🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

“หน้าแก่ก่อนวัย” ปัญหาผิวที่อยากหนีให้ไกล สามารถป้องกันได้ไหม?

“หน้าแก่ก่อนวัย” ปัญหาผิวที่อยากหนีให้ไกล สามารถป้องกันได้ไหม?

“หน้าแก่ก่อนวัย” ปัญหาผิวที่เพียงได้ยินก็อยากจะหนีให้ไกล เพราะใครๆ ก็ต่างอยากมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ไปนานๆ ทั้งนั้น แต่รู้หรือไม่ว่าสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมบางอย่างที่เราคุ้นชินอาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้มีผิวหย่อนคล้อย แถมมีริ้วรอยทั่วใบหน้า!

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังหาวิธีป้องกันปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย บทความนี้ช่วยคุณได้! เพราะ Better Me Clinic จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย วิธีแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย ไปจนถึงวิธีการดูแลให้ใบหน้าอ่อนเยาว์อยู่กับเราไปนานๆ ถ้าพร้อมแล้วก็มาไขข้อข้องใจไปพร้อมกันเลย!

หน้าแก่ก่อนวัยคืออะไร?

หน้าแก่ก่อนวัย (Aging Face) คือ ปัญหาผิวชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นและผิวหนังหย่อนคล้อยกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับคนในช่วงวัยเดียวกัน มักมีสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อม พฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือการดูแลผิวอย่างไม่ถูกต้อง

โดยปัญหาผิวนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง ซึ่งอาจเริ่มมีอาการได้ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นตอนต้น ยิ่งปัญหานี้เกิดเร็วขึ้นเท่าไหร่ก็จะทำให้บุคคลนั้นต้องเผชิญกับปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนอาจสูญเสียความมั่นใจได้

หน้าแก่ก่อนวัยมีลักษณะอย่างไร?

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์จะมีผิวหน้าที่เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย กรอบหน้ากระชับเข้ากับรูปหน้า มีสีผิวที่สม่ำเสมอ รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ของใบหน้าก็จะรับกันได้ดี เช่น ดวงตา แก้ม สันกราม และลำคอ ไม่มีจุดไหนที่เว้าโค้งจนเกินไป

แต่ในผู้ที่มีปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยจะมีลักษณะตรงกันข้าม จากผิวที่เคยเรียบเนียนจะเริ่มเกิดริ้วรอยร่องตื้นขึ้น ซึ่งมักจะเริ่มจากบริเวณรอบดวงตาก่อน จากนั้นจะค่อยๆ ขึ้นในบริเวณอื่นทั่วใบหน้าร่วมกับการมีผิวแห้ง ใบหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และมีรูขุมขนกว้าง

นอกจากนี้ หากปล่อยปัญหาไว้นานเข้าอาจทำให้สังเกตเห็นความชราของใบหน้าได้ชัดเจนมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากการที่กระดูกบริเวณใต้ตาเริ่มมีลักษณะคล้ายหลุมยุบ มีรอยย่นบริเวณจมูกและร่องน้ำหมากลึกขึ้น เนื่องจากปริมาณไขมันหน้าแก้มลดลง รวมถึงผิวหนังบริเวณกรอบหน้าและลำคอยังหย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าไม่กระชับและอาจมีรูปหน้าที่เปลี่ยนไปอีกด้วย

ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยจึงเป็นปัญหาที่ไม่ควรปล่อยปละละเลยอย่างยิ่ง หากเป็นแล้วควรรีบรักษา หรือหากยังไม่มีอาการใดๆ ก็ควรดูแลผิวอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการเกิดปัญหานี้ เพราะนี่อาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา

สาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย

โดยทั่วไปแล้วผิวของเราสามารถเสื่อมโทรมลงได้ตามวัย แต่ถ้าหากเจอสภาพแวดล้อมและมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมด้วยก็จะยิ่งทำให้ผิวเสื่อมสภาพได้เร็วมากขึ้น หรืออาจอธิบายได้ว่าสาเหตุที่ทำให้หน้าแก่ก่อนวัยแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย ดังนี้

ปัจจัยภายใน (Intrinsic Aging)

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ระบบต่างๆ ในร่างกายจะเสื่อมสภาพลงตามการใช้งาน ซึ่งรวมถึงการทำงานของเซลล์ผิวด้วย เพราะฮอร์โมนที่มีหน้าที่ในการกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันจะทำงานได้ลดลง ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้นจนเกิดผิวแห้งกร้านและมีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ โดยปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยจะเห็นได้ชัดมากในผู้ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ผิดปกติ

