fbpx

🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

HIFU (ไฮฟู่) คืออะไร? ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อยได้จริงไหม?

HIFU (ไฮฟู่) คืออะไร? ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อยได้จริงไหม?
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ HIFU (ไฮฟู่)

คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจว่าปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยจะเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แต่ความจริงแล้วปัญหาผิวหย่อนคล้อยนั้นไม่ได้เกิดจากปัจจัยเรื่องอายุเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดได้จากปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ทั้งการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจส โกรทฮอร์โมน แสงแดด ความเครียด และพฤติกรรมอื่นๆ ที่ส่งผลเสียต่อเซลล์ผิว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนเริ่มเจอกับปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยและริ้วรอยตั้งแต่อายุน้อยๆ 

แน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ แต่สำหรับใครที่อยากให้ผิวกลับมากระชับ เต่งตึงนวัตกรรม ไฮฟู่ (Hifu) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และกระชับผิวให้กลับมาเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ

มารู้จักกับไฮฟู่ หรือ HIFU ว่าคืออะไร? HIFU มีหลักการทำงานอย่างไร?

มารู้จักกับไฮฟู่ หรือ HIFU ว่าคืออะไร? HIFU มีหลักการทำงานอย่างไร?

นวัตกรรมไฮฟู่ หรือ Hifu นั้นย่อมาจากคำว่า High Intensity FocusedFocus Ultrasound เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวหน้าหรือผิวส่วนอื่นๆ ด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง โดยหลักการทำงานของไฮฟู่ คือ การใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงแทรกลงไปยังชั้นเนื้อเยื่อผิวที่ระดับชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) หรือชั้นเนื้อเยื่อที่แทรกอยู่ระหว่างชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมัน ซึ่งในชั้นนี้จะมีคอลลาเจนเกาะเกี่ยวกันเป็นเส้นใยทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว แต่เมื่อเนื้อเยื่อในชั้นนี้เสื่อมลงจะทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย ดังนั้นเมื่อเนื้อเยื่อผิวในชั้น SMAS ได้รับการกระตุ้นจากคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงจะเกิดการหดตัว และสร้างคอลลาเจนใหม่ ที่ทำให้เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ผิวบริเวณที่ทำไฮฟู่ดูกระชับ เกิดกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ริ้วรอยดูตื้น ดูเรียบเนียน กระจ่างใสดูสุขภาพดีขึ้น

HIFU ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

ไฮฟู่ เป็นนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลายปัญหา ดังนี้

    • ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและกระชับผิวได้ทุกส่วนของร่างกาย ทั้งใบหน้า สะโพก ต้นแขน ท้องแขน ต้นขา และหน้าท้อง รวมไปถึงส่วนอื่นๆ ที่เข้าถึงยาก
    • ช่วยปรับให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส เรียบเนียน และลดปัญหารูขุมขนบนใบหน้า
    • ช่วยลดปัญหาริ้วรอยบนผิวหน้า หน้าผาก ร่องแก้ม และบริเวณรอบดวงตาให้ตื้นขึ้น
    • ช่วยแก้ปัญหาหนังตาหย่อนคล้อยและยกคิ้วให้สูงขึ้น ช่วยให้ดวงตาดูกลมโตเป็นธรรมชาติ
    • ช่วยลดปัญหาชั้นไขมันใต้คางหรือคาง 2 ชั้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวและกรอบหน้าดูชัดเจนขึ้น
HIFU เหมาะกับผู้มีปัญหาผิวแบบใดบ้าง?

HIFU เหมาะกับผู้มีปัญหาผิวแบบใดบ้าง?

นวัตกรรมไฮฟูยกกระชับหน้า และแก้ปัญหาผิวได้ทุกเพศ ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งการทำไฮฟู่ตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวโทรม และริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย ส่วนคนที่มีปัญหาแล้วสามารถใช้วิธีนี้เช่นกัน โดยนวัตกรรมไฮฟู่เหมาะกับผู้ที่กำลังมีปัญหาผิวดังนี้

    • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยดูไม่กระชับ
    • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า
    • ผู้ที่มีปัญหาชั้นเหนียงใต้คางหรือคาง 2 ชั้น 
    • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องรูปหน้าและกรอบหน้าไม่ชัดเจน
    • ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิว แต่กลัวเข็มหรือการผ่าตัด และไม่อยากพักฟื้นนาน
HIFU สามารถทำส่วนใดได้บ้าง?

