Ultraformer VS Ulthera ต่างกันยังไง เหมาะกับใคร ควรเลือกแบบไหนดี
เมื่อพูดถึงการยกกระชับผิวหน้า หลายๆ คนคงต้องนึกถึงเทคโนโลยีการยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มักมีการเปรียบเทียบกันบ่อยๆ อย่าง Ultraformer III กับ Ulthera เพราะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว SMAS ได้คล้ายกัน แต่เทคโนโลยีทั้งสองชนิดก็มีความต่างกันอยู่ หากคุณกำลังสงสัยว่ามีข้อแตกต่างในเรื่องอะไรบ้างหรือแต่ละแบบจะเหมาะกับใคร ไปดูกันได้ในบทความนี้
Ultraformer III คืออะไร มีกี่แบบ
Ultraformer III หรือที่รู้จักกันในชื่อ HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) คือ เทคโนโลยีช่วยยกกระชับผิวชนิดหนึ่ง เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวที่ทำงานโดยการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงและมีค่าพลังงานคงที่ ยิงลงไปถึงใต้ผิวหนังชั้น SMAS ในลักษณะเป็นจุดไข่ปลาเล็กๆ เรียงกัน ทำให้ชั้นผิวเกิดการหดตัว ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นยกกระชับขึ้น พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ เต่งตึงขึ้น
โดยเทคโนโลยี HIFU นั้นสามารถแบ่งคลื่นพลังงานได้เป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
Hifu Micro Focused
Hifu Micro Focused คือ HIFU ที่มีการใช้พลังงานรูปแบบเดิม โดยการใช้พลังงาน Micro Focused Ultrasound ยิงเป็นจุดเล็กๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 มิลลิเมตร อุณหภูมิอยู่ที่ 65 ถึง 70 องศาเซลเซียสลงไปใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถยิงลงไปใต้ชั้นผิวหนังระดับความลึกที่ 1.5 มิลลิเมตร / 3 มิลลิเมตร / 4.5 มิลลิเมตร ทำให้ผิวหนังเกิดการหดตัว ส่งผลให้ผิวเกิดการยกกระชับได้ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ทำการศัลยกรรมดึงหน้า ช่วยลดริ้วรอย แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิวบริเวณรอบๆ และไม่ต้องผ่าตัด
Hifu Macro Focused
Hifu Macro Focused คือ HIFU ที่มีการใช้พลังงานรูปแบบใหม่ซึ่งมีพลังงานสูงกว่า Micro Focused Ultrasound ถึง 8 เท่า โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของพลังงาน Macro Focused 1 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถยิงลงไปใต้ชั้นผิวหนังระดับความลึกที่ 2 มิลลิเมตร / 6 มิลลิเมตร / 9 มิลลิเมตร / 13 มิลลิเมตร ช่วยสลายไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวหนังและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งมีส่วนช่วยในการยกกระชับผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนใส ดูอ่อนเยาว์ลง
Hifu MMFU (Micro and Macro Focused Ultrasound)
Hifu MMFU (Micro and Macro Focused Ultrasound) คือ เทคโนโลยีที่มีการพัฒนามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ HIFU แบบเดิม โดยสามารถปล่อยคลื่นพลังงานได้ทั้งสองรูปแบบ คือ Micro Focused Ultrasound และ Macro Focused Ultrasound จึงสามารถยิงพลังงานความเข้มข้นสูงได้ลงลึกทุกชั้นผิว โดยมีการปล่อยพลังงานสม่ำเสมอคงที่ทำให้มีความปลอดภัยสูง ช่วยในการยกกระชับผิว ปรับสภาพผิว พร้อมทั้งช่วยสลายไขมันส่วนเกิน และกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวดูเรียบเนียนใสมากขึ้น
Ulthera คืออะไร มีกี่แบบ
Ulthera คือ เทคโนโลยีช่วยยกกระชับผิวชนิดหนึ่งที่ทำงานโดยการยิงพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ไปที่ชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS เหมือนกับ Ultraformer III เพื่อช่วยยกกระชับผิวและกระตุ้นคอลลาเจนแต่ Ulthera จะมีขนาดจุดโฟกัสของคลื่นพลังงานขนาด 1 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า Ultraformer III ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 1 ปี โดย Ulthera แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ได้แก่
Ulthera Focus
Ulthera Focus คือ เทคโนโลยี Ulthera แบบ Original ที่ทำงานโดยการยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง และมีความเฉพาะเจาะจงลงไปที่ใต้ชั้นผิวหนังลึกถึงชั้น SMAS เพื่อช่วยยกกระชับผิว ลดริ้วรอย โดยไม่ต้องอาศัยการผ่าตัด
Ulthera SPT