และในผู้ที่เพิ่งอายุเข้าเลข 3 แต่มีริ้วรอยมาก ก็เป็นเพราะผิวเริ่มอ่อนแอลงจากการที่เส้นใยอีลาสตินและคอลลาเจนมีจำนวนลดลง หากใครที่มีผิวอ่อนแอมากๆ ก็จะทำให้ผิวหย่อนคล้อยมากและเกิดเป็นริ้วรอยต่างๆ ทั่วใบหน้า

นอกจากนี้ การเคลื่อนตัวของชั้นไขมันใต้ผิวก็ทำให้บริเวณกรอบหน้าหย่อนคล้อยจนมีโครงหน้าคล้ายรูปตัว U เช่นกัน และหากมีอาการกระดูกใบหน้าบางลงด้วยก็จะยิ่งทำให้เห็นความแตกต่างของกระดูกแต่ละส่วนได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งการที่กระดูกบางลงจะทำให้เส้นที่ยึดกระดูกเข้ากับใบหน้าหย่อนตัวลง ผิวที่เคยกระชับจะเริ่มหย่อนยานและดูหน้าแก่กว่าวัย

ปัจจัยภายนอก (Extrinsic Aging)

สภาพแวดล้อมและพฤติกรรมที่คุณคุ้นชินอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพก่อนวัยได้ เช่น

  • แสงแดด นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหลายชนิด เนื่องจากในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet Radiation) หรือ รังสียูวีอยู่ รังสีนี้มีความรุนแรงมากเพราะสามารถทะลุผ่านผิวลงไปได้ลึกถึงชั้นหนังแท้เพื่อทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ผิว

  • การสูบบุหรี่ ในบุหรี่จะมีสารนิโคติน สารคาร์บอนมอนอกไซด์ รวมถึงน้ำมันทาร์ในควันบุหรี่ ซึ่งจะกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระในร่างกายและทำให้การไหลเวียนผิดปกติ

  • ท่าทางการนอนหลับบางท่า เช่น การนอนตะแคงหรือนอนคว่ำเป็นประจำ อาจทำให้ผิวหน้าเสียดสีหรือถูกทิ้งน้ำหนักลงบนหมอนมากเกินไปจนเกิดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หางตา และเกิดร่องแก้มลึกได้ง่าย

  • การดื่มน้ำน้อย โดยทั่วไปคนเราควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5 ลิตรต่อวัน การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี แต่ถ้าหากดื่มน้ำน้อยเกินไปก็จะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และเกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง

  • การดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้ร่างกายขับน้ำออกมามากจนเกิดภาวะการคายน้ำ (Dehydration) ทำให้ผิวขาดน้ำและขาดความชุ่มชื้น ซึ่งการเกิดภาวะนี้บ่อยๆ จะทำให้ผิวหย่อนคล้อย ไม่ยืดหยุ่น และเกิดเป็นริ้วรอยได้

  • การรับประทานของหวานมากเกินไป ผิวหนังของเรามีโปรตีน คอลลาเจน และอีลาสตินเป็นองค์ประกอบหลัก แต่เมื่อใดที่น้ำตาลไปจับกับสารเหล่านั้น ก็จะทำให้เกิดสารใหม่ที่เรียกว่า “สารแก่” ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดความเสียหายในเซลล์และต้นเหตุของการเกิดความชรา

  • การดูแลผิวผิดวิธี ในผู้ที่แต่งหน้าบ่อยๆ หลายคนอาจเลือกทำความสะอาดผิวหน้าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางร่วมกับสำลี ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองจากการเสียดสีและเพิ่มโอกาสที่ผิวจะหย่อนคล้อยได้

  • การนอนดึก เนื่องจากช่วงเที่ยงคืนถึงตีสองเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะหลั่งสารเมลาโทนิน (Melotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากพลาดการพักผ่อนในช่วงเวลานี้เป็นประจำก็จะทำให้ผิวไม่ได้รับการฟื้นฟู จนสังเกตเห็นความเสื่อมของผิวอย่างได้อย่างชัดเจน

  • ความเครียด หลายคนอาจมีพฤติกรรมเผลอขมวดคิ้วเมื่อมีความเครียดโดยไม่รู้ตัว หากทำบ่อยๆ จะทำให้เกิดริ้วรอยระหว่างคิ้วและบนหน้าผากได้ ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเผชิญกับความเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลให้เกิดเป็นผิวแห้งกรัง

วิธีแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยด้วยตนเอง

ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยเป็นสัญญาณเตือนว่าผิวของคุณกำลังอ่อนแอลง วิธีการแก้ปัญหาหน้าแก้ก่อนวัยจึงจึงเน้นไปที่การฟื้นฟูให้ผิวกลับมาสุขภาพดี แข็งแรง และดูเยาว์วัยอีกครั้ง

โดยการแก้ปัญหาหน้าแก่ด้วยตัวเอง สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนช่วยในการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว เนื่องจากผิวแห้งนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบหลักอย่างสารไฮยาลูรอนิกและเซราไมด์ จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกลุ่มซัลเฟต เพราะสารเหล่านี้ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้นจนผิวแห้งตึงได้

ส่วนในผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับริ้วรอยแต่ยังไม่มีปัญหาผิวมากนัก อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) เรตินอยด์ (Retinoid) วิตามินซี และโคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10) เนื่องจากส่วนผสมเหล่านี้มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟู ริ้วรอยบนใบหน้าดูลดเลือนลง อีกทั้งยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ด้วย

ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง
ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง

วิธีแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยแบบเร่งด่วน

วิธีการแก้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยแบบเร่งด่วน สามารถทำได้หลายวิธีตั้งแต่การซ่อมแซมและฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงขึ้น การลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่เกิดริ้วรอย ไปจนถึงการกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ โดยวิธีที่ Better Me Clinic แนะนำ มีดังนี้

1. ทำทรีตเมนต์

การทำทรีตเมนต์ คือ การเติมสารอาหารให้กับผิวหน้าโดยตรงผ่านเทคนิคต่างๆ โดยการทำทรีตเมนต์แต่ละครั้งสามารถเลือกที่จะดูแลปัญหาผิวด้านเดียว หรือหลายๆ ด้านพร้อมกันก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ความต้องการ และการประเมินของแพทย์ในแต่ละบุคคล

ถ้าหากยังไม่แน่ใจว่าควรทำทรีตเมนต์สูตรไหนดี? Better Me Clinic ขอแนะนำ Collagen Treatment ทรีตเมนต์ที่ประกอบไปด้วยคอลลาเจนเข้มข้น ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ชะลอการเกิดริ้วรอย และกระตุ้นให้ผิวเนียนนุ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์หลังทำทรีตเมนต์จะใกล้เคียงกับการใช้ครีมบำรุง แต่จะช่วยฟื้นฟูผิวได้ล้ำลึกและเห็นผลรวดเร็วกว่า การทำทรีตเมนต์จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่และรักษาริ้วรอยเดิมที่ขนาดเล็กให้ดูตื้นขึ้น

2. การฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ประกอบไปด้วยส่วนประกอบสำคัญอย่างไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งมีส่วนช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยตัวยาจะลงไปจับตัวกับน้ำและพองตัวขึ้นมาจนมีลักษณะคล้ายเจล ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูฟู ริ้วรอยดูจางลง และใบหน้าดูละมุนขึ้น

นอกจากนี้ฟิลเลอร์ยังมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ทำให้หลังฉีดฟิลเลอร์ผิวจึงดูอิ่มน้ำจากภายใน ดูสุขภาพดี และแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

3. การฉีดโบท็อกซ์

การฉีดโบท็อกซ์ หรือ สารโบทูลินั่มท็อกซิน (Botulinum Toxin) เป็นการฉีดตัวยาเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท ทำให้มัดกล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับตัวยาคลายตัวและทำงานลดลงชั่วคราว 

หลังฉีดโบท็อกซ์จึงช่วยให้ริ้วรอยดูจางลงได้ โดยอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์เต็มที่และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

การฉีดโบท็อกซ์นับเป็นวิธีการลดเลือนริ้วรอยที่นิยมมากเนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่จะไม่สามารถทำได้บ่อยๆ ต้องทิ้งระยะห่างในการฉีดแต่ละครั้งอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์

4. HIFU

HIFU (High Intensity Focused Focus Ultrasound) หรือ ไฮฟู่ เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อผิวชั้น SMAS ทำให้ผิวชั้นนี้หดตัวและเกิดการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนรวมถึงเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่

การทำ HIFU นอกจากจะช่วยลดริ้วรอยแล้ว ยังช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนแลดูอ่อนเยาว์ด้วย ที่สำคัญคือสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังรับบริการ แต่ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นและเห็นผลชัดเจนที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปราวๆ 2 เดือน

