fbpx

🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

เมโสหน้าใส คืออะไร? ฉีดแล้วผิวดูสวยกระจ่างใสจริงหรือไม่?

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมโสหน้าใส

สำหรับคนที่หน้าหมอง พักผ่อนน้อย นอนไม่พอจนเกิดปัญหาผิวพัง หน้าขาดการบำรุงจนต้องหาทางลัดใหม่ในการบำรุงผิว นั่นก็คือการทำ ”เมโสหน้าใส” หรือการฉีดวิตามิน รวมถึงสารบำรุงผิวสำคัญต่างๆ เข้าไปในผิวโดยตรง เพื่อช่วยในการฟื้นฟูและผลัดเซลล์ผิว จึงทำให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใส มีความชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่นเหมือนนอนมาครบ 8 ชั่วโมง

ผลลัพธ์ที่ได้ภายหลังการทำเสร็จ ทำให้ ”เมโสหน้าใส” ได้รับความนิยมในบรรดาหนุ่มสาวอย่างรวดเร็ว และมีหลายคนที่สนใจอยากลองทำ เราจึงจะพาไปล้วงลึกว่าการทำเมโสหน้าใสคืออะไร เมโสหน้าใสช่วยเรื่องอะไรบ้าง ใครที่อยากรู้อยากจะลองทำ มาติดตามกันเลยค่ะ

เมโสหน้าใส คืออะไร?

ก่อนที่เราจะมาอธิบายว่าการทำเมโสหน้าใสคืออะไรกันแน่ ? ต้องอธิบายการว่าคำว่า เมโสหน้าใส หมายถึงอะไรก่อน? โดยเมโส (Meso) มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่าเมโสเทอราปี (Mesotherapy) โดยคำว่า เมโส (Meso) มีความหมายว่า ตรงกลาง ส่วนคำว่าเทอราปี (Therapy) แปลว่า การบำบัดรักษา

ดังนั้น การทำเมโส ก็คือการใช้เข็มฉีดลงในผิวชั้นกลาง หรือชั้นที่เป็นหนังแท้ที่มีคอลลาเลน และอิลาสตินสะสมอยู่เพื่อบำบัดผิว โดยทำหน้าที่คงความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวพรรณ การฉีดเมโสหน้าใสเข้าไปยังผิวชั้นกลาง ก็เหมือนเป็นการบำรุงโครงสร้างของชั้นผิวบริเวณดังกล่าวให้กลับมาแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นขึ้นอีกครั้ง

การฉีดเมโสหน้าใส จึงเป็นหัตการประเภทหนึ่งที่ใช้การฉีดสารสกัดจากวิตามิน หรือสารสำคัญต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิวเข้าไปยังผิวชั้นกลาง เพื่อช่วยในการฟื้นบำรุงและผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพทิ้งไป รวมถึงช่วยในการซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็น สิ่งสกปรก มลภาวะ หรือสารระคายเคืองผิว จึงทำให้ผิวดูสุขภาพดี มีความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นได้อีกครั้ง

เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

เมโสหน้าใสช่วยเรื่องอะไร? เป็นคำถามที่หนุ่มสาวหลายคนต้องการทราบ เพื่อให้ทุกคนทราบว่าการทำเมโสหน้าใสได้ผลลัพธ์อย่างไร และได้ผิวปัง ผิวสวยเหมือนที่ต้องการหรือไม่? เราจะมาแจกแจงให้เป็นข้อๆ ดังนี้

    • ปรับผิวกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ
    • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 
    • ลดการเกิดขึ้นของเม็ดสีเมลานิน 
    • เพิ่มความชุ่มชื้น สร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิวหน้า 
    • แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง 
    • แก้ปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำ 
    • เสริมสร้างความแข็งแรงของผิว ให้ผิวมีสุขภาพที่ดี 
    • ชะลอการเกิดขึ้นของริ้วรอย และลดโอกาสการเกิดริ้วรอยใหม่ๆ บนผิวหน้า 
    • ลดปัญหาสิว และการอักเสบของผิว

ฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับใครบ้าง?

