โกนขนแล้วคันกี่วันหาย? อันตรายไหม? พร้อมวิธีป้องกันที่ทำตามได้ง่าย ๆ
การมีผิวที่เรียบเนียนเป็นสิ่งที่หลายคนต่างก็ต้องการ แต่บางจุดกลับมีเส้นขนขึ้นมาทำให้ผิวบริเวณนั้นดูสากและคล้ำขึ้น โดยเฉพาะขนบริเวณขา แขน หนวดเครา รักแร้ และขนน้องสาว การโกนขนจึงเป็นวิธีกำจัดขนที่หลายคนเลือกใช้
แม้ว่าการโกนขนจะเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ๆ แต่ผลที่ตามมานั้นหนักกว่าที่คิด เพราะนอกจากขนจะดกขึ้นและกลายเป็นตอแข็งแล้ว ยังทำให้เกิดการระคายเคือง รู้สึกคันยุบยิบตลอดเวลา บางรายถึงขั้นเป็นผื่นและมีตุ่มขึ้นมาเลย
ดังนั้น เพื่อช่วยให้ทุกคนได้เข้าใจปัญหาการโกนขนแล้วคันรวมถึงช่วยแนะนำวิธีป้องกันที่ถูกต้อง Better Me Clinic จึงได้รวบรวมทุกรายละเอียดเกี่ยวกับการโกนขนแล้วคันมาไว้ในบทความนี้ ตั้งแต่เรื่องของลักษณะอาการ สาเหตุที่ทำให้โกนขนแล้วคัน บริเวณที่มักโกนขนแล้วคัน รวมถึงวิธีการป้องกันและทางเลือกในการกำจัดขนโดยไม่ตัองโกน ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ตามมาดูไปพร้อมกันได้เลย!
โกนขนแล้วคันคืออะไร? มีลักษณะอาการอย่างไร?
โกนขนแล้วคัน คือ อาการที่ผิวเกิดความระคายเคืองหลังจากการโกนขนออกไป โดยในช่วง 1-2 วันแรกหลังโกนขน ผิวมักจะมีลักษณะเรียบเนียนเป็นปกติอยู่ แต่หลังจากนั้นผิวจะมีความแห้งกร้านจากการถูกทำลายด้วยใบมีดโกน รวมถึงขนที่ถูกโกนออกไปจะงอกขึ้นมาใหม่และมีเส้นขนที่แข็งขึ้นกว่าเดิม ทำให้ปลายเส้นขนที่แหลมคมและเส้นแข็งเสียดสีกับผิวหนังจนเกิดอาการคันยุบยิบ ในบางกรณีอาจมีตุ่มแดง ๆ ผื่นคัน และรูขุมขนอักเสบเกิดขึ้นด้วย
สาเหตุที่ทำให้โกนขนแล้วคัน
สาเหตุที่ทำให้โกนขนแล้วคันที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- แผลถลอกจากมีดโกน การที่เราใช้มีดโกนขนจะทำให้เกิดการเสียดสีซ้ำ ๆ จนทำให้เกิดแผลถลอกเล็ก ๆ ซึ่งในตอนแรกอาจจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปแผลเหล่านี้จะเริ่มทำให้รู้สึกแสบ คัน และระคายเคืองบนผิวหนัง โดยเฉพาะเวลาที่ผิวไม่ได้รับการบำรุงหลังโกนขน
- ผิวแห้ง การใช้มีดโกนขนก็เหมือนกับการเปิดผิว ทำให้ความชุ่มชื้นข้างในผิวระเหยออกไป ยิ่งปล่อยให้ผิวแห้งนานเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกคันมากขึ้น และจะยิ่งระคายเคืองมากกว่าเดิมหากผิวสัมผัสกับอากาศหนาวหรือสบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรง
- ขนคุด ขนคุดคือขนที่ม้วนงอเข้าไปด้านในผิวหนังแทนที่จะงอกออกไปด้านนอก ซึ่งการโกนขนอาจทำให้เกิดปัญหานี้ได้ เนื่องจากทำให้เส้นขนถูกตัดเป็นมุมแหลม ง่ายต่อการติดอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดอาการคัน แดง และอักเสบได้
- การแพ้ผลิตภัณฑ์โกนขน บางคนอาจแพ้หรือไวต่อส่วนผสมบางอย่างที่มักพบในครีมหรือเจลโกนขน โดยมักจะมีอาการคัน แดง รวมถึงการเกิดผื่นลมพิษได้
- การเสียดสีของขนที่งอกใหม่ ขนที่งอกใหม่หลังโกนมักจะมีลักษณะปลายแหลมคมและเกิดการเสียดสีกับผิวได้ง่าย ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและคันผิว โดยเฉพาะบริเวณที่มีผิวบอบบาง
- การใช้ใบมีดโกนเก่า การใช้ใบมีดโกนที่ทื่อหรือเก่าจนเกินไป จะส่งผลให้มีการดึงเส้นขนระหว่างการโกนและทำให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ และคันผิวตามมา แนะนำให้เปลี่ยนใบมีดโกนเป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
- การโกนขนไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการไม่ทาครีมหรือเจลก่อนโกน การโกนขนไปในทิศทางตรงข้ามกับแนวการงอกของเส้นขน หรือการใช้แรงกดขณะโกนมากเกินไป ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันหลังโกนได้
โกนขนแล้วคันกี่วันถึงจะหาย?