Ulthera SPT คือ เทคโนโลยี Ulthera แบบใหม่ที่มีการใช้กันในหลายประเทศทั่วโลก เป็นเทคนิคที่เรียกว่า SPT หรือ See Plan Treat โดยการใช้เทคโนโลยี MFU-V (Microfocus Ultrasound with Visualization) ที่ทำให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวได้จากจอแสดงผลแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถวางแผนและออกแบบการยิงคลื่นพลังงานให้เหมาะกับแต่ละคน รักษาได้อย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการยิงพลังงานไปโดนส่วนอื่นๆ
Ultraformer III กับ Ulthera เหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร
หลังจากทำความรู้จักกับทั้ง Ultraformer III กับ Ulthera กันไปบ้างแล้วว่าเป็นเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์เหมือนกัน จึงทำให้มีคุณสมบัติเหมือนกันอยู่ ต่อไปจะพาไปดูว่า Ulthera กับ Ultraformer ต่างกันยังไง และมีจุดไหนที่เหมือนกันอีกบ้าง
จุดเหมือนของ Ultraformer III กับ Ulthera
- Ultraformer III กับ Ulthera มีการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มขันสูงเหมือนกัน
- สามารถยิงพลังงานลงไปที่ชั้นผิวได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS
- ช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว
จุดแตกต่างของ Ultraformer III กับ Ulthera
- จุดโฟกัสของคลื่นพลังงานมีขนาดต่างกัน โดย Ultraformer III มีจุดโฟกัสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 ถึง 1 มิลลิเมตร ส่วน Ulthera มีจุดโฟกัสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มิลลิเมตร
- ขณะทำการรักษาด้วย Ultraformer III จะรู้สึกเจ็บน้อยกว่า Ulthera เนื่องจากมีขนาดจุดโฟกัสที่เล็กกว่า
- ผลลัพธ์ในการรักษาจะมีระยะเวลาที่แตกต่างกัน โดย Ultraformer III ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ส่วน Ulthera ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี
- Ulthera จะมีหน้าจอแสดงระดับความลึกและรายละเอียดของชั้นผิวให้เห็นขณะรักษาแบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์สามารถยกกระชับผิวหน้าได้ละเอียดและแม่นยำขึ้น
Ultraformer III กับ Ulthera เหมาะกับใคร
เครื่อง Ultraformer III กับ Ulthera มีหลักการทำงานบางจุดที่แตกต่างกัน มีจุดเด่นที่ต่างกัน ไปดูกันว่าแต่ละแบบเหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวแบบไหน หรือเหมาะกับใครบ้าง เพื่อที่จะสามารถเลือกใช้เครื่องยกกระชับผิวได้เหมาะสมกับแต่ละคน
Ultraformer III เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังบริเวณใบหน้าและลำคอมีความหย่อนคล้อย มีเหนียง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อย คิ้วตก หนังตาตก ขอบตาล่างหย่อนยาน
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ร่องแก้มลึก มุมปากตก เนื้อแก้มหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับแบบ V Shape
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องการผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการสลายไขมันส่วนเกินและกระชับสัดส่วนบริเวณต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ฯลฯ
Ulthera เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังบริเวณใบหน้า ลำคอ และเนินอกมีความหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับผิว
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อย คิ้วตก หนังตาตก ขอบตาล่างหย่อนยาน
- ผู้ที่ต้องการลดไขมันใต้คาง กระชับกรอบหน้าให้คมชัด ดูมีมิติ
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับมากขึ้น
ข้อดีของ Ultraformer III กับ Ulthera มีอะไรบ้าง
อย่างที่ทราบกันดีว่าทั้ง Ultraformer III กับ Ulthera มีส่วนช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิว ต่อไปจะขอพูดถึงข้อดีและประโยชน์ของ Ultraformer III กับ Ulthera ว่ามีอะไรบ้าง ดังนี้
ข้อดีของ Ultraformer III
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ มีความยืดหยุ่น ช่วยกระชับรูขุมขนให้ผิวเรียบเนียน แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ช่วยยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เสียเวลาพักฟื้น
- ช่วยลดไขมันใต้คาง ลดเหนียง
- ช่วยลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า
- ช่วยกระชับรูปหน้าให้ดูเรียว กรอบหน้าชัดขึ้น
- มีความเจ็บน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่อง Ulthera ทั่วไป
- ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำร้ายผิวหนังชั้นนอก
- ไม่เกิดรอยแผลเป็นหลังรักษา
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน
- มีหลายหัวยิงให้เลือกใช้ สามารถใช้แก้ปัญหาได้แม่นยำตรงจุดมากขึ้น
