PRP (Platelet Rich Plasma) คืออะไร สร้างผิวที่กระชับ อ่อนเยาว์ได้อย่างไร
หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าสนใจในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น PRP หรือ PLATELET RICH PLASMA ที่ทางการแพทย์มักนำมาใช้ลดอาการอักเสบของเอ็นกล้ามเนื้อในหมู่นักกีฬา หรือผู้ป่วยจากโรคเข่าเสื่อม รวมถึงกลุ่มคนที่มีอาการผมร่วงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
อย่างไรก็ดีในปัจจุบันมีการใช้ PRP เพื่อเป็นหัตถการกระชับผิว กระชับรูขุมขน และเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผู้ที่มีอาการผิวหมองคล้ำได้ด้วยในเวลาเดียวกัน รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ทำไม PRP ถึงสามารถกู้อาการผิวโทรมให้กลายเป็นผิวเด้ง ดูเด็กได้ ไปติดตามกันต่อได้ในบทความชิ้นนี้
การฉีด PRP คือหัตถการอะไร
PRP (Platelet Rich Plasma) คือ เกล็ดเลือดประเภทหนึ่งที่ได้จากการปั่นเลือดด้วยความเร็วสูง เกล็ดเลือดชนิดนี้มีความเข้มข้นมากกว่าเกล็ดเลือดทั่วไปถึง 5 เท่า ทำให้ทางการแพทย์มีการนำ PRP มาใช้เพื่อรักษา และเร่งกระบวนการซ่อมแซมของร่างกายอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจาก PRP มี Growth Factor หลายชนิด พร้อมช่วยทำให้เลือดแข็งตัวได้เป็นอย่างดี
PRP ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
ใน PRP อุดมไปด้วยโปรตีน และเซลล์ต้นกำเนิดของเลือดอย่างเข้มข้น ทำให้เกล็ดเลือดชนิดนี้มีความสามารถในการช่วยซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ได้ดี นอกจากประโยชน์ข้างต้นแล้ว PRP ยังมีข้อดีอื่นๆ อะไรอีกบ้าง ไปติดตามกันต่อได้ ดังนี้
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
- กระชับแนวรูขุมขนให้เล็กลง
- ลดริ้วรอยแห่งวัย
- ปรับผิวกระจ่างใส ทำให้ผิวมีความสม่ำเสมอกัน
- บำรุงผิวอย่างล้ำลึก ทำหน้าที่เติมความชุ่มชื้นอย่างเร่งด่วน
การฉีด PRP ดีกว่าหัตถการยกกระชับผิวหน้าอื่นอย่างไร
การฉีด PRP เป็นการนำเซลล์เลือดของตัวเองมาฟื้นฟูเซลล์ผิวที่มีปัญหา และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้คุณสามารถวางใจได้ว่านี่เป็นหัตถการที่ปลอดภัย อีกทั้งยังครอบคลุมปัญหาผิวบนใบหน้าทั้งหมด แตกต่างจากการทำหัตถการยอดนิยมอย่างฟิลเลอร์ ที่มีการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด และไม่สามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวที่มีปัญหาได้
จุดนี้ทำให้ PRP มีความเหนือชั้น และตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวขรุขระ หรือแม้แต่ผิวหน้าที่ขาดการบำรุงอย่างหนักก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใครบ้างที่ควรฉีด PRP
ก่อนหน้านี้เราได้พาทุกคนไปรู้จักกับภาพรวมและจุดเด่นของ PRP ไปเบื้องต้นแล้ว ในเนื้อหาส่วนนี้จะเจาะลึกว่าใครบ้างที่ควรฉีด PRP หัตถการนี้ได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนที่มีปัญหาผิว ทั้งผู้ที่มีริ้วรอยตามวัย ผู้ที่มีจุดด่างดำบนใบหน้า ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง และผิวหน้าแห้งกร้าน หากต้องการเช็กว่าคุณเองควรฉีด PRP หรือไม่ ลองดูไปด้วยกันว่าใครบ้างที่ควรฉีด PRP
- ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดการบำรุง
- ผู้ที่มีปัญหารอยสิว อย่างรอยดำและรอยแดง
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีผิวขรุขระ ไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีด PRP
อย่างไรก็ดีการฉีด PRP ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะมีบางกลุ่มคนที่ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้ฉีด PRP เนื่องจากอาจจะเกิดการระคายเคืองหรือเกิดผลกระทบเพิ่มเติมกับร่างกาย โดยกลุ่มคนที่ไม่ควรฉีด PRP มีดังนี้
