fbpx

🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

ฟิลเลอร์ (Fillers) ตัวช่วยปรับรูปหน้าและแก้ปัญหาริ้วรอยได้ตรงจุด

ฟิลเลอร์ (Fillers) ตัวช่วยปรับรูปหน้าและแก้ปัญหาริ้วรอยได้ตรงจุด
ฟิลเลอร์ (Fillers) ตัวช่วยปรับรูปหน้าและแก้ปัญหาริ้วรอยได้ตรงจุด

ปัจจุบันฟิลเลอร์ถือเป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะช่วยแก้ปัญหาบนใบหน้าได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของริ้วรอย ร่องลึก การปรับและเสริมรูปหน้าให้มีมิติ โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ที่สำคัญคือเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตามฟิลเลอร์มีอยู่หลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในก่อนรับบริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สำหรับผู้ที่สนใจและกำลังศึกษาข้อมูลก่อนฉีดฟิลเลอร์ Better Me Clinic by Dr. Chanya จะพาไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ว่าคืออะไร? ช่วยแก้ปัญหาส่วนไหนได้บ้าง? รวมไปถึงเรื่องที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์มาให้แบบครบจบในบทความนี้เลย!

ฟิลเลอร์คืออะไร?

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ อย่างไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเต่งตึง แลดูกระชับ และลดเลือนริ้วรอยร่องลึกได้

นอกจากนี้แล้วฟิลเลอร์ยังเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ โดยฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อ.ย. ประเทศไทย จะสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้างเอาไว้เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ

ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท?

ฟิลเลอร์จะแบ่งตามความสามารถในการสลายตัว มีอยู่ 3 ประเภท ดังนี้

1. ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Dermal Fillers)

เป็นฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละยี่ห้อ ปริมาณที่ฉีด และบริเวณที่ฉีด สามารถสลายตัวเองได้ 

ที่สำคัญคือหากไม่พอใจในผลลัพธ์หรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้น สามารถแก้ไขด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิดอยู่ในประเภทนี้เช่นกัน

2. ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Dermal Fillers)

ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรเนื้อจะมีความหนืดมากกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ทำให้ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานกว่า ประมาณ 2-5 ปี 

ข้อควรระวังคือตัวฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่สามารถสลายไปเองได้ทั้งหมด ส่วนที่ตกค้างอยู่ภายใต้ผิวอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ อย่างไรก็ตามฟิลเลอร์ประเภทนี้ยังไม่ผ่านอย.ในประเทศไทย

3. ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Dermal Fillers)

ฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่สามารถถูกดูดซึมหรือสลายไปเองได้ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะตกค้างอยู่ใต้ผิว เช่น พาราฟิน ซิลิโคนเหลว ไม่สามารถฉีดสลายได้เหมือนกับฟิลเลอร์แบบชั่วคราว

ในระยะยาวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อย่างฟิลเลอร์ไหล หรือเกิดพังผืดขึ้น วิธีการรักษาทำได้เพียงขูดออกหรือผ่าตัดออกเท่านั้น  สำหรับในประเทศไทย ฟิลเลอร์ชนิดนี้ยังไม่ผ่านอย.เช่นกัน

ฟิลเลอร์ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

ฟิลเลอร์สามารถฉีดที่บริเวณใบหน้าได้หลายตำแหน่ง เช่น

  • ใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาหรือใต้ตาดำ ตาลึก ตาโหล รวมถึงริ้วรอยใต้ตา 
  • ขมับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องขมับตอบ ขมับยุบ เมื่อฉีดแล้วจะช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูสมดุลได้สัดส่วน และยังช่วยในเรื่องของริ้วรอยบริเวณหางตาด้วย
  • หน้าผาก การฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย และยังช่วยแก้ไขปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากแบน
  • แก้มและส่วนกลางของใบหน้า ช่วยในเรื่องของร่องแก้มลึกจากอายุที่มากขึ้น ร่องน้ำหมาก หรือคนที่แก้มตอบก็สามารถฉีดแก้มส้มเพื่อช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
  • ริมฝีปาก ช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากบาง ทำให้ริมฝีปากอวบอิ่ม แก้ริ้วรอยที่ริมฝีปาก มุมปากตก ปรับรูปริมฝีปาก ทำปากกระจับ
  • คาง การฉีดฟิลเลอร์ช่วยแก้คางสั้น คางไม่เท่ากัน หรือคางบุ๋ม
ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

ฟิลเลอร์ที่ผ่านอย.ในไทยมีอะไรบ้าง?

