ฟิลเลอร์ (Fillers) ตัวช่วยปรับรูปหน้าและแก้ปัญหาริ้วรอยได้ตรงจุด
ปัจจุบันฟิลเลอร์ถือเป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะช่วยแก้ปัญหาบนใบหน้าได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของริ้วรอย ร่องลึก การปรับและเสริมรูปหน้าให้มีมิติ โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ที่สำคัญคือเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง อย่างไรก็ตามฟิลเลอร์มีอยู่หลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในก่อนรับบริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สำหรับผู้ที่สนใจและกำลังศึกษาข้อมูลก่อนฉีดฟิลเลอร์ Better Me Clinic by Dr. Chanya จะพาไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ว่าคืออะไร? ช่วยแก้ปัญหาส่วนไหนได้บ้าง? รวมไปถึงเรื่องที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์มาให้แบบครบจบในบทความนี้เลย!
ฟิลเลอร์คืออะไร?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ อย่างไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเต่งตึง แลดูกระชับ และลดเลือนริ้วรอยร่องลึกได้
นอกจากนี้แล้วฟิลเลอร์ยังเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ โดยฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อ.ย. ประเทศไทย จะสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้างเอาไว้เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท?
ฟิลเลอร์จะแบ่งตามความสามารถในการสลายตัว มีอยู่ 3 ประเภท ดังนี้
1. ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Dermal Fillers)
เป็นฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละยี่ห้อ ปริมาณที่ฉีด และบริเวณที่ฉีด สามารถสลายตัวเองได้
ที่สำคัญคือหากไม่พอใจในผลลัพธ์หรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้น สามารถแก้ไขด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ ฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิดอยู่ในประเภทนี้เช่นกัน
2. ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Dermal Fillers)
ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรเนื้อจะมีความหนืดมากกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ทำให้ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานกว่า ประมาณ 2-5 ปี
ข้อควรระวังคือตัวฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่สามารถสลายไปเองได้ทั้งหมด ส่วนที่ตกค้างอยู่ภายใต้ผิวอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ อย่างไรก็ตามฟิลเลอร์ประเภทนี้ยังไม่ผ่านอย.ในประเทศไทย
3. ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Dermal Fillers)
ฟิลเลอร์ชนิดนี้ไม่สามารถถูกดูดซึมหรือสลายไปเองได้ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะตกค้างอยู่ใต้ผิว เช่น พาราฟิน ซิลิโคนเหลว ไม่สามารถฉีดสลายได้เหมือนกับฟิลเลอร์แบบชั่วคราว
ในระยะยาวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อย่างฟิลเลอร์ไหล หรือเกิดพังผืดขึ้น วิธีการรักษาทำได้เพียงขูดออกหรือผ่าตัดออกเท่านั้น สำหรับในประเทศไทย ฟิลเลอร์ชนิดนี้ยังไม่ผ่านอย.เช่นกัน
ฟิลเลอร์ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
ฟิลเลอร์สามารถฉีดที่บริเวณใบหน้าได้หลายตำแหน่ง เช่น
- ใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาหรือใต้ตาดำ ตาลึก ตาโหล รวมถึงริ้วรอยใต้ตา
- ขมับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องขมับตอบ ขมับยุบ เมื่อฉีดแล้วจะช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูสมดุลได้สัดส่วน และยังช่วยในเรื่องของริ้วรอยบริเวณหางตาด้วย
- หน้าผาก การฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย และยังช่วยแก้ไขปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากแบน
- แก้มและส่วนกลางของใบหน้า ช่วยในเรื่องของร่องแก้มลึกจากอายุที่มากขึ้น ร่องน้ำหมาก หรือคนที่แก้มตอบก็สามารถฉีดแก้มส้มเพื่อช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
- ริมฝีปาก ช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากบาง ทำให้ริมฝีปากอวบอิ่ม แก้ริ้วรอยที่ริมฝีปาก มุมปากตก ปรับรูปริมฝีปาก ทำปากกระจับ
- คาง การฉีดฟิลเลอร์ช่วยแก้คางสั้น คางไม่เท่ากัน หรือคางบุ๋ม
ฟิลเลอร์ที่ผ่านอย.ในไทยมีอะไรบ้าง?