หลายคนอาจสงสัยว่าเมโสหน้าใสใครฉีดได้บ้าง? สำหรับการฉีดเมโสหน้าใสเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย โดยสารหรือวิตามินต่างๆ ที่ฉีดเข้าไปจะสลายไปหมดแบบ 100% จึงแทบไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นกับผิวหน้า ดังนั้น การฉีดเมโสหน้าใสจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับสภาวะต่างๆ ที่ทำให้ผิวเสีย หน้าโทรม แลดูไม่สดใสเหมือนเคย รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อาทิ ความเครียด พักผ่อนไม่พอ เจอกับแสงแดด ปะทะกับลมหนาว เหตุปัจจัยพวกนี้นั้นล้วนส่งผลโดยตรงกับผิวหน้า

เราจึงต้องฟื้นบำรุงอย่างเร่งด่วนโดยการฉีดเมโสหน้าใสเข้าไปในผิว เพื่อเร่งให้ผิวกลับมาสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผู้ที่ไม่ชอบทาครีม ไม่ค่อยดูแลตัวเอง แต่อยากมีผิวที่ดูสุขภาพดี รวมถึงคนที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นสิวบ่อยอยากทำให้ผิวแข็งแรงก็สามารถใช้การฉีดเมโสแทนได้

ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

รวม 3 สูตรเมโสหน้าใสของ ชัญญาคลินิก ที่ไม่ควรพลาด

สำหรับชัญญาคลินิกมีการทำเมโสหน้าใสอยู่ 3 สูตร ซึ่งจะช่วยในการแก้ปัญหาผิวที่หลากหลายของแต่ละบุคคล โดยมี Meso Bright, Meso Aura และ Meso Glow Booster โดยแต่ละสูตรมีความแตกต่างกัน ดังนี้ 

    • Meso Bright: ตัวยานำเข้าจากฝรั่งเศสเป็นเมโสหน้าใสที่ช่วยในการฟื้นฟูผิวที่เคยแห้งให้กลับมาชุ่มชื้น รวมถึงช่วยในการปรับผิวให้แลดูกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ให้แลดูจางลง รวมไปถึงลดฝ้า กระ รอยดำ รอยแดงต่างๆ เนื่องจากมีส่วนผสมของสารสกัด phytoHA ธรรมชาติจากพืชหลากหลายชนิด รวมถึง วิตามิน A B C E K แร่ธาตุ และกรดอะมิโน จึงช่วยในการฟื้นบำรุงผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
    • Meso Aura: สำหรับเมโสหน้าใสสูตรนี้จะเน้นในการปรับผิวให้สว่าง และแลดูกระจ่างใสมากขึ้น รวมไปถึงทำให้ผิวชุ่มชื้น และดูโกล์ว เนื่องจากมีสารสกัดจากพืช 20 ชนิด Nano Capsule Phyto Stem  Cell และ Growth Factor ตัวยานำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยเพิ่มคอลลาเจนใต้ผิว กระชับรูขุมขน ทำให้ริ้วรอยจางลง รอยแผลเป็น และรอยสิวต่างๆ ก็จางลงไปด้วย 
    • Meso Glow Booster: สูตรสุดท้ายของเรา ตัวยานำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีสารสกัดที่สำคัญ เพื่อช่วยดูแลและฟื้นฝูผิว เช่น Placenta สกัดสดจากรกแกะ DNA สกัดจากปลาแซลมอนสายพันธุ์ดี Hyaluronic Acid และ Growth Factor (IGF, VGF) โดยสูตรนี้จะเป็นสูตรที่ช่วยปรับผิวขาวใส ใบหน้าดูโกลว์และดูเด็กลงได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้ผิวอิ่มน้ำ ป้องกันโครงสร้างผิวถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ กระตุ้นการซ่อมแซมของผิวระดับ DNA จึงช่วยในการลดริ้วรอย ฝ้า กระชับรูขุมขน จัดการจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฉีดเมโสหน้าใสมีผลข้างเคียงหรือไม่?