ปัจจุบันฟิลเลอร์ประเภทไฮยารูลอนิก (Hyaluronic Acid : HA) ที่ผ่านอย.ในไทยมีทั้งหมด 7 ยี่ห้อ จากหลากหลายประเทศ แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นและบริเวณที่เหมาะในการใช้แตกต่างกันออกไป ดังนี้

ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน  ถือเป็นฟิลเลอร์ไฮยารูลอนิกยี่ห้อแรกของโลกที่ผลิตขึ้นโดยไม่ใช้สารสกัดจากสัตว์ มีหลากหลายรุ่น สามารถเลือกให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะฉีดได้ เช่น

  • Restylane รุ่น Kysse : เป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อฉีดบริเวณริมฝีปาก ตัวฟิลเลอร์มีส่วนผสมของยาชา ทำให้ขณะฉีดไม่รู้สึกเจ็บมากนัก เนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความยืดหยุ่น เมื่อฉีดแล้วจะดูเป็นธรรมชาติ เด่นในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นและเติมเต็มริมฝีปาก
  • Restylane รุ่น Vital Light : สามารถฉีดได้ทั้งบริเวณใบหน้าและริมฝีปาก โดยฟิลเลอร์ตัวนี้มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลละเอียดมาก หากนำมาฉีดบริเวณริมฝีปากจะทำให้ดูชุ่มชื้น อิ่มเต็ม ไม่ดูแห้งเป็นขุย สามารถใช้เก็บรายละเอียดริ้วรอยตื้นๆ บนใบหน้า

ฟิลเลอร์ไฮยารูลอนิกจากประเทศสหรัฐอเมริกา จุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้คือสามารถอุ้มน้ำได้ดี ยืดหยุ่นสูง ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ทำให้มีความเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ รวมทั้งยังมีส่วนผสมของยาชา จึงช่วยลดการเจ็บปวดในขณะที่ฉีดได้ดี เหมาะกับการฉีดในบริเวณแก้ม คาง ปาก เพราะทนต่อการขยับของหน้า 

  • Juvederm รุ่น Ultra Plus XC : ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและฟู เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่มีการขยับเยอะ เช่น คาง หรือใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า อย่างร่องแก้มและร่องน้ำหมาก หากต้องการริมฝีปากแบบอวบอิ่มก็สามารถฉีดฟิลเลอร์รุ่นนี้ได้เช่นกัน
  • Juvederm รุ่น Volift : เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความละเอียดกว่ารุ่น Ultra Plus XC ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับคนที่มีผิวบาง นิยมฉีดบริเวณใต้ตา ร่องมุมปาก ร่องแก้ม หรือริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก เพราะเก็บรายละเอียดได้ดี ไม่เป็นก้อน

3. YVOIRE

ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี จุดเด่นของฟิลเลอร์ YVOIRE คือใช้ HICE Technology (High Concentration Equalized Cross-Link) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและดูเป็นธรรมชาติ ความสามารถในการยึดเกาะ คงทน ไม่สลายตัวง่าย 

  • YVOIRE รุ่น Volume Plus : รุ่นนี้มีจุดเด่น คือ ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยโดยเฉพาะ เหมาะกับการฉีดเติมเต็มในบริเวณส่วนกลางของใบหน้า ขมับ หน้าผาก หรือฉีดบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รวมทั้งใช้ฉีดเพื่อปรับรูปริมฝีปากได้ 
  • YVOIRE รุ่น Contour : เป็นฟิลเลอร์ที่ผสมโมเลกุลขนาดใหญ่และเล็กเข้าด้วยกัน ทำให้มีความคงตัวสูง ยึดเกาะได้ดี เมื่อฉีดแล้วไม่ไหลไปบริเวณอื่น จึงเหมาะกับการฉีดยกกระชับบริเวณกรอบหน้า หรือฉีดเสริมบริเวณร่องแก้ม โหนกแก้ม หรือคาง

4. Neuramis

ฟิลเลอร์อีกตัวจากประเทศเกาหลี มีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถในการคงตัวของสาร ทำให้เหมาะกับการเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้า ที่สำคัญคือมีราคาย่อมเยากว่าฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดนและอเมริกา

  • Neuramis รุ่น Deep : เป็นฟิลเลอร์เกาหลีรุ่นแรกที่นำมาใช้ในประเทศไทย เนื้อเจลหนืดปานกลาง ขึ้นรูปได้ง่าย เหมาะสำหรับการเติมริ้วรอยระดับปานกลาง เช่น บริเวณร่องใต้ตา หน้าผาก หรือใช้เติมเต็มผิวให้ดูอิ่มฟู ปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ เช่น คาง แก้มหรือขมับ รวมถึงริมฝีปาก   
  • Neuramis รุ่น Volume Lidocaine : เนื้อเจลมีความหนืดมาก สามารถคงตัวได้ดีและอยู่ได้นานสูงสุดถึง 2 ปี ตัวนี้จะมีส่วนผสมของยาชา นิยมฉีดเพื่อยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า เช่น บริเวณหน้าผาก คาง กรอบหน้า และริมฝีปาก รวมถึงใช้แก้ไขปัญหาริ้วรอยในระดับปานกลางถึงมากได้เช่นกัน

5. e.p.t.q.

ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี จุดเด่นของฟิลเลอร์ e.p.t.q. คือทุกรุ่นมีการผสมยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดขณะฉีด และมีไฮยารูลอนิกถึง 24 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร

  • e.p.t.q. รุ่น S100 : ฟิลเลอร์รุ่นนี้จะมีความนิ่ม ละเอียด และมีเนื้อเบาบางมากที่สุด เหมาะกับการฉีดบริเวณใต้ตา ริ้วรอยบริเวณขมับและหน้าผาก รวมถึงริมฝีปาก เพราะมีความเป็นธรรมชาติสูง
  • e.p.t.q. รุ่น S500 : ฟิลเลอร์เนื้อแข็งและหนาแน่นที่สุดของยี่ห้อนี้ เหมาะกับการฉีดในผิวหนังชั้นลึก เนื่องจากมีความสามารถในการยกผิวให้ดูอิ่มฟู มีมิติมากขึ้น นิยมฉีดในบริเวณกรอบหน้า กราม คาง หรือปัญหาริ้วรอยลึกอย่างร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก

ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง และมีหลายรุ่นที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน สามารถเลือกฉีดให้เหมาะสมตามปัญหาหรือความกังวลใจของคนไข้ 

  • Belotero รุ่น Revive : เป็นฟิลเลอร์รุ่นใหม่ของ Belotero ที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยเฉพาะ เพราะมีส่วนผสมของ Glycerol ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง เหมาะกับการฉีดบำรุงและฟื้นฟูผิวจากมลภาวะและแสงแดด
  • Belotero รุ่น Soft : ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะกับการเก็บรายละเอียดบนใบหน้า ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น นิยมใช้แก้ไขปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ หลุมสิวที่ไม่มีพังผืด และฉีดบริเวณใต้ตา เพราะมีความเป็นธรรมชาติ

7. Perfectha

ฟิลเลอร์จากประเทศฝรั่งเศส ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้มีการใช้ E-Brid Technology ซึ่งทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการแก้ไขปัญหาริ้วรอยและปรับรูปทรงใบหน้า

  • Perfectha รุ่น Subskin : ฟิลเลอร์รุ่นนี้จะแน่น ไม่ฟู มีความคงตัวสูง เหมาะกับการปรับรูปหน้าให้ดูสวยเป็นธรรมชาติ นิยมใช้ฉีดที่คาง กรอบหน้า เติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า
  • Perfectha รุ่น Derm : เนื้อฟิลเลอร์นิ่มปานกลาง เหมาะกับการฉีดที่ผิวหนังชั้นกลางและริ้วรอยลึก เช่น ริ้วรอยร่องแก้ม หว่างคิ้ว สามารถฉีดเพื่อยกมุมปากและปรับรูปทรงริมฝีปากได้

ฟิลเลอร์แต่ละจุดต้องใช้กี่ซีซี?

โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ที่ปริมาณ 1-3 ซีซี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล รวมไปถึงยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ เนื่องจากแต่ละรุ่นก็จะมีคุณสมบัติเด่นที่ต่างกันออกไป ดังนั้นจึงควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำหัตถการทุกครั้ง เพื่อให้การฉีดปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุด

หลังฉีดฟิลเลอร์นานแค่ไหนถึงเห็นผล?

หากฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่เหมาะสม ฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ในประมาณ 7-14 วัน

ฟิลเลอร์อยู่ได้นานเท่าไหร่?

ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับลักษณะเนื้อของฟิลเลอร์ โดยเฉลี่ยฟิลเลอร์เนื้ออ่อนจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ส่วนฟิลเลอร์เนื้อแข็งจะอยู่ได้นานกว่า เฉลี่ย 9-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ปริมาณและยี่ห้อของฟิลเลอร์ รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย

ฟิลเลอร์แท้ดูยังไง?

