การเสริมจมูกมีกี่แบบ เลือกแบบไหนที่เหมาะกับใบหน้า?
เคยได้ยินไหมว่าเลือกทรงจมูกผิดชีวิตเปลี่ยน หรือเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนแค่ผ่าตัดเสริมจมูกนิดหน่อยกลับดูสวยหรือหล่อขึ้นทันตาเห็น คำตอบง่ายๆ ก็เพราะว่าจมูกถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางและจุดเด่นของใบหน้า ที่สามารถส่งผลกับเครื่องหน้าส่วนอื่นๆ ได้ทั้งหมด
สำหรับใครที่อยากเสริมจมูก หรืออยากแก้จมูก แต่กำลังสงสัยว่า การเสริมจมูกมีกี่แบบ ดังนั้น ในบทความนี้จะมาแนะนำรูปแบบหรือเทคนิคการเสริมจมูกแบบต่างๆ ที่นิยมใช้ในการศัลยกรรมจมูก เพื่อให้ได้รูปจมูกทรงที่ถูกใจและเหมาะกับใบหน้าที่สุดมาฝากกันค่ะ
การเสริมจมูก คืออะไร
การเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือ การผ่าตัดปรับรูปทรงจมูกให้เปลี่ยนแปลงไป ตามความต้องการของแต่ละบุคคล โดยการใช้วัสดุสังเคราะห์ หรืออวัยวะของผู้ที่ต้องการเสริมเอง เช่น ซิลิโคน เนื้อเยื่อเทียม หรือกระดูกซี่โครงในการปรับแต่ง ซึ่งการเสริมจมูกสามารถปรับทรงได้ทั้งบริเวณสันจมูกและปลายจมูก เพื่อให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมกับรูปหน้ามากที่สุด โดยสามารถเลือกทรงเองได้ว่าอยากได้แบบไหน
นอกจากนี้ ศัลยกรรมจมูกเป็นศิลปะแห่งการออกแบบซิลิโคน ให้มีรูปทรงรับกับรูปหน้า และกำหนดรูปร่างซิลิโคนให้พอดีพอเหมาะกับเนื้อจมูกของแต่ละบุคคลที่รับไหว ซึ่งคุณหมอเกียร์มีความเชี่ยวชาญทางศาสตร์และทางศิลป์ เกี่ยวกับการออกแบบและเหลาซิลิโคนให้เข้ากับใบหน้าและเน้นความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก เพราะถ้าทรงสวยเพียงอย่างเดียว แต่โด่งเกินไป ที่เนื้อจมูกจะรับไหว ก็จะเกิดการทะลุตามมาค่ะ
เทคนิคการเสริมจมูกแบบไหนที่คนนิยม
หลายคนอาจสงสัยว่า เทคนิคการเสริมจมูกแบบไหนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในปัจจุบันการเสริมจมูกเทคนิคกึ่งเปิด หรือ Semi-open เริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลาย เนื่องจากข้อดีที่ได้กล่าวไปข้างต้น ทั้งการที่สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้เหมือนการเสริมแบบเปิดหรือโอเพ่น แต่มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำกว่า ไม่มีแผลเป็น และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนความเสี่ยงต่างๆ น้อยกว่ามาก และเป็นเทคนิคที่คุณหมอเกียร์เลือกใช้ เนื่องจากคุณหมอมีประสบการณ์ในการทำศัลยกรรมทั้ง แบบปิด แบบเปิด และ แบบกึ่งเปิด ซึ่งค้นพบว่า วิธีที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดสำหรับคนไทยและชาวเอเชีย คือ แบบกึ่งเปิดค่ะ
โดยรูปแบบการศัลยกรรมเสริมจมูกสามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 รูปแบบ คือ การเสริมแบบเปิด แบบกึ่งเปิด และแบบปิด ซึ่งแต่ละรูปแบบจะเหมาะกับรูปทรงของจมูกที่แตกต่างกัน ดังนี้