แต่ถ้าหากต้องการผลลัพธ์ในอีกระดับ Better Me Clinic ขอแนะนำการทำ HIFU ด้วยเครื่อง Ultraformer lll ซึ่งเป็นเครื่องมือในการทำ HIFU ที่ใช้นวัตกรรม MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) หรือการใช้พลังงานถึง 2 รูปแบบ เข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานใต้ผิว ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำ HIFU แบบทั่วไปถึง 5 เท่า

หลังรับบริการ HIFU ด้วยเครื่อง Ultraformer lll สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ แต่ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นและเห็นผลชัดเจนที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปราวๆ 2 เดือน ก่อนที่ผลลัพธ์จะคงประสิทธิภาพไว้ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวก่อนรับบริการและการดูแลตัวเองหลังรับบริการด้วย

วิธีป้องกันปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย

วิธีป้องกันปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยที่ดีที่สุด คือ การดูแลผิวให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เพราะการมีผิวที่แข็งแรงไม่เพียงแต่จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้อีกด้วย โดยวิธีป้องกันปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย มีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจ้า อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ารังสียูวีในแสงแดดนั้นอันตรายมาก หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ แนะนำให้สวมหมวกปีกกว้าง ร่วมกับการใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA+++ เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด โดยควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง

  • ดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพราะการมีผิวที่ชุ่มชื้นจะช่วยฟื้นฟูให้เกราะป้องกันผิวที่เคยอ่อนแอกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น และชะลอการเกิดริ้วรอยออกไป

  • รับประอาหารที่มีประโยชน์ โดยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สลับหมุนเวียนกันไรวมถึงรับประทานอาหารช้าๆ ในปริมาณที่พออิ่ม จะช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญ และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำตาลด้วย

  • ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ควรจิบน้ำบ่อยๆ ตลอดทั้งวันและควรดื่มน้ำสะสมให้ได้อย่างน้อย 1.5 ลิตร

  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบไหลเวียนทำงานได้ดีขึ้น และเป็นการชะลอวัยโดยธรรมชาติอีกด้วย

  • งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะทำให้สารอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ยังทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะคายน้ำ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของผิวทั้งสิ้น

ดูแลปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยที่ไหนดี?

จะเห็นได้ว่าการดูแลปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยนั้นทำได้ไม่ยาก แต่ต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาผิวปัจจุบัน หากคุณกำลังสนใจที่จะดูแลปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย ให้ Better Me Clinic by Dr. Chanya เป็นหนึ่งในทางเลือก 

เพราะเรามีบริการดูแลปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเชิงป้องกัน อย่างการทำทรีตเมนต์ และการรักษาเชิงรุก อย่างการฉีดฟิลเลอร์  ฉีดโบท็อกซ์ และหัตถการยกกระชับ ซึ่งทุกบริการเราให้บริการโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น

หากยังไม่มั่นใจว่าควรเลือกดูแลปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยด้วยวิธีใด สามารถติดต่อเข้ามาที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya เพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพผิวและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมแบบเคสบายเคสได้เลย สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!

  • UNC Center for Facial Aesthetics, Aging Face (https://www.med.unc.edu/ent/academicaesthetics/conditions/aging-face/), 14 February 2024.
  • Better Me Clinic, HIFU (ไฮฟู่) คืออะไร? ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อยได้จริงไหม? (https://bettermeclinicofficial.com/aesthetic/face-reshaping/hifu/), 14 กุมภาพันธ์.
  • Pobpad, หน้าแก่ แก้ได้ หากเข้าใจสาเหตุของปัญหาผิว (https://www.pobpad.com/หน้าแก่-แก้ได้-หากเข้าใจ), 14 กุมภาพันธ์.
  • Pobpad, ครีมลดริ้วรอย ตัวช่วยย้อนอายุผิวกับข้อเท็จจริงน่ารู้ (https://www.pobpad.com/ครีมลดริ้วรอย-ตัวช่วยย้), 14 กุมภาพันธ์.
  • โรงพยาบาลวิภาวดี, กินหวานมากไปจะแก่เร็ว (https://www.pobpad.com/หน้าแก่-แก้ได้-หากเข้าใจ), 14 กุมภาพันธ์ 2567.
  • โรงพยาบาลวิภาวดี, 7 วิธีกินแบบชะลอวัยเพื่อ หุ่นสวย ผิวใส สุขภาพดี
  • (https://www.vibhavadi.com/Health-expert/detail/92), 14 กุมภาพันธ์ 2567.

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

Exit mobile version