fbpx

🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

Oligio นวัตกรรมยกกระชับผิวหน้า แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร

Oligio นวัตกรรมยกกระชับผิวหน้า แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร
Oligio นวัตกรรมยกกระชับผิวหน้า แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร

Key Takeaway

  • Oligio คือเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) แบบไม่ต้องผ่าตัด ช่วยฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และปรับผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และไม่ต้องพักฟื้น  
  • Oligio ใช้พลังงานแบบ Monopolar RF ส่งผ่านความร้อนเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว และสลายไขมัน
  • Oligio ช่วยยกกระชับผิวหน้า และลำคอ ลดความหย่อนคล้อย ปรับกรอบหน้าให้ชัด ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ พร้อมฟื้นฟูความยืดหยุ่น และความเรียบเนียนของผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Better Me Clinic by Dr.Chanya ทำทุกหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ พร้อมใช้เทคนิคการออกแบบเฉพาะบุคคล เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย ใช้ผลิตภัณฑ์มีมาตรฐาน มีนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยให้คุณดูดีและมั่นใจขึ้นได้ในแบบของตัวเอง

Oligio ดีอย่างไร ทำไมต้องที่ Better Me Clinic

Oligio คือเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ที่ได้รับความนิยมสำหรับการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างชัดเจน

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้กระชับ และดูอ่อนเยาว์ ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย เช่น ยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า ฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิว หรือลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า ซึ่งมีข้อดีตรงที่มีความปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น เห็นผลลัพธ์เร็ว ชัดเจน และเหมาะกับทุกสภาพผิว

อยากทำ Oligio ราคาดี ผลลัพธ์สวยถูกใจ ต้องที่ Better Me Clinic by Dr.Chanya ที่นี่ดำเนินการรักษาโดยแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ด้านความงามมายาวนาน 8 ปี  และเป็นอาจารย์สอนหลักสูตรการอบรมด้านเวชศาสตร์ความงามจากองค์กร ABAM จากอเมริกาคนเดียวในไทย มาพร้อมกับเทคนิคใหม่แบบ Better Me ที่เน้นการออกแบบที่สวยงาม เหมาะกับใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคเฉพาะจากประเทศเกาหลี เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย คุณหมอทุกท่านให้ความสำคัญกับคนไข้ทุกเคส ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน พร้อมนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ทุกคนได้เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพิ่มความมั่นใจ และสวยที่สุดในราคาที่จับต้องได้

หากคุณกำลังประสบปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย หรือมีไขมันส่วนเกินมาทำให้สูญเสียความมั่นใจ บทความนี้ขอแนะนำให้มารู้จักกับ Oligio นวัตกรรมการยกกระชับผิวหน้า โดดเด่นในด้านการใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างชัดเจน มาทำความรู้จักกับนวัตกรรม Oligio ให้มากขึ้น พร้อมเปรียบเทียบกับหัตถการอื่นๆ หาคำตอบได้ที่นี่!

ทำความรู้จัก Oligio นวัตกรรมยกกระชับมาแรง

ทำความรู้จัก Oligio นวัตกรรมยกกระชับมาแรง

Oligio เป็นนวัตกรรมใหม่ในการยกกระชับผิว ด้วยการใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency แบบ Monopolar RF ที่มีคลื่นวิทยุความถี่ 6.78 MHz สามารถปล่อยพลังงานออกมาได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้เกิดอุณหภูมิสูงเพียงพอต่อการกระตุ้นเซลล์ผิวใต้ชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ ลดไขมันส่วนเกิน และช่วยทำให้ผิวดูมีความอ่อนเยาว์มากขึ้น และเป็นหัตถการที่ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลักการรักษา เห็นผลลัพธ์ได้ทันที

หลักการทำงานอย่างไรของเครื่อง Oligio

หลักการทำงานของ Oligio มีรายละเอียดต่างดังนี้

  • ส่งคลื่น RF ลงลึก โดยจะส่งพลังงานคลื่นวิทยุลงไปในชั้นผิวหนังที่ลึกประมาณ 3 มิลลิเมตรซึ่งเป็นชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Fat) 
  • เปลี่ยนพลังงานเป็นความร้อน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ที่จะช่วยให้ผิวยกกระชับ เต่งตึง และลดความหย่อนคล้อย รวมถึงทำให้ผิวดูมีความอ่อนเยาว์ และแลดูสุขภาพดี
  • ควบคุมอุณหภูมิ ระบบของ Oligio จะมีการตรวจสอบอุณหภูมิของผิวหนังตลอดระยะเวลาทำหัตถการ ทำให้แพทย์รู้ถึงอุณหภูมิผิวแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยป้องกันความร้อนมากเกินไป และช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการข้างเคียงต่างๆ
  • ลดความเจ็บปวด ระบบของ Oligio จะมีระบบสั่นที่สามารถช่วยป้องกันและลดอาการเจ็บในระหว่างทำ และมีระบบทำความเย็นที่ช่วยลดอาการข้างเคียงต่างๆ ได้ เช่น ผิวแดง ผิวไหม้ หรืออาการระคายเคือง เป็นต้น 
Oligio ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