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) คือ การเปิดแผลให้เห็นโครงสร้างด้านในจมูกทั้งหมด เป็นการเปิดแผลที่เนื้อฐานจมูกที่อยู่ระหว่างรูจมูกทั้ง 2 ข้างด้วย หมอจะสามารถเห็นโครงสร้างด้านในได้อย่างชัดเจน ว่ามีความผิดปกติตรงส่วนใดบ้าง รูจมูกทั้ง 2 ข้างมีความไม่เท่ากันหรือมีรูปร่างอย่างไร และแก้ไขได้ตรงจุดเลย แต่ข้อเสียข้อใหญ่ที่สุดเลย คือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของความเสียหายต่อโครงสร้างจมูกโดยที่ไม่จำเป็น เพิ่มโอกาสการเกิดพังผืดดึงรั้งให้จมูกสั้นและรั้นเชิดขึ้นมา พังผืดอาจดึงรั้งให้จมูกเอียง หรือรูจมูกสองข้างไม่เท่ากันได้ อาจมีปัญหาตามมาเรื่องกระดูกใบหน้ายุบไม่เท่ากันตามมา หากมีการทุบตอกฐานจมูก การเสริมจมูกแบบเปิดจะเหมาะสำหรับชาวคอเคเซียน ชาวตะวันออกกลาง ที่มีกระดูกจมูกที่ใหญ่มาก หรือเอียงมาก ต้องศัลยกรรมหรือตัดกระดูกออก
เหมาะกับใคร?
การเสริมจมูกแบบเปิดจะเหมาะสำหรับคนที่พื้นฐานกระดูกจมูกที่ใหญ่ จมูกสั้น จมูกเบี้ยวเอียงในระดับที่มาก การมีกระดูกฮัมพ์ที่สูงมากเกินไปในผู้หญิง หรือมีปัญหารูจมูกเชิด เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับให้รูปทรงจมูกของตัวเองให้ดูยาวขึ้น หรือต้องการเสริมให้ได้รูปทรงหยดน้ำ
ข้อดี
- แก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด
- แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างทั้งหมดด้วยตาเปล่า
ข้อเสีย
- เกิดภาวะแทรกซ้อนได้มาก โดยที่ไม่จำเป็น
- แผลเป็น พังผืด คีลอยด์ เกิดได้มาก
- โอกาสที่จมูกจะหดรั้งเป็นจมูกหมู จมูกผิดรูปได้มาก
การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Rhinoplasty) เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อจากเทคนิค Open เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายและสำคัญ เช่น การขาดเลือดของเนื้อเยื่อ เนื้อจมูกตาย อักเสบติดเชื้อ พังผืดดึงรั้งให้จมูกสั้นและผิดรูป เป็นต้น โดยการเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด จะเป็นการเปิดแผล 2 ข้าง ทำให้เห็นโครงสร้างจมูกด้านใน ได้แก่
- กระดูกจมูก (Nasal Bone)
- กระดูกอ่อนปลายจมูก (Lateral Cartilage)
- เนื้อเยื่อและไขมัน (Dermofat)
- เส้นเลือด (Vessel)
โดยไม่มีแผลกลางจมูก ซึ่งเป็นการลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่กล่าวไปข้างต้น และตัดปัญหาการเกิดรอยแผลเป็นคีลอยด์ที่เนื้อฐานจมูกที่อยู่ระหว่างรูจมูกทั้ง 2 ข้าง (Collumella) ซึ่งการเสริมจมูกแบบ Semi-open นี้ ค่อนข้างครอบคลุมการแก้ไขโครงสร้างจมูกของคนไทยได้แทบจะทั้งหมด โดยเกิดปัญหาตามมาน้อยสุด บวมช้ำน้อย ฟื้นตัวไว ด้วยโครงสร้างพื้นฐานกระดูกและเนื้อเยื่อต่างๆ ของชาวเอเชีย จึงทำให้ฐานกระดูกจมูกคนไทยแทบจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสริมจมูกแบบ Open เลย
เหมาะกับใคร?
การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิดเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับให้จมูกดูเรียวลง หรือดูมีความโด่งมากขึ้น โดยมีฐานจมูกเดิมไม่กว้างมาก และการแก้ปัญหารูปทรงจมูกที่สามารถใช้การตะไบตกแต่งโครงสร้างเดิมได้
ข้อดี
- ไม่มีแผลเป็นด้านนอกเลย ทั้งแผลเปิดศัลยกรรมจมูก และแผลตอกฐาน เนื่องจากซ่อนแผลเป็นไว้ด้านในทั้งหมด
- แก้ไขปัญหาโครงสร้างทุกอย่างได้เหมือนการเสริมจมูกแบบเปิด ทั้งบริเวณฐานจมูกและปลายจมูก
- ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการเสริมแบบเปิด
- บวมช้ำน้อยมาก ฟื้นตัวไว แผลหายเร็ว
ข้อเสีย
- แก้ปัญหาจมูกบางอย่างได้ไม่ดีเท่ากับเทคนิคการเสริมแบบเปิด เช่น การทุบฐานเพื่อปรับรูปทรงจมูกของชาวยุโรป หรือตะวันออกกลาง ที่ฐานจมูกเดิมมีขนาดใหญ่
การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) ถือเป็นวิธีการเสริมจมูกที่มีความซับซ้อนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเทคนิคอื่น โดยเป็นการเปิดแผลข้างเดียวและใส่ซิลิโคนเข้าไป ทั้งนี้ เป็นวิธีที่ไม่แนะนำเพราะอาจเกิดปัญหาความไม่เท่ากันตามมาได้มาก เพราะไม่สามารถปรับโครงสร้างทั้งสองข้างให้เท่ากันได้ หากเปิดแผลข้างเดียว ช่องจมูกที่เปิดจะกว้างไม่เท่ากันทั้งสองข้าง เกิดปัญหาซิลิโคนเอียง ซิลิโคนลอย เนื้อจมูกและฐานจมูกดูเอียงมากกว่าเดิมได้ การเสริมจมูกแบบปิดเป็นเพียงการเพิ่มความโด่งของสันจมูก แต่ไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างรูปทรงของฐานจมูกที่กว้าง หรือ ทรงของปลายจมูกที่ใหญ่ไม่ได้รูป
เหมาะกับใคร?
การเสริมจมูกแบบปิดเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับจมูกให้ดูโด่งสวย หรือเรียวมากขึ้น โดยมีพื้นฐานจมูกเดิมบริเวณดั้งถึงปลายจมูกที่ดี หรือไม่ค่อยมีปัญหามากนัก
ข้อดี
- ฟื้นตัวไว บวมน้อย เนื่องจากรบกวนเนื้อเยื่อน้อยที่สุด
- มีแผลข้างเดียว
ข้อเสีย
- โอกาสที่ซิลิโคนจะเอียงและลอยสูงมาก เนื่องจากเป็นการเปิดแผลที่ไม่สมมาตรกัน
- โอกาสที่เนื้อจมูก และ รูจมูก 2 ข้างจะไม่เท่ากันมีค่อนข้างมาก
- ไม่สามารถปรับโครงสร้างปัญหาจมูกได้ ในการเสริมจมูกแบบปิด
การเสริมจมูกสามารถใช้วัสดุอะไรเสริมจมูกได้บ้าง
เทคนิคที่ใช้ในการศัลยกรรมเสริมจมูกมีด้วยกันหลายรูปแบบ ทั้งรูปแบบเปิด กึ่งเปิด หรือปิด เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาจมูกที่แตกต่าง และเพื่อให้ผู้รับบริการได้รูปทรงจมูกที่พอดีกับใบหน้ามากที่สุด โดยในการเสริมจมูกสามารถใช้ได้ทั้งวัสดุสังเคราะห์ หรืออวัยวะของผู้ที่เสริมเอง โดยวัสดุที่สามารถใช้ได้ จะมีดังนี้
ซิลิโคน