ปัจจุบันฟิลเลอร์ประเภทไฮยารูลอนิก (Hyaluronic Acid : HA) ที่ผ่านอย.ในไทยมีทั้งหมด 7 ยี่ห้อ จากหลากหลายประเทศ แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นและบริเวณที่เหมาะในการใช้แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ถือเป็นฟิลเลอร์ไฮยารูลอนิกยี่ห้อแรกของโลกที่ผลิตขึ้นโดยไม่ใช้สารสกัดจากสัตว์ มีหลากหลายรุ่น สามารถเลือกให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะฉีดได้ เช่น
- Restylane รุ่น Kysse : เป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อฉีดบริเวณริมฝีปาก ตัวฟิลเลอร์มีส่วนผสมของยาชา ทำให้ขณะฉีดไม่รู้สึกเจ็บมากนัก เนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความยืดหยุ่น เมื่อฉีดแล้วจะดูเป็นธรรมชาติ เด่นในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นและเติมเต็มริมฝีปาก
- Restylane รุ่น Vital Light : สามารถฉีดได้ทั้งบริเวณใบหน้าและริมฝีปาก โดยฟิลเลอร์ตัวนี้มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลละเอียดมาก หากนำมาฉีดบริเวณริมฝีปากจะทำให้ดูชุ่มชื้น อิ่มเต็ม ไม่ดูแห้งเป็นขุย สามารถใช้เก็บรายละเอียดริ้วรอยตื้นๆ บนใบหน้า
ฟิลเลอร์ไฮยารูลอนิกจากประเทศสหรัฐอเมริกา จุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้คือสามารถอุ้มน้ำได้ดี ยืดหยุ่นสูง ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ทำให้มีความเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ รวมทั้งยังมีส่วนผสมของยาชา จึงช่วยลดการเจ็บปวดในขณะที่ฉีดได้ดี เหมาะกับการฉีดในบริเวณแก้ม คาง ปาก เพราะทนต่อการขยับของหน้า
- Juvederm รุ่น Ultra Plus XC : ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและฟู เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่มีการขยับเยอะ เช่น คาง หรือใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า อย่างร่องแก้มและร่องน้ำหมาก หากต้องการริมฝีปากแบบอวบอิ่มก็สามารถฉีดฟิลเลอร์รุ่นนี้ได้เช่นกัน
- Juvederm รุ่น Volift : เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความละเอียดกว่ารุ่น Ultra Plus XC ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับคนที่มีผิวบาง นิยมฉีดบริเวณใต้ตา ร่องมุมปาก ร่องแก้ม หรือริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก เพราะเก็บรายละเอียดได้ดี ไม่เป็นก้อน
3. YVOIRE
ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี จุดเด่นของฟิลเลอร์ YVOIRE คือใช้ HICE Technology (High Concentration Equalized Cross-Link) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและดูเป็นธรรมชาติ ความสามารถในการยึดเกาะ คงทน ไม่สลายตัวง่าย
- YVOIRE รุ่น Volume Plus : รุ่นนี้มีจุดเด่น คือ ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยโดยเฉพาะ เหมาะกับการฉีดเติมเต็มในบริเวณส่วนกลางของใบหน้า ขมับ หน้าผาก หรือฉีดบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รวมทั้งใช้ฉีดเพื่อปรับรูปริมฝีปากได้
- YVOIRE รุ่น Contour : เป็นฟิลเลอร์ที่ผสมโมเลกุลขนาดใหญ่และเล็กเข้าด้วยกัน ทำให้มีความคงตัวสูง ยึดเกาะได้ดี เมื่อฉีดแล้วไม่ไหลไปบริเวณอื่น จึงเหมาะกับการฉีดยกกระชับบริเวณกรอบหน้า หรือฉีดเสริมบริเวณร่องแก้ม โหนกแก้ม หรือคาง
4. Neuramis
ฟิลเลอร์อีกตัวจากประเทศเกาหลี มีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถในการคงตัวของสาร ทำให้เหมาะกับการเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้า ที่สำคัญคือมีราคาย่อมเยากว่าฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดนและอเมริกา
- Neuramis รุ่น Deep : เป็นฟิลเลอร์เกาหลีรุ่นแรกที่นำมาใช้ในประเทศไทย เนื้อเจลหนืดปานกลาง ขึ้นรูปได้ง่าย เหมาะสำหรับการเติมริ้วรอยระดับปานกลาง เช่น บริเวณร่องใต้ตา หน้าผาก หรือใช้เติมเต็มผิวให้ดูอิ่มฟู ปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ เช่น คาง แก้มหรือขมับ รวมถึงริมฝีปาก
- Neuramis รุ่น Volume Lidocaine : เนื้อเจลมีความหนืดมาก สามารถคงตัวได้ดีและอยู่ได้นานสูงสุดถึง 2 ปี ตัวนี้จะมีส่วนผสมของยาชา นิยมฉีดเพื่อยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า เช่น บริเวณหน้าผาก คาง กรอบหน้า และริมฝีปาก รวมถึงใช้แก้ไขปัญหาริ้วรอยในระดับปานกลางถึงมากได้เช่นกัน
5. e.p.t.q.
ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี จุดเด่นของฟิลเลอร์ e.p.t.q. คือทุกรุ่นมีการผสมยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดขณะฉีด และมีไฮยารูลอนิกถึง 24 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร
- e.p.t.q. รุ่น S100 : ฟิลเลอร์รุ่นนี้จะมีความนิ่ม ละเอียด และมีเนื้อเบาบางมากที่สุด เหมาะกับการฉีดบริเวณใต้ตา ริ้วรอยบริเวณขมับและหน้าผาก รวมถึงริมฝีปาก เพราะมีความเป็นธรรมชาติสูง
- e.p.t.q. รุ่น S500 : ฟิลเลอร์เนื้อแข็งและหนาแน่นที่สุดของยี่ห้อนี้ เหมาะกับการฉีดในผิวหนังชั้นลึก เนื่องจากมีความสามารถในการยกผิวให้ดูอิ่มฟู มีมิติมากขึ้น นิยมฉีดในบริเวณกรอบหน้า กราม คาง หรือปัญหาริ้วรอยลึกอย่างร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
ฟิลเลอร์ Belotero เป็นฟิลเลอร์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง และมีหลายรุ่นที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน สามารถเลือกฉีดให้เหมาะสมตามปัญหาหรือความกังวลใจของคนไข้
- Belotero รุ่น Revive : เป็นฟิลเลอร์รุ่นใหม่ของ Belotero ที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยเฉพาะ เพราะมีส่วนผสมของ Glycerol ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง เหมาะกับการฉีดบำรุงและฟื้นฟูผิวจากมลภาวะและแสงแดด
- Belotero รุ่น Soft : ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะกับการเก็บรายละเอียดบนใบหน้า ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น นิยมใช้แก้ไขปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ หลุมสิวที่ไม่มีพังผืด และฉีดบริเวณใต้ตา เพราะมีความเป็นธรรมชาติ
7. Perfectha
ฟิลเลอร์จากประเทศฝรั่งเศส ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้มีการใช้ E-Brid Technology ซึ่งทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการแก้ไขปัญหาริ้วรอยและปรับรูปทรงใบหน้า
- Perfectha รุ่น Subskin : ฟิลเลอร์รุ่นนี้จะแน่น ไม่ฟู มีความคงตัวสูง เหมาะกับการปรับรูปหน้าให้ดูสวยเป็นธรรมชาติ นิยมใช้ฉีดที่คาง กรอบหน้า เติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า
- Perfectha รุ่น Derm : เนื้อฟิลเลอร์นิ่มปานกลาง เหมาะกับการฉีดที่ผิวหนังชั้นกลางและริ้วรอยลึก เช่น ริ้วรอยร่องแก้ม หว่างคิ้ว สามารถฉีดเพื่อยกมุมปากและปรับรูปทรงริมฝีปากได้
ฟิลเลอร์แต่ละจุดต้องใช้กี่ซีซี?
โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ที่ปริมาณ 1-3 ซีซี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล รวมไปถึงยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ เนื่องจากแต่ละรุ่นก็จะมีคุณสมบัติเด่นที่ต่างกันออกไป ดังนั้นจึงควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำหัตถการทุกครั้ง เพื่อให้การฉีดปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
หลังฉีดฟิลเลอร์นานแค่ไหนถึงเห็นผล?
หากฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่เหมาะสม ฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ในประมาณ 7-14 วัน
ฟิลเลอร์อยู่ได้นานเท่าไหร่?
ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับลักษณะเนื้อของฟิลเลอร์ โดยเฉลี่ยฟิลเลอร์เนื้ออ่อนจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ส่วนฟิลเลอร์เนื้อแข็งจะอยู่ได้นานกว่า เฉลี่ย 9-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ปริมาณและยี่ห้อของฟิลเลอร์ รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย
ฟิลเลอร์แท้ดูยังไง?
ก่อนเข้ารับหัตถการ คนไข้ควรตรวจดูให้มั่นใจทุกครั้งว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นฟิลเลอร์แท้ โดยจุดสังเกตมีดังนี้
- เลือกยี่ห้อที่ผ่านการรับรองของอย.ไทย
- ฟิลเลอร์แท้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อที่ผ่านอย.ไทยจะต้องมีฉลากภาษาไทยข้างกล่อง โดยจะมีรายละเอียดของฟิลเลอร์ บริษัทที่นำเข้า วันหมดอายุ และราคาระบุไว้ชัดเจน
- มีเลขล็อตสินค้าที่กล่องและที่หลอดจะต้องตรงกัน บางรุ่นหรือบางยี่ห้อสามารถสแกน QR Code เพื่อตรวจเช็กได้
- กล่องต้องไม่ถูกแกะใช้ก่อนถูกนำมาฉีดให้คนไข้ เพราะอาจเป็นการนำฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานมาสวมรอยได้
- ราคาไม่ควรถูกเกินไป หากราคาถูกจนผิดปกติอาจมีส่วนผสมอื่นหรือเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
ฟิลเลอร์ปลอดภัยไหม?
ฟิลเลอร์ประเภทกรดไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นสารที่ผลิตเลียนแบบสารในร่างกาย ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ต่ำ อาจมีรอยฟกช้ำหรือรอยแดงหลังการฉีด แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
อย่างไรก็ตามการฉีดฟิลเลอร์นั้นควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะต้องใช้ความแม่นยำในการฉีดสูง หากทำโดยแพทย์ที่ขาดความชำนาญหรือในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น
- เกิดการติดเชื้อหลังฉีด อาจมีอาการปวด บวม แดง หรือเกิดหนองในบริเวณที่ฉีด
- ฟิลเลอร์เป็นก้อน เกิดจากเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง
- หากฉีดฟิลเลอร์พลาดเข้าสู่หลอดเลือดแดง อาจทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตันขึ้น และทำให้เกิดภาวะเนื้อตายได้
หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถประเมินและรักษาด้วยการฉีดยาสลายฟิลเลอร์แท้ได้ ในกรณีที่เป็นฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถฉีดสลายทิ้งได้เหมือนฟิลเลอร์แท้ และอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงร้ายแรงได้
FAQ รวมคำถามที่คนมักสงสัยเกี่ยวกับฟิลเลอร์
ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม?
ฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่พอใจสามารถฉีดเพิ่มเติมเลยได้ไหม?
เลือกใช้ฟิลเลอร์แล้ว ต้องใช้ยี่ห้อเดิมตลอดไปไหม?
หลังฟิลเลอร์สลาย ผิวจะเหี่ยวย่นไหม?
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี?
การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยในบริเวณต่าง ๆ รวมถึงช่วยปรับใบหน้าให้ดูสมดุล มีมิติมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด หากใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวบนใบหน้า ให้ Better Me Clinic by Dr.Chanya เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
เรามีแพทย์ฝีมือดีที่พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำในการฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด วิเคราะห์ปัญหาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล พร้อมดูแลติดตามผลลัพธ์ในระยะยาว หากสนใจหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการฉีดฟิลเลอร์ปากผ่านช่องทางต่อไปนี้
ปรึกษาคุณหมอได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แก้ไขทุกปัญหาที่กังวลได้แน่นอน!
ที่มาของข้อมูล
- Dermal fillers: The good, the bad and the dangerous (https://www.health.harvard.edu/blog/dermal-fillers-the-good-the-bad-and-the-dangerous-201907152561), 30 October 2023.
- รู้จักการ ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? เห็นผลจริงไหม ฉีดแล้วช่วยอะไร? (https://skinx.app/content/filler/what-is-filler#), 30 October 2023.