HIFU สามารถทำส่วนใดได้บ้าง?

ไฮฟู่นอกจากจะโดดเด่นเรื่องความปลอดภัยแล้ว นวัตกรรมนี้ยังมาพร้อมหัวยิงคลื่นอัลตราซาวนด์หลายขนาดความลึก ทำให้สามารถเข้าไปจัดการกับปัญหาผิวได้ทุกส่วนของร่างกาย ดังนี้

ใต้ตา

การทำไฮฟู่ที่บริเวณใต้ตาจะช่วยลดความหย่อนคล้อยของถุงใต้ตาให้เล็กลง ช่วยแก้ปัญหาหางตาตก และลดริ้วรอยบริเวณหางตา นอกจากนั้นยังตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัย เพราะการทำ Hifu ผลข้างเคียงน้อยและไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา

แก้ม

บริเวณแก้ม คือ หนึ่งในส่วนที่ใช้กักเก็บไขมันส่วนเกินของใบหน้า ซึ่งเมื่อผิวหน้าเกิดปัญหาหย่อนคล้อยก็จะทำให้หน้ากลายเป็นรูป U-Shape และทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ การทำไฮฟู่บริเวณแก้มจะทำให้ผิวบริเวณนี้ดูกระชับ แก้มไม่หย่อนคล้อย และใบหน้าดูเรียวขึ้น เนื่องด้วยมีการสลายของไขมันและสร้างคอลลาเจนที่ชั้นผิวหนังมากขึ้น

เหนียง / กรอบใบหน้า

ชั้นไขมันใต้คางเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้หลายคนรู้สึกหนักใจ เนื่องจากไขมันส่วนเกินบริเวณนี้เป็นส่วนที่ลดได้ค่อนข้างยาก แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่แก้ไขก็จะทำให้ใบหน้าดูกลมไม่สมส่วน ซึ่งการทำไฮฟู่จะช่วยทำให้ไขมันบริเวณใต้คางลดลง ทำให้สามารถแก้ปัญหาคางสองชั้น และปรับรูปหน้าให้ดูเล็กลงได้

ลำตัว

นวัตกรรมไฮฟู่มีหัวยิ่งคลื่นอัลตราซาวนด์หลายขนาดความลึก จึงสามารถใช้แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย ทั้งในส่วนของหน้าท้อง เอว สะโพก ต้นแขน ท้องแขน ต้นขา รวมไปถึงส่วนอื่นๆ ที่เข้าถึงได้ยาก ทำให้ผิวทั่วร่างกายดูกระชับและเต่งตึงขึ้น

ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

ข้อดี และข้อควรระวังของการทำ HIFU มีอะไรบ้าง?

เนื่องจากการทำไฮฟู่เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ในการกระตุ้นให้ชั้นผิวเกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้เองตามธรรมชาติ ทำให้หลายคนมองว่าจุดเด่นสำคัญของไฮฟู่ คือ เรื่องความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว แต่นอกจากเรื่องนี้แล้วไฮฟู่ยังมีข้อดีอื่นๆ รวมถึงข้อควรระวังต่างๆ ดังนี้

ข้อดีของการทำ HIFU

    • เป็นนวัตกรรมการรักษาผิวหย่อนคล้อยที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอก จึงไม่ทิ้งรอยแดงรอยช้ำและสามารถทาครีมบำรุงผิวหรือแต่งหน้าได้ในทันที
    • เป็นนวัตกรรมการรักษาผิวหย่อนคล้อยที่ใช้เวลาในการดำเนินการไม่นาน ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยไม่มีการใช้เข็มหรือการผ่าตัดในทุกขั้นตอน จึงไม่มีบาดแผล นอกจากไม่ต้องนอนพักฟื้นเหมือนการรักษาแบบวิธีอื่นแล้ว ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีอีกด้วย
    • เป็นนวัตกรรมการรักษาผิวหย่อนคล้อยที่เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกประมาณ 20 – 30% หลังจากนั้นผิวจะดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติภายใน 2 – 3 เดือน 
    • ไฮฟู่สามารถใช้ร่วมกับวิธีการรักษาผิวแบบอื่นๆ ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ข้อควรระวังของการทำ HIFU