ซิลิโคนถือเป็นหนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยมในการเสริมจมูกมาก เนื่องจากมีรูปทรงให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งซิลิโคนสำเร็จรูป ที่มีรูปทรงจมูกที่แน่นอน มีปัญหาเอียงน้อย และซิลิโคนแบบแท่ง ที่แพทย์สามารถนำมาเหลาเพื่อให้ได้รูปทรงจมูกที่เหมาะกับผู้รับบริการมากที่สุด โดยในปัจจุบันซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกจะแบ่งออกเป็น 2 เกรด ดังนี้
- Implant Grade เป็นซิลิโคนเกรดที่มีความบริสุทธิ์มาก เพื่อให้สามารถฝังในร่างกายของมนุษย์ได้ตลอดทั้งชีวิต
- Medical Grade เป็นซิลิโคนเกรดที่มีความบริสุทธิ์น้อยกว่าแบบ Implant แต่สามารถใช้ในการศัลยกรรมจมูกได้ ทั้งนี้ ยังไม่มีการทดสอบสารพิษสะสมในร่างกายแบบระยะยาว
กระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อของตัวเอง
กระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อของตัวผู้เสริมจมูกเอง ถือเป็นอีกวัสดุที่นิยมใช้ในการศัลยกรรมจมูก เนื่องจากเป็นอวัยวะของตัวเอง จึงช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติ และช่วยลดโอกาสการเกิดอาการแพ้ตามมา ทั้งนี้ การใช้อวัยวะของร่างกายตัวเองในการเสริมจะมีข้อจำกัดในการเสริมหรือการปรับรูปทรงจมูกมากกว่า เมื่อเทียบกับการใช้วัสดุสังเคราะห์ จึงนิยมใช้ในการแต่งช่วงปลายจมูกมากกว่า โดยกระดูกอ่อนหรือเนื้อเยื่อที่นิยมนำมาใช้ในการเสริมจมูก มีดังนี้
- กระดูกอ่อนหลังใบหู นิยมนำกระดูกอ่อนหลังใบหูมาปรับหรือเสริมช่วงปลายจมูก เพื่อป้องกันการทะลุของซิลิโคน จะช่วยให้ปลายจมูกดูพุ่งมากยิ่งขึ้น แต่จะไม่เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อปลายจมูกบาง เพราะอาจทำให้มองเห็นขอบกระดูกอ่อนได้
- กระดูกอ่อนผนังจมูก นิยมใช้ในการผ่าตัดจมูกแบบเปิด โดยจะใช้เทคนิคการยืดผนังกั้นจมูก เพื่อให้ปลายจมูกดูยาวมากขึ้น ซึ่งจะใช้ในกลุ่มผู้มีปัญหาช่วงปลายจมูกที่สั้นมาก แต่อาจจะทำให้ปลายจมูกค่อนข้างแข็งและขยับได้ลดลง
- กระดูกซี่โครง นิยมใช้ในกรณีที่แก้จมูกผิดรูปรุนแรง หรือผู้ที่เคยใช้กระดูกอ่อนส่วนอื่นๆ เช่น ผนังจมูก หรือหลังหู ไปแล้ว รวมถึง ผู้ที่ต้องการเสริมจมูกโดยไม่ใช้วัสดุสังเคราะห์ โดยมีข้อเสียคือจะต้องเปิดแผลขนาดใหญ่ และปลายจมูกจะค่อนข้างแข็ง
- เนื้อเยื่อก้นกบ นิยมใช้ตกแต่งช่วงปลายจมูก เพื่อทำให้จมูกดูยาวและละมุนขึ้น แต่เป็นบริเวณที่การดูแลแผลค่อนข้างยาก และอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
เนื้อเยื่อเทียม
เนื้อเยื่อเทียม (Acellular Dermal Matrix) หรือโครงสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน มีลักษณะเป็นแผ่นและมีรูพรุนคล้ายกับเนื้อเยื่อของมนุษย์ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการศัลยกรรม โดยสามารถนำมาใช้ในการเสริมจมูกได้ ดังนี้