Oligio ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

หัตถการยกกระชับ Oligio มีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ ได้ ดังนี้

  • ยกกระชับผิว ช่วยลดปัญหาความหย่อนคล้อย ส่งผลให้ผิวดูกระชับ และเต่งตึงมากขึ้น
  • ลดไขมันส่วนเกิน ช่วยลดไขมันส่วนเกินที่สะสมใต้ผิว เช่น กรอบหน้า และเหนียง
  • กระชับรูขุมขน ช่วยทำให้รูขุมขนกระชับ แลดูเล็กลง และเรียบเนียนขึ้น
  • ลดริ้วรอย ช่วยลดเลือนริ้วรอยบริเวณต่างๆ ให้ดูจางลง เช่น หน้าผาก หรือรอบดวงตา
  • เพิ่มคุณภาพของคอลลาเจน และอีลาสติน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวมีความหนา และแข็งแรงขึ้น
  • ฟื้นฟูผิวระยะยาว ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ใต้ผิว ทำให้โครงสร้างผิวได้รับการฟื้นฟู และแข็งแรงขึ้นได้ในระยะยาว ส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้น

Oligio เหมาะกับใครบ้าง

Oligio เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวต่างๆ ดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ และต้องการยกกระชับ
  • ผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบนใบหน้า หรือกรอบหน้าไม่ชัด
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก หรือลำคอ
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน หรือรูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นบนหน้าผาก
  • ผู้ที่มีปัญหาเนื้อแก้มเยอะหรือมีเหนียง
  • ผู้ที่มีปัญหาเปลือกตาตก
  • ผู้ที่มีปัญหามุมปากตก
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความกระชับและดูเล็กลง
  • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์
  • ผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดผิวหย่อนคล้อยในอนาคต

Oligio ทำตำแหน่งไหนดี

นอกจากการทำหัตถการยกกระชับ Oligio จะสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลายแล้ว ก็ยังสามารถทำในตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างหลากหลายเช่นกัน โดยตำแหน่งที่สามารถทำ Oligio ได้ มีดังนี้

  • บริเวณหน้าผาก ช่วยลดริ้วรอย และยกกระชับผิวบริเวณหน้าผากให้ดูเต่งตึง และเรียบเนียน 
  • บริเวณรอบดวงตา ช่วยลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา หางตา และช่วยแก้ไขปัญหาเปลือกตาตก
  • บริเวณแก้ม ช่วยสลายไขมันส่วนเกิน ปรับความหย่อนคล้อย และยกกระชับผิวบริเวณแก้ม
  • บริเวณกรอบหน้า ช่วยยกกระชับกรอบหน้าให้ดูเรียว กระชับ และปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนมากขึ้น
  • บริเวณริมฝีปาก ช่วยลดริ้วรอยร่องลึกในระยะเริ่มต้น และช่วยแก้ไขปัญหามุมปากตก
  • บริเวณใต้คาง หรือเหนียง ช่วยสลายไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณใต้คาง หรือเหนียง
  • บริเวณลำคอ ช่วยลดริ้วรอย และแก้ไขความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณลำคอ
เปรียบเทียบ Oligio กับหัตถการอื่นๆ ต่างกันมากไหม

เปรียบเทียบ Oligio กับหัตถการอื่นๆ ต่างกันมากไหม

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะทำหัตถการยกกระชับ Oligio หรือหัตถการอื่นๆ เช่น Thermage, HIFU, Ultherapy หรือ RF Microneedling แต่กำลังสงสัยว่าระหว่าง Oligio กับหัตถการอื่นๆ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง มาหาคำตอบพร้อมกันได้ที่นี่

เปรียบเทียบ Oligio กับ Thermage

Thermage คือ หัตถการยกกระชับที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวมีความกระชับ และช่วยลดริ้วรอยได้ดี และสามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า และร่างหาย ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ Oligio 

Oligio กับ Thermage จะแตกต่างกันตรงที่ Oligio จะเข้าถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) หรือชั้นไขมันใต้ผิวเท่านั้น แต่ Thermage จะสามารถเข้าถึงชั้นผิวหนังแท้ SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้ Thermage เน้นไปที่การยกกระชับผิวที่ชั้น SMAS ต่างจาก Oligio ที่เน้นการยกกระชับ และการลดไขมัน 