    • การทำไฮฟู่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญที่มีใบประกอบวิชาชีพ และผ่านการอบรมการใช้เครื่องมือมาแล้วเท่านั้น 
    • ผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ปัญหาด้านผิวหนัง มีแผลคีลอยด์ บาดแผลเปิด สิวซีสต์ สตรีมีครรภ์  หรือมีการฝังโลหะในบริเวณที่ต้องการทำไฮฟู่ ควรได้รับการประเมินความปลอดภัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
    • ควรเลือกใช้บริการในคลินิกที่มีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข เครื่องมือที่ใช้ได้มาตรฐาน และมีช่องทางติดต่อแพทย์ที่ชัดเจน หากเกิดปัญหาหลังทำไฮฟู่
HIFU / ULTHERA / THERMAGE / Ultraformer ต่างกันยังไง ?​

HIFU / ULTHERA / THERMAGE / Ultraformer ต่างกันยังไง ?

การทำ HIFU, Ulthera และ Thermage ล้วนแต่เป็นการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยด้วยหลักการเดียวกัน คือ การส่งคลื่นพลังงานลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นผิว แต่ด้วยขนาดของความกว้างของพลังงานไม่เท่ากันจึงทำให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

    • HIFU เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ขนาด 0.5 – 1 มิลลิเมตร ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เนื้อเยื่อผิวชั้น SMAS โดยวิธีนี้จะทำให้เกิดความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 45 – 60 องศาเซลเซียส เห็นผลประมาณ 20-30% ตั้งแต่ครั้งแรก
    • Ulthera เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ขนาด 1 มิลลิเมตร ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เนื้อเยื่อผิวชั้น SMAS โดยวิธีนี้จะทำให้เกิดความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 60 – 70 องศาเซลเซียส  เห็นผลประมาณ 30% ตั้งแต่ครั้งแรกและให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการทำไฮฟู่ แต่จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
    • Thermage เป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงขนาด 3 – 4 เซนติเมตร ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่วิธีนี้คลื่นพลังงานจะมีความลึกแค่ประมาณ 4.3 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงเป็นการกระตุ้นแบบกว้าง ถึงแม้จะครอบคลุมพื้นที่ได้ดีกว่า แต่เป็นการกระตุ้นระดับตื้น ไม่ลงลึกถึงเนื้อเยื่อผิวชั้น SMAS จึงเหมาะสำหรับแก้ปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกิน ลดริ้วรอย และกระชับรูขุมขน แต่จะยกกระชับผิวได้ไม่เท่ากับ HIFU และ Ulthera แต่จะเด่นในเรื่องของการลดเนื้อไขมันและเพิ่ม Skin Quality ลดริ้วรอย รูขุมขนเล็กลง มากกว่าการยกกระชับ
    • Ultraformer เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ที่เรียกว่า Micro & Macro Focused Ultrasound MMFU เข้าไปยังความลึกของชั้นผิวที่ต้องการ ส่งผลให้เกิดความร้อนในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัวและผิวชั้นบนยกกระชับขึ้น

การเตรียมตัวก่อนทำ HIFU และการดูแลตัวเองหลังทำ HIFU มีอะไรบ้าง?

การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำหัตถการใดๆ จะช่วยให้ผิวมีความพร้อม หลังจากทำก็จะช่วยให้เห็นผลได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ หลังทำเสร็จก็จำเป็นต้องมีการดูแลตัวเองที่ถูกต้องด้วย เพื่อที่ผิวจะได้ฟื้นฟู และช่วยลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงด้วย

การเตรียมตัวก่อนทำ HIFU

    • ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำไฮฟู่ เพราะบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวได้
    • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
    • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นอาหารที่ช่วยสร้างคอลลาเจนและเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ เช่น ถั่ว ผักใบเขียว ผักผลไม้สีแดง และอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า เป็นต้น
    • ในวันที่มาทำไฮฟู่ควรงดแต่งหน้าและทาครีมบำรุงผิว แต่ควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด

การดูแลตัวเองหลังการทำ HIFU

    • หลังทำไฮฟู่ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดกลางแจ้งในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังทำ เพราะเป็นช่วงที่ผิวเกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจน และควรเลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF เพื่อปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด
    • ห้ามนวดหรือถูใบหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพ้
    • ควรงดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้คอลลาเจนที่สร้างใหม่ถูกทำลาย

อาการข้างเคียงหลังทำ HIFU มีอะไรบ้าง?