โดยทั่วไปแล้ว อาการคันที่เกิดขึ้นจากการโกนขนมักจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อาจมีระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการคันเป็นเวลานานถึงหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นความไวของผิวหนัง เทคนิคการโกน และการดูแลหลังการโกน
อาการโกนขนแล้วคันมักเกิดบริเวณใด?
อาการโกนขนแล้วคันเกิดได้แทบทุกบริเวณที่ทำการโกน แต่โดยทั่วไปแล้วมักเกิดตรงบริเวณใบหน้า ใต้วงแขน ขา หน้าอก และขนน้องสาว ซึ่งแต่ละจุดมีรายละเอียดที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้
ใบหน้า
ใบหน้า เป็นบริเวณที่พบอาการคันหลังโกนขนได้บ่อยโดยเฉพาะบริเวณหนวดเครา อาการคันนี้เกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการที่เส้นขนถูกตัดเป็นมุมแหลมจนทำให้รู้สึกว่าขนที่ขึ้นมาใหม่มีความคม นอกจากนี้การโกนขนบริเวณใบหน้าก็มีส่วนทำให้ผิวหน้าที่บอบบางระคายเคือง เกิดความแห้งและมีอาการคันได้
ใต้วงแขน
เนื่องจากผิวหนังใต้วงแขนเป็นบริเวณที่บอบบางเป็นพิเศษ เมื่อโกนขนรักแร้อาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองและแห้งได้ นอกจากนี้เมื่อมีขนงอกออกมาใหม่ก็จะทำให้เกิดอาการคันได้ง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะขนที่มีความหนาและหยิก
ขา
การโกนขนขา จะทำให้ผิวหนังบริเวณขาแห้งและระคายเคืองเนื่องจากความชุ่มชื้นในผิวถูกทำลาย เมื่อขนงอกขึ้นมาใหม่ ก็จะทำให้เกิดความระคายเคืองและคันผิว โดยเฉพาะขนที่มีความแข็งและผิวหนังที่ไม่ได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ
ขนน้องสาว
อาการคันหลังโกนขนบริเวณน้องสาว เป็นปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยเนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้มีความบอบบางและแพ้ง่าย การโกนขนบริเวณนี้จึงทำให้เกิดอาการระคายเคือง รอยแดง และคันผิว ยิ่งถ้าขนงอกขึ้นมาใหม่และเสียดสีกับเนื้อผ้า ก็จะยิ่งทำให้อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น
หน้าอก
นอกเหนือจากบริเวณที่กล่าวไปแล้ว หน้าอกก็เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่มักมีอาการคันหลังโกนขน เนื่องจากบริเวณหน้าอกมีการสัมผัสกับเสื้อผ้า ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสียดสีกับผิวหนังที่เพิ่งโกนขนได้
โกนขนแล้วคันอันตรายไหม?