- รองปลายจมูก สามารถใช้เนื้อเยื่อเทียมรองปลายในการเสริมจมูกได้ โดยคุณหมอจะตัดตกแต่งชิ้นเนื้อเยื่อเทียมให้มีรูปทรงและความหนา ที่เหมาะสมที่สุดกับโครงสร้างจมูกของคนไข้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ออกมาตามที่ต้องการ โดยไม่ควรใส่เยอะเกินที่เนื้อจมูกจะรับไหว เนื่องจากจะทำให้แผลไม่ติด ปลายจมูกแดง จมูกอักเสบและติดเชื้อเป็นหนองตามมา หากเกิดปัญหาดังกล่าวแล้ว ต้องถอดซิลิโคนและเนื้อเยื่อเทียมออก เพื่อพักจมูกให้หายดีก่อนอย่างน้อย 3 เดือนถึงจะเสริมใหม่ได้
- ใส่ที่สันจมูก สามารถเพิ่มความโด่งของสันจมูกด้วยการเสริมเนื้อเยื่อเทียมได้เช่นกัน แต่ไม่แนะนำ เนื่องจาก โอกาสที่จะแกนจะลอย ขยับได้ไปมา และเบี้ยวเอียงสูงมาก เนื่องจากเนื้อเยื่อเทียมมีความหนาแน่นเหมือนฟองน้ำแข็งๆ ซึ่งค่อนข้างนิ่มและไม่สามารถกำหนดทิศทางได้เหมือนซิลิโคน และสันจมูกจากการเสริมเนื้อเยื่อจะดูหนาๆใหญ่ๆ สันไม่คม เพราะเหมือนเราเข้าไปเพิ่มเนื้อให้มีปริมาณมากขึ้นในบริเวณนี้ แต่ไม่ได้เพิ่มโครงเพื่อเลียนแบบกระดูกจมูกเหมือนที่ซิลิโคนทำได้ หากเสริมซิลิโคนที่สันจมูก คุณหมอสามารถเสริมเข้าไปใต้เยื่อหุ้มกระดูกได้ จะทำให้สันไม่เอียง ไม่ลอย ดูคมสวยเป็นธรรมชาติ เหมือนกระดูกจมูกจริงมากที่สุด สันจมูกตรง โอกาสที่จะเอียงน้อยมาก ซึ่งแนะนำการเสริมสันจมูกด้วยซิลิโคนจะดีที่สุดค่ะ
ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเสริมจมูก
เนื่องจากแต่ละคนมีรูปทรงจมูกเดิมที่แตกต่างกันออกไป ในการเลือกเทคนิคในการเสริมจมูก ไม่ว่าจะเป็นแบบเปิด แบบกึ่งเปิด หรือแบบปิดนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย เพราะสามารถส่งผลต่อการเลือกรูปแบบการเสริมและผลลัพธ์หลังการเสริมได้ ดังนี้
เนื้อจมูก
เนื้อจมูกถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่งผลต่อการเสริมจมูก เพราะหากเสริมจมูกให้โด่งมากเกินกว่าที่กล้ามเนื้อบริเวณจมูกจะรับได้ จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดปัญหาซิลิโคนทะลุตามมา ทำให้คนที่มีรูปจมูกสั้น หรือจมูกขนาดเล็ก หากต้องการเสริมจมูกเพื่อเพิ่มความโด่ง จะสามารถทำให้โด่งได้น้อยกว่าคนที่มีเนื้อจมูกมาก
ทรงหน้า
เนื่องจากแต่ละคนมีเครื่องหน้า และขนาดของอวัยวะบนใบหน้าที่แตกต่างกันออกไป รูปทรงจมูกที่เหมาะสมกับใบหน้าจะช่วยเพิ่มมิติ และสร้างความสมดุลให้กับภาพรวมบนใบหน้าได้ โดยใบหน้ารูปทรงต่างๆ จะเหมาะกับทรงจมูกที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ใบหน้ารูปไข่ ถือเป็นรูปหน้าที่มีความสมดุลของอวัยวะต่างๆ อย่างลงตัว จึงเหมาะกับจมูกทุกรูปทรง แต่จะเหมาะกับจมูกทรงหยดน้ำเป็นพิเศษ
- ใบหน้ารูปเพชร จะเป็นใบหน้าที่มีจุดเด่นอยู่บริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้าง โดยมีหน้าผากและคางเป็นจุดที่แคบที่สุด จะเหมาะกับเสริมจมูกทรงหยดน้ำ เพื่อให้ปลายจมูกดูพุ่งและโดดเด่นกว่าโหนกแก้ม