ก่อนเข้ารับหัตถการ คนไข้ควรตรวจดูให้มั่นใจทุกครั้งว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นฟิลเลอร์แท้ โดยจุดสังเกตมีดังนี้

  • เลือกยี่ห้อที่ผ่านการรับรองของอย.ไทย 
  • ฟิลเลอร์แท้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อที่ผ่านอย.ไทยจะต้องมีฉลากภาษาไทยข้างกล่อง โดยจะมีรายละเอียดของฟิลเลอร์ บริษัทที่นำเข้า วันหมดอายุ และราคาระบุไว้ชัดเจน 
  • มีเลขล็อตสินค้าที่กล่องและที่หลอดจะต้องตรงกัน บางรุ่นหรือบางยี่ห้อสามารถสแกน QR Code เพื่อตรวจเช็กได้
  • กล่องต้องไม่ถูกแกะใช้ก่อนถูกนำมาฉีดให้คนไข้ เพราะอาจเป็นการนำฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานมาสวมรอยได้ 
  • ราคาไม่ควรถูกเกินไป หากราคาถูกจนผิดปกติอาจมีส่วนผสมอื่นหรือเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน

ฟิลเลอร์ปลอดภัยไหม?

ฟิลเลอร์ประเภทกรดไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นสารที่ผลิตเลียนแบบสารในร่างกาย ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ต่ำ อาจมีรอยฟกช้ำหรือรอยแดงหลังการฉีด แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์

อย่างไรก็ตามการฉีดฟิลเลอร์นั้นควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะต้องใช้ความแม่นยำในการฉีดสูง หากทำโดยแพทย์ที่ขาดความชำนาญหรือในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น

  • เกิดการติดเชื้อหลังฉีด อาจมีอาการปวด บวม แดง หรือเกิดหนองในบริเวณที่ฉีด
  • ฟิลเลอร์เป็นก้อน เกิดจากเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง 
  • หากฉีดฟิลเลอร์พลาดเข้าสู่หลอดเลือดแดง อาจทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตันขึ้น และทำให้เกิดภาวะเนื้อตายได้

หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถประเมินและรักษาด้วยการฉีดยาสลายฟิลเลอร์แท้ได้ ในกรณีที่เป็นฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถฉีดสลายทิ้งได้เหมือนฟิลเลอร์แท้ และอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงร้ายแรงได้

FAQ รวมคำถามที่คนมักสงสัยเกี่ยวกับฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม?

อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยตามปกติของการทำหัตถการฉีดยา แต่ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของยาชาที่ช่วยลดอาการเจ็บหรือปวดในระหว่างฉีด แต่ที่ Better Me Clinic เราใช้เทคนิคเฉพาะในการฉีดยาชา เรียกว่า Distraction Technique with GCT ทำให้ไม่มีอาการเจ็บขณะฉีด

ฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่พอใจสามารถฉีดเพิ่มเติมเลยได้ไหม?

ปกติแล้วภายใน 3-7 วันแรกที่ฉีดฟิลเลอร์อาจยังมีอาการบวมอยู่ ฟิลเลอร์จะเข้าที่ในประมาณ 7-14 วัน แต่หากเห็นผลเต็มที่แล้วยังไม่พึงพอใจ สามารถปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมได้ แต่ควรทำภายหลังจากที่ฉีดครั้งก่อนไป 2-4 สัปดาห์

เลือกใช้ฟิลเลอร์แล้ว ต้องใช้ยี่ห้อเดิมตลอดไปไหม?

สามารถเปลี่ยนยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ได้ ทั้งนี้ต้องปรึกษาแพทย์เลือกยี่ห้อหรือรุ่นให้เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด

หลังฟิลเลอร์สลาย ผิวจะเหี่ยวย่นไหม?

เมื่อฟิลเลอร์สลายผิวจะกลับสู่สภาพเดิม แต่ไม่ทำให้ผิวเหี่ยวย่น เนื่องจากสารไฮยาลูรอนิกในฟิลเลอร์นั้นช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นเด้งฟู ถึงฟิลเลอร์จะสลายไปแต่ในบริเวณที่เคยฉีดจะมีสภาพผิวดีกว่าก่อนฉีด

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี?

การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยในบริเวณต่าง ๆ รวมถึงช่วยปรับใบหน้าให้ดูสมดุล มีมิติมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด หากใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวบนใบหน้า ให้ Better Me Clinic by Dr.Chanya เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ 

เรามีแพทย์ฝีมือดีที่พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำในการฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด วิเคราะห์ปัญหาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล พร้อมดูแลติดตามผลลัพธ์ในระยะยาว หากสนใจหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการฉีดฟิลเลอร์ปากผ่านช่องทางต่อไปนี้ 

ปรึกษาคุณหมอได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แก้ไขทุกปัญหาที่กังวลได้แน่นอน!

ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

ที่มาของข้อมูล

  • Dermal fillers: The good, the bad and the dangerous (https://www.health.harvard.edu/blog/dermal-fillers-the-good-the-bad-and-the-dangerous-201907152561), 30 October 2023.
  • รู้จักการ ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? เห็นผลจริงไหม ฉีดแล้วช่วยอะไร? (https://skinx.app/content/filler/what-is-filler#), 30 October 2023.
  •  

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