โดยทั่วไปแล้ว การโกนขนแล้วคันไม่ได้มีความอันตรายมากนัก แต่ในกรณีที่มีการเกาอย่างรุนแรงบริเวณที่คันก็อาจทำให้เกิดบาดแผลได้ ที่สำคัญคือแบคทีเรียหรือเชื้อราจากเล็บอาจซึมเข้าสู่ผิวหนังและทำให้เกิดการติดเชื้อตามมา
วิธีป้องกันปัญหาโกนขนแล้วคัน
สำหรับผู้ที่ต้องการโกนขนแต่ไม่อยากมีอาการคันตามมา ลองมาทำตามวิธีที่ Better Me Clinic นำมาฝากทุกคนในวันนี้ จะมีเคล็ดลับอะไรบ้างนั้น มาดูกันทีละข้อเลย
- ขัดผิวก่อนโกน การขัดผิวก่อนโกนขน 1 วัน จะช่วยป้องกันการเกิดอาการคันและขนคุดได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการขัดผิวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รูขุมขนไม่อุดตัน และช่วยให้โกนขนได้แนบสนิทยิ่งขึ้น
- ใช้มีดโกนที่คม การใช้มีดโกนทื่อในการโกนขนจะทำให้เกิดการเสียดสีกับผิวหนังแล้วนำไปสู่อาการระคายเคืองและคันได้ ควรใช้มีดโกนที่มีความคมและสะอาดก่อนโกนขนในแต่ละครั้ง และควรเปลี่ยนใบมีดโกนเป็นประจำเพื่อรักษาประสิทธิภาพ เพราะมีดโกนที่คมจะเคลื่อนผ่านผิวหนังได้อย่างราบรื่น ช่วยลดโอกาสเกิดการระคายเคืองได้
- โกนขนตามทิศทางการงอกของเส้นขน จะช่วยให้โกนขนได้แนบสนิทมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเทคนิคนี้ยังช่วยลดการทำร้ายผิวหนังและลดโอกาสการเกิดขนคุดด้วย
- ใช้ครีมหรือเจลโกนขนคุณภาพสูง เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันระหว่างมีดโกนกับผิวหนัง ช่วยลดการเสียดสีและการระคายเคือง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างว่านหางจระเข้หรือคาโมมายล์
- เติมความชุ่มชื้นหลังการโกนขน การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหลังโกนขนเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของเรา นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรมีส่วนผสมที่ช่วยผ่อนคลายผิวอย่างเชียบัตเตอร์หรือน้ำมันมะพร้าวด้วย
- หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นหลังโกนขน การสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นทันทีหลังโกนขนจะทำให้อาการคันแย่ลง เนื่องจากเกิดการเสียดสีกับผิวหนังและทำให้เกิดการระคายเคืองตามมา ควรเลือกใส่เสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี เพื่อให้ผิวหนังได้หายใจและฟื้นตัวได้
วิธีกำจัดขนรูปแบบอื่นโดยไม่ต้องโกน
แม้ว่าการโกนขนจะเป็นวิธีที่สะดวกสบาย แต่อย่างที่เราเห็นกันว่าวิธีนี้มักทำให้เกิดอาการคัน ขนขึ้นไว ขนดก ขนเส้นหนาขึ้น รวมถึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้
หลายคนจึงหันมาพึ่งวิธีกำจัดขนรูปแบบอื่นโดยไม่ต้องโกน เนื่องจากให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่า ที่สำคัญคือไม่ทำให้เกิดอาการคันและเกิดความเสี่ยงอื่น ๆ ตามมาด้วย โดยวิธีกำจัดขนรูปแบบอื่นที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
การแว็กซ์ขน
การแว็กซ์ขน เป็นอีกหนึ่งวิธีในการกำจัดขนที่นิยมใช้กันทั่วไป โดยจะใช้แว็กซ์ทาลงบนผิวหนังเพื่อให้แว็กซ์ยึดติดกับขน จากนั้นจะใช้แผ่นผ้าสำหรับดึงขนแล้วทำการดึงแว็กซ์พร้อมกับขนออกจากผิวหนังอย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกับการโกนแล้ว วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า เนื่องจากขนจะใช้เวลาในการงอกใหม่นาน แต่การแว็กซ์ขนก็อาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อยระหว่างทำได้
การใช้ครีมกำจัดขน
ครีมกำจัดขน มีสารเคมีที่ช่วยทำลายโครงสร้างโปรตีนของเส้นขน ทำให้ขนหลุดออกได้ง่าย โดยจะทาครีมลงบนผิวหนังและทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์นั้นๆ กำหนด พอครบเวลาก็ทำการเช็ดหรือล้างออก ครีมกำจัดขนจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อเทียบกับการแว็กซ์ และให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนยาวนานกว่าการโกนขน
อย่างไรก็ตาม ควรอ่านคำแนะนำให้ครบถ้วนก่อนว่าสามารถใช้กำจัดขนส่วนใดได้บ้าง และควรทดลองใช้งานบางจุดก่อน เพื่อเช็กว่ามีอาการระคายเคืองผิวหนังหรืออาการแพ้หรือไม่