- ใบหน้ายาว เป็นรูปทรงใบหน้าที่ใกล้เคียงกับใบหน้ารูปไข่ แต่จะมีส่วนล่างของใบหน้าที่ดูยาวกว่า เหมาะกับการเสริมจมูกให้ปลายเชิดขึ้น ซึ่งจะช่วยดึงสายตา และเพิ่มลุคให้ดูเป็นสาวมั่นใจ และโฉบเฉี่ยว
- ใบหน้ารูปเหลี่ยม เป็นรูปหน้าที่มีความกว้างของหน้าผากและขากรรไกรเท่ากัน ควรเสริมจมูกให้ปลายพุ่ง เพื่อให้ใบหน้าดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
- ใบหน้ากลม โดยส่วนใหญ่คนใบหน้ารูปกลมมักจะมีปัญหาที่จมูกยังไม่ได้สัดส่วน การตัดปีกจมูกจะช่วยเพิ่มมิติและทำให้ดูมีสันจมูกมากขึ้น นอกจากนี้การแก้ไขด้วยการตัดปีกจมูก ยังเหมาะกับคนที่มีจมูกรูปทรงชมพู่ หรือปีกจมูกกว้างอีกด้วย
ทรงจมูกเดิม
รูปทรงจมูกเดิมเป็นพื้นฐานที่มีผลต่อการเลือกรูปแบบการเสริมจมูก สำหรับผู้ที่มีโครงสร้างจมูกตั้งแต่ส่วนปลายจมูกถึงส่วนดั้งจะสามารถเสริมจมูกรูปแบบปิดได้ ส่วนคนเอเชียที่ต้องการปรับโครงสร้างของจมูกเดิม เช่น ทำให้จมูกดูเรียวลง หรือดูมีความโด่งมากขึ้น สามารถใช้การผ่าตัดแบบกึ่งเปิดได้ แต่ในกรณีของคนที่มีฐานจมูกเดิมใหญ่ เช่น กลุ่มคนยุโรป หรือตะวันออกกลาง จะเหมาะกับการผ่าตัดแบบเปิดมากกว่า
การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูก
- แจ้งประวัติสุขภาพ และประวัติการรักษาให้ครบถ้วนก่อนผ่าตัด เช่น โรคประจำตัว ยาประจำตัว ประวัติการผ่าตัดอื่นๆ ประวัติการแพ้ยา และการแพ้อาหาร
- งดสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 เดือน
- งดการแต่งหน้า ใส่คอนแทคเลนส์ ฟันปลอม และเครื่องประดับทุกชนิดก่อนการผ่าตัด ถ้ามีสิ่งที่ไม่สามารถถอดออกได้ จำเป็นต้องแจ้งแพทย์ร่วมด้วย
- งดรับประทานวิตามินทุกชนิดก่อนทำ 7-10 วัน
- งดรับประทานยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพราะยากลุ่มนี้จะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวได้ยาก
- ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ
การดูแลหลังการเสริมจมูก
- งดวิตามิน อาหารเสริม และอาหารรสเค็มจัด เช่น มาม่า คัพโจ๊ก หลังทำศัลยกรรม 1 เดือน
- งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ หมักดองของแสลง อาหารทะเล หลังทำศัลยกรรม 1 เดือน
- ประคบเย็น 5 วันแรกหลังทำศัลยกรรม นับพรุ่งนี้เป็นวันที่ 1 ประคบบริเวณ หน้าผาก ตา และ แก้ม 2 ข้าง ไม่ให้โดนจมูก ไม่จำเป็นต้องประคบที่หลังหู โดย 3 วันแรกจะบวมจนตาปิดและช้ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นหลังทำศัลยกรรม หากหมั่นประคบเย็น จะยุบบวมเร็วมาก
- ประคบอุ่น 5 วัน หลังประคบเย็น สามารถประคบได้ถึง 3 เดือน จะทำให้ยุบบวมเร็ว ไม่จำเป็นต้องประคบที่หลังหู