การทำไฮฟู่เป็นวิธีการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่มีความปลอดภัย แต่ด้วยสภาพผิวที่แตกต่างกันในผู้ทำบางรายอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้

    • ผิวมีอาการบวมแดง ซึ่งสามารถยุบเองภายใน 3 – 4 ชั่วโมง  
    • ผิวหนังเกิดผื่นแดง สามารถหายได้เองภายใน 3 – 4 ชั่วโมง
    • อาการเมื่อยหรือตึงหน้า แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ หรือปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการ
การทำ HIFU ยกกระชับผิวที่เบธเธอร์ มี คลินิก บาย ดร.ชัญญา ราคาเท่าไร?​

การทำ HIFU ยกกระชับผิวที่เบธเธอร์ มี คลินิก บาย ดร.ชัญญา ราคาเท่าไร?

Premium HIFU Ultra Lift (High-Intensity Focused Ultrasound) ของชัญญาคลินิกเป็นเครื่องไฮฟู่ นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ โดยเป็นรุ่นที่ได้รับมาตรฐาน K-FDA จึงมีความแม่นยำและความเข้มของคลื่นอัลตราซาวน์ในระดับที่เหมาะสมในการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวอย่างปลอดภัย และด้วยเทคนิคการยิงของหมอเกียร์ จะสามารถกระชับผิว โกล์วผิวเป็นสาวเกาหลี และลดขนาดรูขุมขนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ สำหรับราคาการทำไฮฟู่ที่ชัญญาคลินิก อยู่ที่ราคา 25,999 – 49,999 บาท โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมกับทางคลินิกได้

รีวิวการทำ HIFU ที่ Better Me Clinic by Dr.Chanya

จากรีวิวของผู้ทำ HIFU ที่ชัญญาคลินิกจากเดิมที่มีปัญหาแก้มเยอะ แก้มใหญ่ ทำให้ดูหย่อนคล้อย แต่หลังจากที่ทำแล้วก็ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจนมากขึ้น หน้าเรียว วีเชฟ เป๊ะปังกว่าเดิม

ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

คำถามที่พบบ่อย

สำหรับใครที่ยังลังเล หรือคำถามเกี่ยวกับการทำไฮฟู่ ทางชัญญาคลินิกได้รวบรวมคำถามที่น่าสนใจมาตอบให้หายสงสัยกันแล้ว

การทำ HIFU เจ็บไหม?

การทำไฮฟู่ด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐานจะทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อยและตึงบริเวณชั้นผิวด้านใน แต่ไม่ถึงขั้นปวดแสบปวดร้อน

การทำ HIFU กี่ไลน์เห็นผล?

ปกติแล้วการทำไฮฟู่จะนับกันเป็นหน่วยไลน์ โดย 1 ไลน์ยิงได้ประมาณ 15 - 25 จุด ซึ่งการทำต่อเคสจะใช้กี่ไลน์นั้นขึ้นอยู่กับปัญหาสภาพผิวของผู้ทำและดุลพินิจของแพทย์เจ้าของเคส

การทำ HIFU อยู่ได้นานกี่เดือน?

สำหรับคำถามที่ว่าการทำ Hifu อยู่ได้กี่เดือนนั้น คำตอบคือ โดยทั่วไปสามารถอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปีแต่ก็ขึ้นอยู่กับค่าพลังงานในการทำแต่ละครั้งและการดูแลผิวของแต่ละคนด้วย

การทำ HIFU สามารถทำซ้ำได้บ่อยแค่ไหน?

การทำไฮฟู่สามารถทำซ้ำได้ทุก 3 - 6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์เจ้าของเคส

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