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับผิวหนัง
- ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ภูมิตัวเอง หรือติดเชื้อรุนแรง
- ผู้ที่มีประวัติเลือดแข็งตัว
- ผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านภาวะเลือดแข็งตัว
สามารถฉีด PRP ในบริเวณใดได้บ้าง
โดยปกติแล้ว ทางการแพทย์มีการนำ PRP มาใช้ในการรักษาส่วนต่างๆ ของร่างกายให้กับอวัยวะที่ต้องการฟื้นฟู หรือซ่อมแซมเป็นพิเศษ เมื่อมีการพัฒนามาเป็นรูปแบบของหัตถการ PRP จึงมีการนำไปฉีดหลากหลายบริเวณบนใบหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และแก้ไขปัญหาผิวที่จัดการได้ยาก ซึ่ง PRP สามารถฉีดได้ที่บริเวณต่างๆ ดังนี้
- หน้าผาก
- หว่างคิ้ว
- หางตา
- ทั่วผิวหน้า
ข้อควรรู้ก่อนฉีด PRP มีอะไรบ้าง
เพื่อให้ PRP สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ คุณควรรู้เกี่ยวกับข้อควรรู้ก่อนฉีด PRP เสียก่อน มีอะไรบ้างที่จัดเป็นสิ่งที่ผู้สนใจฉีด PRP ไม่ควรพลาด เพื่อใช้สำหรับการเตรียมตัว และตัดสินใจเลือกใช้บริการหัตถการประเภทนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
- 1-2 วันก่อนฉีด PRP ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1-2 ลิตร
- แจ้งโรคประจำตัวก่อนเข้ารับบริการเสมอ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เลือดแข็งตัว
- งดดื่มแอลกอฮอลล์ และสบูบุหรี่ ก่อนฉีด PRP
- งดทานอาหารที่มีไขมันสูง
การเตรียมตัวก่อนฉีด PRP มีอะไรบ้าง
หากตัดสินใจได้แล้วว่าจะฉีด PRP แน่นอน เรื่องของการเตรียมตัวก็เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สามารถทำให้การฉีด PRP ได้ผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดย 4 สิ่งที่ควรรู้สำหรับการเตรียมตัวก่อนฉีด PRP มีดังนี้
- งดแต่งหน้าในวันที่จะทำการฉีด PRP
- งดดื่มแอลกอฮอลล์ และสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 วันก่อนฉีด PRP
- งดการรับประทานยาประเภทแอสไพริน หรือยากลุ่มละลายลิ่มเลือด NSAID อย่างน้อย 2 วัน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
ขั้นตอนในการฉีด PRP
ขั้นตอนในการฉีด PRP ในแต่ละคลินิกจะแตกต่างกันออกไปตามความถนัดของแพทย์ผู้ดูแล แต่ในภาพรวมแล้ว จะมีขั้นตอนที่เหมือนกัน ดังนี้
- วิเคราะห์ปัญหาผิวของคนไข้ และประเมินวิธีการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ทำความสะอาดผิวหน้าให้พร้อมสำหรับการฉีด PRP
- เจาะเลือดจากข้อพับประมาณ 15-20 cc.
- นำเลือดไปปั่นที่เครื่อง Centrifuge เพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้น และสมบูรณ์สูงสุด
- แพทย์จะใช้เครื่องเดอร์มาเพนทำหัตถการบนใบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาผิวตามที่แพทย์วางแผนไว้
การดูแลตัวเองหลังฉีด PRP มีอะไรบ้าง
หลังจากที่ฉีด PRP ไปแล้วนั้น หากต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ การดูแลรักษาตัวหลังจากที่ทำหัตถการประเภทนี้ไป ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องรู้ ยิ่งคุณดูแลร่างกายดี ผลลัพธ์ของการทำหัตถการก็จะยิ่งทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- หลังฉีด PRP ห้ามล้างหน้าในช่วง 6-8 ชั่วโมงหลังจากนั้น เพื่อให้สเต็มเซลล์เคลือบชั้นผิว และบำรุงผิวให้เต็มที่เสียก่อน
- ควรทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมกับทากันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- อย่าแกะ หรือเกาบริเวณที่ฉีด PRP ผิวจะมีการผลัดเซลล์เอง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 อาทิตย์
- งดการทาครีมประเภทผลัดเซลล์ผิว หรือบำรุงผิวขาวกระจ่างใสในช่วง 7 วันหลังจากทำหัตถการ
- งดแต่งหน้า 7 วันหลังฉีด PRP
เลือกคลินิกฉีด PRP ที่ไหนดี?