- เลือดไหลออกจากแผล ใน 3 วันแรก ถือเป็นเรื่องปกติ ความบวมจะได้ไม่บวมและคั่งด้านบน ให้ซับแผลด้วยคัตตอนบัตสเตอร์ไรด์ให้สะอาด ห้ามมีสะเก็ดเกรอะกรังที่แผล หากมีให้ใช้คัตตอนบัตสเตอร์ไรด์ชุบน้ำเกลือวางบนแผลไว้ให้สะเก็ดนิ่มลง และค่อยๆ เช็ดออกให้แผลสะอาดตลอด ทั้งที่หลังหูและจมูก
- แผลบริเวณจมูก ให้เช็ดแผลด้วยน้ำเกลือสเตอร์ไรด์ และซับให้แห้งทุกครั้ง เช้า เย็น หรือบ่อยตามต้องการหากมีสะเก็ด ส่วนหลังหูให้แกะผ้าก๊อซสเตอร์ไรด์ที่ติดไปให้ในวันที่ 4 หลังทำ และทำแผล เช้า เย็น เช่นเดียวกัน
- ห้ามโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหมที่หลังหู 1 สัปดาห์หลังทำ และที่จมูก 2 สัปดาห์หลังทำ
- นอนหน้าตรงหัวสูง หนุนหมอน 2-3 ใบ และใช้หมอนโดนัทล็อกคอให้ตรง ไม่นอนตะแคง 1 เดือน ป้องกันการเบี้ยวเอียง
- ยาแก้อักเสบและยาลดบวมให้ทานให้หมด ยาแก้ปวดให้ทานทุก 4-6 ชม. ใน 3 วันแรก หลังจากนั้นทานเมื่อมีอาการ
- ห้ามออกกำลังกาย และใส่แว่น 1 เดือนหลังทำศัลยกรรม
- ทานยาลดน้ำมูกหากมีน้ำมูก ห้ามให้น้ำมูกโดนแผลเด็ดขาด
- ไม่ควรเม้มปาก หรือ ขมวดคิ้ว จะทำซิลิโคนไหลลง
- กินไข่ได้วันละ 1 ฟอง กินไก่/หมู/เนื้อ/ปลาน้ำจืด ได้ตามปกติ
- เทปเฝือกอ่อนที่ติดไป ให้แกะออกวันที่6 นับพรุ่งนี้เป็นวันที่ 1 โดยแกะซ้ายขวาพร้อมกัน ค่อยๆ ดึงออกมาตรงกลาง
รู้ได้อย่างไรว่าควรทำจมูกที่ไหนดี ?
-
- การได้ทรงจมูกที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือขาดความสมมาตร
- ปัญหาซิลิโคนเสริมจมูกทะลุ เนื่องจากเป็นการเสริมจมูกให้โด่งมากเกินไป และไม่สอดคล้องกับความหนาของเนื้อจมูก
- ปัญหาจมูกเบี้ยว เนื่องจากซิลิโคนที่ใช้มีขนาดใหญ่เกินไป
เสริมจมูกที่ไหนดี? รวมรีวิวการเสริมจมูกในแต่ละแบบจากชัญญา คลินิก
สำหรับใครที่กำลังมองคลินิกเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ เพื่อรับบริการ ที่ชัญญา คลินิก เป็นคลินิกศัลยกรรมความงาม และปรับรูปหน้า ที่มีบริการเสริมจมูก มาพร้อมกับหมอเกียร์ ศัลยแพทย์มากประสบการณ์ ที่มีความชำนาญในการผ่าตัดเสริมจมูกทั้ง 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบเปิด แบบกึ่งเปิด หรือแบบปิด พร้อมรีวิวจากผู้รับบริการ ซึ่งราคาในการเสริมจมูกที่ชัญญา คลินิก เริ่มต้นที่ 15,999 บาทเท่านั้นค่ะ
รีวิว 1 จากเคสจะเห็นว่า บริเวณของจมูกจะดูโด่งมากขึ้น และเห็นสันจมูกชัดเจน
รีวิว 2 จากเคสจะเห็นว่า จะเห็นว่าจมูกได้รูปทรง ดูมีส่วนสัน และปลายจมูกดูมีความหนาได้รูปมากขึ้น
รีวิว 3 จากเคสจะเห็นว่า หลังเสริมแล้วส่วนของจมูกดูมีมิติ และรับกับรูปหน้ามากยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
สาวๆ คนไหนที่มีคำถามสงสัย อยากจะหาคำตอบเกี่ยวกับการเสริมจมูก ช้ญญา คลินิกได้รวบรวมมาให้อ่านกันแล้วค่ะ