- ช่วยสลายไขมันส่วนเกินและกระชับสัดส่วนบริเวณต่างๆ ของร่างกายได้
ข้อดีของ Ulthera
- ช่วยยกกระชับผิวและแก้ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ช่วยลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม รอยย่นบนหน้าผาก
- ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อย เช่น รอยตีนกา ร่องใต้ตา รวมถึงปัญหาคิ้วและหางตาตก
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ขึ้น รูขุมขนเล็กลง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี
- มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน
- สามารถช่วยยกกระชับผิวได้หลายส่วนของร่างกาย ทั้งบริเวณลำคอ กรอบหน้า เหนียง เนินอก
- สามารมองเห็นชั้นผิวได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถกำหนดจุดยิงคลื่นพลังงานได้แม่นยำ
Ultraformer III กับ Ulthera ต้องทำกี่ช็อต
จำนวนช็อตในการทำ Ultraformer III กับ Ulthera นั้น จะมีการกำหนดโดยขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไขและสภาพผิวของแต่ละบุคคล รวมถึงบริเวณที่ต้องการทำการรักษา โดยแพทย์จะมีการประเมินและกำหนดจำนวนช็อตก่อนทำการรักษา ซึ่งเบื้องต้นโดยทั่วไปแล้วแต่ละส่วนมักมีการกำหนดช็อต ดังนี้
Ultraformer III ต้องทำกี่ช็อต
- รอบดวงตา 100 – 150 ช็อต
- ใต้คาง 150 – 300 ช็อต
- หน้าผาก 100 – 200 ช็อต
- หน้าแก้ม 2 ข้าง 300 – 500 ช็อต
- ทั่วใบหน้า 400 – 500 ช็อต
Ulthera ต้องทำกี่ช็อต
- รอบดวงตา หางตา 100 – 200 ช็อต
- แก้ม เหนียง ใต้คาง 300 – 500 ช็อต
- ทั่วใบหน้า 700 ช็อต
- ทั่วใบหน้า คอ ท้องแขน หน้าท้อง 1,000 – 3,000 ช็อต
วิธีการดูแลตัวเองหลังทำ Ultraformer III กับ Ulthera
การดูแลตัวเองหลังทำ Ultraformer III กับ Ulthera มีความสำคัญเพื่อช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดตามมา โดยหลังทำการรักษาทั้ง 2 แบบมีวิธีการดูแลตัวเองที่เหมือนกัน คือ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- งดการทำเลเซอร์ หรือหัตถการที่ใช้ความร้อนบริเวณผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงแสงแดด การทำกิจกรรมที่ต้องโดนความร้อน หรือการทำเซานา ประมาณ 4 – 5 วันหลังทำ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศเย็นจัดเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น การกด นวดใบหน้าแรงๆ
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF เกิน 30++ ทุกวัน เพื่อปกป้องผิว
- สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้
- สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังทำ
ทำ Ultraformer III กับ Ulthera ที่ Better Me Clinic ดีกว่าอย่างไร
- คุณหมอมีประสบการณ์ด้านความงามมายาวนาน 8 ปี พร้อมประสบการณ์ด้านศัลยกรรมมามากกว่า 10,000 เคส
- คุณหมอเป็นอาจารย์สอนหลักสูตรการอบรมด้านเวชศาสตร์ความงามจากองค์กร ABAM จากอเมริกา คนเดียวในไทย
- เทคนิคใหม่แบบ Better Me คลินิกเน้นการออกแบบที่สวยงาม เหมาะกับใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคเฉพาะจากประเทศเกาหลี
- เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย คุณหมอทุกท่านให้ความสำคัญกับคนไข้ทุกเคส
- คลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน พร้อมนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- Better Me Club มีการบริการด้วยหัวใจหลังศัลยกรรม หรือทำหัตถการ ด้วยบริการให้คำแนะนำโดยแอดมินสายตรง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ
- เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพิ่มความมั่นใจและสวยที่สุดในราคาที่จับต้องได้
รีวิวการทำ Ultraformer III กับ Ulthera
สรุป
Ultraformer III กับ Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิว พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว โดยการยิงพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงไปที่ชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัย ซึ่ง Ultraformer III กับ Ulthera มีข้อแตกต่างกันตรงที่ขนาดของจุดโฟกัสของคลื่นพลังงาน โดย Ulthera จะมีขนาดใหญ่กว่า Ultraformer III ทำให้รู้สึกเจ็บกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นานกว่าตามมานั่นเอง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ultraformer III กับ Ulthera (FAQ)
เมื่อได้รู้กันไปแล้วว่า Ultraformer III กับ Ulthera คืออะไร มีคุณสมบัติแบบไหน หลายคนอาจยังมีคำถามสงสัย ทางคลินิกจึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยมาตอบ ดังนี้