ประเด็นสำคัญสำหรับการฉีด PRP คือ การเลือกคลินิกเพื่อฉีด PRP จำเป็นต้องเลือกคลินิกให้ดี มีมาตรฐาน และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการ โดยวิธีในการคัดเลือกคลินิกสำหรับฉีด PRP มีดังนี้
- เลือกคลินิกที่มีแพทย์เฉพาะด้าน
เนื่องจากหัตถการการฉีด PRP เป็นการเลือกใช้เกล็ดเลือดจากร่างกายคุณภาพสูง มาใช้ในการบำบัดฟื้นฟู และรักษาปัญหาผิว คุณจำเป็นต้องมั่นใจว่าแพทย์ผู้ดูแลเป็นผู้ชำนาญ และมีความรู้ในด้านนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้แล้ว ยังจำเป็นต้องตรวจสอบว่าสถานเสริมความงามนั้นมีเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน และสะอาด ปลอดภัยดีหรือไม่ เพื่อให้การฉีด PRP นั้นเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- เลือกคลินิกที่มีบริการทรีทเมนต์เสริม
แน่นอนว่าการทำหัตถการ PRP เป็นการบำรุง และฟื้นฟูเซลล์ผิวทั่วหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรรู้คือ เกล็ดเลือดที่นำมาใช้ในการฉีดเข้าสู่ใบหน้าของคุณนั้น มาจากร่างกายของคุณเอง ทำให้ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเกล็ดเลือดที่แข็งแรง และสมบูรณ์ หากต้องการแก้ไขปัญหาผิวที่มีปัญหาหนัก คุณควรที่จะมองหาคลินิกที่มีบริการทรีทเมนต์อื่นคอยเสริมเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้ปัญหาผิวของคุณถูกแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฉีด PRP ที่ Better Me Clinic ดีกว่าอย่างไร
- คุณหมอมีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมมายาวนาน มากกว่า 8 ปี
- เทคนิคใหม่แบบ Better Me คลินิกเน้นการออกแบบที่สวยงาม เหมาะกับใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคเฉพาะจากประเทศเกาหลี
- คลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน พร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- Better Me Beauty Club มีการบริการด้วยหัวใจหลังศัลยกรรม หรือทำหัตถการ ด้วยบริการให้คำแนะนำโดยแอดมินสายตรง 24 ชั่วโมง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ
- เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพิ่มความมั่นใจและสวยที่สุดในราคาที่จับต้องได้
สรุป
การฉีด PRP หรือ Platelet Rich Plasma คือการนำเลือดที่ได้จากร่างกายของคุณ มาปั่นด้วยความเร็วสูง เพื่อสกัดเกล็ดเลือดที่แข็งแรง มีประสิทธิภาพ และมีความเข้มข้นสูง มาใช้ฉีดในบริเวณต่างๆ บนใบหน้า เพื่อกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจน และเร่งการฟื้นฟูของเซลล์ผิวได้อย่างดีเยี่ยม แตกต่างจากการหัตถการอื่นๆ ที่เป็นการแก้ไขเฉพาะจุด และไม่สามารถเสริมความแข็งแรงของเซลล์ผิวได้
อย่างไรก็ดีการทำหัตถการประเภทนี้ต้องอาศัยความแข็งแรงของเกล็ดเลือดจากร่างกายของคุณเอง การดูแลและเตรียมตัวร่างกายให้พร้อมจึงเป็นปัจจัยที่คุณไม่ควรมองข้าม หากสนใจในการฉีด PRP ทาง Better Me Clinic มีให้บริการ สามารถเข้าสอบถามและปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนได้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงจุด ตอบโจทย์กับแต่ละเคส
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีด PRP (FAQ)
เชื่อว่าหลายคนในตอนนี้กำลังมีคำถามในใจเกี่ยวกับการฉีด PRP ในส่วนนี้ Better Me Clinic ได้มัดรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการฉีด PRP มาไว้ให้ทุกคนคลายข้อสงสัยไว้แล้ว จะมีคำถามอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ไปติดตามกันต่อได้ที่นี่เลย