เครื่องกำจัดขน
เครื่องกำจัดขน เป็นอุปกรณ์พกพาที่สามารถกำจัดขนออกจากรากได้โดยอัตโนมัติ โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะทำงานด้วยการจับเส้นขนหลายเส้นพร้อมกันแล้วดึงออก แม้ว่าอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่เครื่องกำจัดขนก็ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าการโกน แต่สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวังและควรขัดผิวก่อนใช้อุปกรณ์เหล่านี้เพื่อป้องกันการเกิดขนคุด
การกำจัดขนด้วย IPL
การกำจัดขนด้วย IPL (Intense Pulsed Light) เป็นวิธีการกำจัดขนที่คล้ายกับการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ แต่วิธีนี้จะใช้พลังงานที่มีความยาวคลื่นหลากหลายและกระจายตัวกว้าง แทนที่จะเป็นความยาวคลื่นเดียวแบบเลเซอร์
โดยหลักการทำงานของ IPL จะเป็นการปล่อยแสงสเปกตรัมไปยังเมลานินในรูขุมขน จากนั้นเมลานินจะดูดซับแสงและเปลี่ยนเป็นความร้อน ซึ่งความร้อนนี้จะช่วยทำลายรากขนและขัดขวางการงอกใหม่ของเส้นขนในอนาคต
ถึงแม้วิธีนี้จะกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสีผิวและมีเส้นขนสีเข้ม เนื่องจากเป็นการฉายแสงทำลายเม็ดสีเมลานินเลยอาจทำให้ผิวไหม้ได้
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์
การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งเป็นการใช้พลังงานความร้อนจากลำแสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นเข้าไปทำลายรากขนโดยเฉพาะ จากนั้นเส้นขนจะค่อย ๆ หลุดออกจากผิวหนังภายใน 1-2 สัปดาห์
โดยปัจจุบันมีเลเซอร์กำจัดขนให้เลือกหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีตัวกลางในการผลิตแสงและความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน ซึ่งคนเอเชียที่มีสีผิวค่อนข้างเข้มอย่างเราจะเหมาะกับการใช้พลังงาน Long Pulse: ND YAG และ Diode laser
กำจัดขนที่ไหนดี?
สำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขนแบบเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และไม่ทำให้เกิดอาการคันหลังทำ การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยแนะนำให้เลือกใช้บริการที่คลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน คุณหมอมีประสบการณ์ ใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือคุณภาพสูง รวมถึงมีการให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล เพราะการเลือกคลินิกเสริมความงามจะส่งผลต่อผลลัพธ์ของผู้เข้ารับบริการโดยตรง
Better Me Clinic by Dr. Chanya เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขน เนื่องจากคุณหมอของเรามากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ใส่ใจรายละเอียดแบบเคสต่อเคส อีกทั้งยังมีเครื่องมือกำจัดขนที่ได้มาตรฐาน มาพร้อมกับนวัตกรรมที่ทันสมัย
หากสนใจ สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับรองว่าจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่และแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างแน่นอน
- Medical News Today, Causes and remedies for itchiness after shaving (https://www.medicalnewstoday.com/articles/325886/), 5 February 2024
- Gillette Venus, Itchiness after shaving? Here’s how to stop and treat it (https://gillettevenus.co.uk/en-gb/womens-shaving-guide/sensitive-skin/itchiness-after-shaving/), 5 February 2024
- Sistacafe, โกนแบบนี้ผิวพังหมด! 7 ข้อผิดพลาดในการ ‘โกนขน’ และสิ่งที่ควรทำ ให้ผิวเกลี้ยง เนียนสวย ไร้ขนคุด (https://bettermeclinicofficial.com/aesthetic/laser-hair-removal/), 5 กุมภาพันธ์ 2567
- HD Mall, รู้จักการกำจัดขนรักแร้ด้วยเลเซอร์ และ IPL https://hdmall.co.th/c/what-is-the-difference-between-laser-and-ipl-underarms-hair-removal), 5 กุมภาพันธ์ 2567