สรุปได้ว่าทั้ง Oligio กับ Thermage นั้นช่วยยกกระชับผิวได้ดี แต่ Thermage จะมีพลังงานที่สูงกว่า ทำให้กระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่า และส่งผลให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน ในขณะที่ Oligio อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน และด้วยพลังงานที่สูงกว่าอาจทำให้ระหว่างการรักษาด้วย Thermage นั้นอาจรู้สึกแสบร้อนมากกว่า ในขณะที่ Oiligio มีระบบทำความเย็นอัจฉริยะที่จะช่วยลดความเจ็บปวด หรืออาการแสบผิวในระหว่างทำหัตถการได้ดี

ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง
ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง

เปรียบเทียบ Oligio กับ HIFU

HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) คือหัตถการที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้สามารถช่วยยกกระชับผิวได้ดี และสามารถลงลึกไปถึงชั้นหนังถึงชั้น SMAS แต่ขาดความแม่นยำ 

Oligio ตรงที่จะเน้นการส่งพลังงานไปที่ชั้นผิวหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ระบบสแกน และการมองเห็น ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้การทำ HIFU นั้นอาจจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เพราะพลังงานส่งตรงถึงชั้น SMAS แต่ในขณะที่ Oligio จะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะมีระบบสั่น และระบบทำความเย็นที่ทำให้รู้สึกสบายมากกว่า 

สรุปได้ว่า HIFU จะเน้นการยกกระชับ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในช่วง 3-6 เดือน แต่น้อยกกว่า Oligio ที่อยู่ได้นาน 6-12 เดือน และจะเน้นการลดริ้วรอย และไขมันใต้ชั้นผิว รวมถึง Oligio ยังใช้คลื่นวิทยุ RF ที่ให้พลังงานสม่ำเสมอ ในขณะที่ HIFU ใช้คลื่นเสียงที่มีลักษณะเป็นจุด ทำให้ไม่สามารถกระจายพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้การทำ Oligio มีประสิทธิภาพมากกว่าในงบประมาณที่ใกล้เคียงกัน

เปรียบเทียบ Oligio กับ Ultherapy

Ultherapy  คือหัตถการยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ โดยสามารถลงลึกได้ถึงชั้นผิว SMAS เช่นเดียวกันกับ HIFU แต่จะมีความแม่นยำในการส่งพลังงาน และกระจายพลังงานได้สม่ำเสมอ ทำให้ช่วยยกกระชับผิวได้ดี พร้อมช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ ได้ เช่น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ยกกระชับผิวได้อย่างตรงจุด และฟื้นฟูโครงสร้างผิว เป็นต้น

ต่างจาก Oligio ตรงที่จะเน้นการยกกระชับ ด้วยการลดไขมัน และลดริ้วรอย ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นมีความแตกต่างกันตามไปด้วย รวมถึงในขณะที่ทำนั้น Ultherapy จะมีความเจ็บมากกว่า เพราะพลังงานเข้าถึงผิวชั้นลึก และมีอุณหภูมิความร้อนสูงถึง 60–70 องศาเซลเซียส แต่ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ในขณะที่ Oligio จะรู้สึกเจ็บน้อย หรือไม่เจ็บเลย เพราะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส พร้อมกับมีระบบสั่น และระบบทำความเย็น แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน 

สรุปว่าได้ Ultherapy และ Oligio นั้นส่งพลังงานไปยังชั้นผิวได้แตกต่างกัน และเน้นการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรทำการปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ เพื่อเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาผิวมากที่สุด

เปรียบเทียบ Oligio กับ RF Microneedling

RF Microneeding คือหัตถการยกกระชับผิวที่จะใช้เข็มไมโคร เพื่อส่งพลังงาน RF ลงไปยังชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยในการปรับสภาพผิว ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน และเหมาะกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด เช่น หลุมสิว รูขุมขนกว้าง และริ้วรอยตื้น แต่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นหลังทำ ในขณะที่ Oligio นั้นจะเป็นการส่งพลังงานเข้าไปยังชั้นผิวเพื่อยกกระชับ ทำให้แก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

รวมถึงความรู้สึกในระหว่างทำนั้น RF Microneedling อาจมีความเจ็บปวดมากกว่าเนื่องจากการใช้เข็ม แต่การ Oligio มีระบบสั่น และระบบทำความเย็น ที่ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวได้ 

สรุปได้ว่าการทำ RF Microneedling นั้นเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุด และมีเวลาในการพักฟื้น และ Oligio เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวในพื้นที่กว้าง และไม่มีเวลาพักฟื้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และปัญหาที่ต้องการแก้ไข จึงควรทำการปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมิน และเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด

การเตรียมตัวก่อนทำ Oligio

การเตรียมตัวก่อนทำ Oligio อย่างเหมาะสมนั้นจะช่วยให้การทำงานของ Oligio มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงต่างๆ ได้ โดยวิธีการเตรียมตัวก่อนทำ Oligio ที่ควรปฏิบัติ มีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดหรือสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA หรือ BHA อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดจัดเป็นเวลานานก่อนเข้ารับการทำ Oligio อย่างน้อย 3 วัน
  • งดการทำหัตถการอื่นๆ เช่น เลเซอร์ โบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ อย่างน้อย 3-4 สัปดาห์
  • ดื่มน้ำในปริมาณมาก หรือให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมในการฟื้นฟูผิว

