลอกออก โดยใช้ Glycolic acid (AHA) 100 % หรือ TCA 70 % ทาบนผิวประมาณ 1-3 นาที ช่วยรักษาปัญหาที่เกี่ยวกับริ้วรอย ร่องผิว และรักษาผิวจากการได้รับรังสี UV มากเกินไป
Chemical Peeling ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
Chemical Peeling เป็นการผลัดเซลล์ผิวหนังที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายอย่าง และยังสามารถทำได้ทุกส่วนของร่างกายทั้งใบหน้า ลำคอ แขน ขา และส่วนอื่นๆ ซึ่งเป็นการช่วยแก้ปัญหาในแต่ละจุดที่แตกต่างกันได้ ปัญหาผิวที่ Chemical Peeling ช่วยแก้ไข มีดังนี้
- แก้ปัญหาสิวทุกประเภท กรดผลไม้จะช่วยทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกไป ลดการอุดตันของรูขุมขนและความมัน จึงช่วยลดการเกิดสิวทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตัน และยังช่วยกระตุ้นหลุมสิวที่ตื้นให้มีความเรียบเนียนอีกด้วย
- ช่วยลดริ้วรอย ทั้งที่เกิดจากการทำลายของแสงแดดและผิวที่ขาดการดูแล โดยการกระตุ้นคอลลาเจนในผิว
- ยับยั้งการสร้างเม็ดสี ทั้งฝ้าหรือกระ มีส่วนช่วยมาจากกรดบางตัว
- ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน นอกจากนี้ยังทำให้ผิวดูสดใสขึ้น
ปัจจัยที่ทำให้การทำ Chemical Peeling ได้ผลต่างกัน
แน่นอนว่าการทำ Chemical Peeling นั้น ย่อมได้ผลลัพธ์ที่ดีในผิวหน้าและผิวกาย ทั้งนี้การทำ Chemical Peeling ของแต่ละคนจะได้ต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
- เทคนิคที่ใช้ในการทำ Chemical Peeling
- ความเข้มข้นของสารเคมีที่ใช้
- ค่า PH ของสารเคมีที่ใช้
- ชนิดของสารเคมีที่ใช้
- ความมากน้อยของปัญหาผิว
- ระดับความลึกของชั้นผิวหนังที่จะทำ Chemical Peeling
- จำนวนครั้งและระยะเวลาของการทาสารเคมี
- ความสะอาดของผิวหน้า
ขั้นตอนในการทำ Chemical Peeling
ก่อนการทำ Chemical Peeling จะต้องมีการเตรียมผิวก่อน เพื่อให้ผิวมีความพร้อมและช่วยให้ Chemical Peeling ได้ผลดียิ่งขึ้น โดยการเตรียมผิวไม่ให้โดนแสงแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำ และทำความสะอาดผิวให้สะอาด ขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินบนผิวให้ได้มากที่สุดก่อนเข้าทำ Chemical Peeling
สำหรับขั้นตอนการทำ Chemical Peeling มีดังนี้
- ทำความสะอาดผิวให้สะอาด
- ทาสารเคมีลงบนบริเวณใบหน้าหรือบริเวณผิวที่ต้องการทำ Chemical Peeling โดยสารเคมีที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความลึกของชั้นผิวหนัง และระยะเวลาการทาตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
การปฏิบัติตนหลังทำ Chemical Peeling
หลังจากทำ Chemical Peeling แล้ว ควรดูแลตนเองหลังจากทำตามคำแนะนำของคลินิกอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ดังนี้
- สามารถล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าได้ แต่ต้องเป็นโฟมล้างหน้าชนิดอ่อน หลังล้างหน้าให้ซับหน้าเบาๆ ด้วยผ้านุ่ม
- ควรทาครีมบริเวณที่ทำ Chemical Peeling เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว ตามคำแนะนำแพทย์ แต่หากเกิดอาการอักเสบขึ้นควรพบแพทย์
- ช่วงสัปดาห์แรกหลังทำ Chemical Peeling ต้องงดใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ AHA และกรดวิตามิน เนื่องจากเป็นช่วงที่ผิวยังมีความบอบบางมาก
- ปล่อยให้ผิวหลุดลอกออกเอง ไม่แกะลอกผิวหนังก่อน
- หลังจากทำ Chemical Peeling ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด หากต้องออกแดดควรมีอุปกรณ์ป้องกัน และทาครีมกันแดด
- สามารถกลับมาใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ AHA และกรดวิตามิน ได้ตามปกติ เมื่อผิวหลุดลอกแล้ว
Chemical Peeling เหมาะกับใครบ้าง
การทำ Chemical Peeling เหมาะกับใครบ้างมาดูกัน
- ผู้ที่อยากมีผิวขาวเรียบเนียน
- ผู้ที่มีปัญหาผิว เช่น สิว ฝ้า กระ
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย
Chemical Peeling ไม่เหมาะกับใครบ้าง
การทำ Chemical Peeling อาจจะไม่เหมาะกับคนทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนดังนี้
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ หรือโรคเกี่ยวกับผิวเปลี่ยนสี)
- ผู้ที่เคยเป็นโรคผิวหนัง อย่างโรคเริม
- ผู้ที่เพิ่งทำการผ่าตัดหรือศัลยกรรมบนใบหน้า
ทำ Chemical Peeling กับ Better Me Clinic ดีกว่าอย่างไร
- คุณหมอมีประสบการณ์ด้านความงามมายาวนาน 8 ปี
- คุณหมอเป็นอาจารย์สอนหลักสูตรการอบรมด้านเวชศาสตร์ความงามจากองค์กร ABAM จากอเมริกา คนเดียวในไทย
- เทคนิคใหม่แบบ Better Me คลินิกเน้นการออกแบบที่สวยงาม เหมาะกับใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคเฉพาะจากประเทศเกาหลี
- เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย คุณหมอทุกท่านให้ความสำคัญกับคนไข้ทุกเคส
- คลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน พร้อมนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- Better Me Club มีการบริการด้วยหัวใจหลังศัลยกรรม หรือทำหัตถการ ด้วยบริการให้คำแนะนำโดยแอดมินสายตรง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ
- เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพิ่มความมั่นใจและสวยที่สุดในราคาที่จับต้องได้
รีวิวการทำ Chemical Peeling
สรุป
Chemical Peeling หรือ phenol peel คือ การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิวโดยการใช้สารเคมีในการทำ ซึ่งระดับการทำ Chemical Peeling จะมีระดับความลึกของชั้นผิวแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น ระดับ Very Superficial Peeling ในระดับชั้นที่บางที่สุด ระดับ Superficial Peeling และ Medium Peeling ในระดับชั้นหนังกำพร้าบางส่วน และระดับ Deep Peeling ในชั้นหนังกำพร้าทั้งหมดที่ลึกที่สุด ทั้งนี้ในแต่ละระดับจะใช้ปริมาณและความเข้มข้นของสารเคมีที่ต่างกันไป การทำ Chemical Peeling จะช่วยแก้ปัญหาผิวหลายอย่าง เช่น สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย และช่วยให้ผิวขาวเนียนกระจ่างใสขึ้นนั่นเอง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Chemical Peeling (FAQ)
หลายคนยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ Chemical Peeling ว่าจะมีผลข้างเคียง หรือควรทำบ่อยแค่ไหน ในบทความนี้จึงรวบรวมคำถามที่พบบ่อย เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ตัดสินใจทำ Chemical Peeling ให้มีความกระจ่างมากขึ้น ดังนี้