หากมีบาดแผล หรือมีโรคผิวหนังในบริเวณที่ต้องการทำ Oligio ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

ขั้นตอนการทำ Oligio

สำหรับขั้นตอนในการทำ Oligio นั้นมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น และมีเพียงไม่กี่ขั้นตอน ดังนี้

  • ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าเพื่อชะล้างเครื่องสำอาง ครีมกันแดด สิ่งสกปรก และความมันบนผิวออก เพื่อให้ผิวพร้อมต่อการทำหัตถการ
  • แพทย์จะทาเจลเย็นบนผิวในบริเวณที่จะทำการรักษา เพื่อให้ผิวมีความเย็นและรู้สึกเจ็บในระหว่างทำหัตถการน้อยลง
  • แพทย์จะเปิดเครื่อง Oligio พร้อมกับตั้งค่าพลังงานให้เหมาะสมกับปัญหาผิว
  • แพทย์จะทำการใช้เครื่อง Oligio ในการยิงพลังงานลงไปในชั้นผิว โดยในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตหรือปัญหาผิวอื่นๆ ด้วย
  • หลังจากเสร็จสิ้นการรักษา แพทย์จะทำความสะอาดผิวให้อีกครั้ง ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio

การดูแลตัวเองหลังทำ Oligio อย่างถูกต้องนั้นจะช่วยให้ผลลัพธ์การทำ Oligio มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยคงผลลัพธ์ได้นานมากขึ้น และช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการข้างเคียงหลังทำได้ โดยวิธีการดูแลตัวเองหลังทำ Oligio ที่ควรปฏิบัติ มีดังนี้

  • งดกิจกรรมที่ทำให้ผิวเกิดความร้อน เช่น อบซาวน่า หรือออกกำลังกายหนัก ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ AHA BHA หรือเรตินอล
  • งดการสครับ หรือทำการผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่ทำ Oligio อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดการสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการอักเสบ และส่งเสริมให้ผิวฟื้นฟูได้ดี
  • หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ หรือหัตถการอื่นๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำร้อน และใช้น้ำอุณหภูมิในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน หรือถ้าหากออกแดดควรสวมหมวก หรือใช้ร่มทุกครั้ง
  • เน้นให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยปลอบประโลมผิว และให้ผิวฟื้นฟูได้ดี
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยเสริมสร้างการฟื้นตัวของผิวจากภายใน
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวบวมแดงเกิน 2-3 วัน หรือมีอาการแพ้ ควรติดต่อแพทย์ทันที
ทำ Oligio ที่ Better Me Clinic ดีกว่าอย่างไร?

ทำ Oligio ที่ Better Me Clinic ดีกว่าอย่างไร?

  • คุณหมอมีประสบการณ์ด้านความงามมายาวนาน 8 ปี 
  • คุณหมอเป็นอาจารย์สอนหลักสูตรการอบรมด้านเวชศาสตร์ความงามจากองค์กร ABAM จากอเมริกา คนเดียวในไทย
  • เทคนิคใหม่แบบ Better Me คลินิกเน้นการออกแบบที่สวยงาม เหมาะกับใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคเฉพาะจากประเทศเกาหลี
  • เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย คุณหมอทุกท่านให้ความสำคัญกับคนไข้ทุกเคส
  • คลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน พร้อมนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
  • Better Me Club มีการบริการด้วยหัวใจหลังศัลยกรรม หรือทำหัตถการ ด้วยบริการให้คำแนะนำโดยแอดมินสายตรง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ
  • เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพิ่มความมั่นใจและสวยที่สุดในราคาที่จับต้องได้

รีวิวก่อนและหลังทำ Oligio ที่ Better Me Clinic

สรุป

Oligio คือหัตถการยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นวิทยุแบบ Monopolar RF ที่เข้าถึงชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวได้อย่างแม่นยำ ทำให้ช่วยยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดไขมัน และแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ เช่น ริ้วรอย หรือความหย่อนคล้อย โดยมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น กลับมาใช้ชีวิตหลังทำได้อย่างปกติทันที 

Oligio ราคาดี ต้องมาที่ Better Me Clinic by Dr.Chanya ที่นี่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลเองทุกเคส พร้อมใช้เทคนิคการออกแบบเฉพาะบุคคล  เหมาะกับใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคเฉพาะจากประเทศเกาหลี รวมถึงใช้เทคนิคที่ช่วยให้เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน มีนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติ และดูดีขึ้นในแบบของตัวเอง

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