หลายคนอาจกังวลว่าการฉีดเมโสหน้าใสมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นหรือไม่? โดยสำหรับการฉีดเมโสหน้าใสเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียง รวมถึงไม่มีอันตรายเกิดขึ้น ซึ่งปกติสิ่งที่เจอมักจะเป็นรอยแดง รอยช้ำจากเข็ม ซึ่งจะหายเองได้ภายใน 2-3 วัน โดยเราจำเป็นต้องเลือกตัวยาเมโสที่ผ่านอย. รวมถึงเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ และคลินิกที่ตรวจสอบได้ จะช่วยให้ทุกคนมีความปลอดภัยในขณะที่เข้ารับบริการ

วิธีฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด VS 16 จุด แตกต่างกันอย่างไร?

มาถึงรูปแบบของการทำเมโสหน้าใส ซึ่งวิธีฉีดเมโสหน้าใสนั้นมีทั้งหมด 2 รูปแบบด้วยกัน โดยมีความแตกต่างกัน ดังนี้

แบบสะกิด

การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิดเป็นวิธีการแบบเก่า ซึ่งใช้วิธีสะกิดผิวหน้าเป็นจุดเล็กๆ บริเวณผิวชั้นตื้นให้ทั่วบริเวณผิวหน้า ซึ่งจะช่วยในการผลักวิตามินให้ซึมเข้าสู่ผิวหน้า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว 

    • ข้อดี คือ เจ็บน้อยเพราะใช้เข็มสะกิดเบาๆ ทั่วบริเวณใบหน้า
    • ข้อเสีย คือ อาจติดเชื้อหรือผิวอักเสบเนื่องจากอุปกรณ์ไม่สะอาด เกิดผื่นแดงจากรอยเข็ม รวมถึงมีรอยช้ำเกิดขึ้นได้

แบบ 16 จุด

เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด มีการคิดค้นขึ้นจากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นการฉีดเมโสหน้าใสตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง โดยคุณหมอจะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากๆ แทงลงไปในชั้นผิวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร เพื่อให้วิตามินซึมเข้าสู่ผิวได้ดี และได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แบบไม่ต้องกลัวเจ็บเลย

    • ข้อดี คือ ตัวยาสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างเต็มที่ เห็นผลได้ดีขึ้น รวมถึงมีรอยเข็มน้อยกว่า มีรอยช้ำน้อยกว่า และตัวยาออกฤทธิ์ได้ยาวนานมากกว่าอีกด้วย 
    • ข้อเสีย คือ มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเมโสหน้าใสแบบสะกิด และอาจจะเจ็บกว่าแบบสะกิดนิดหน่อย 

วิธีดูแลตัวเองก่อน-หลังเข้ารับการฉีดเมโสหน้าใส

มาถึงการดูแลตัวเองก่อน-หลังเข้ารับการฉีดเมโสหน้าใส ผู้รับบริการจำเป็นต้องทราบการปฏิบัติตัวทั้งก่อน-หลังทำเมโสหน้าใสเสร็จสิ้น ดังนี้

ก่อนฉีดเมโสหน้าใส

สำหรับการเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสหน้าใส ควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

    • ข้อดี คือ เจ็บน้อยเพราะใช้เข็มสะกิดเบาๆ ทั่วบริเวณใบหน้า
    • ข้อเสีย คือ อาจติดเชื้อหรือผิวอักเสบเนื่องจากอุปกรณ์ไม่สะอาด เกิดผื่นแดงจากรอยเข็ม รวมถึงมีรอยช้ำเกิดขึ้นได้
    • พูดคุยและปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้สารเมโสหน้าใส เพื่อเลือกสูตรสำหรับการแก้ปัญหาผิวหน้าอย่างตรงจุด 
    • แจ้งประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัว
    • สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรทำ 
    • เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีใบอนุญาตในประกอบกิจการตามมาตรฐาน
    • เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง
    • ขอแพทย์ดูยี่ห้อยา และเช็กว่าผ่านการรับรองจากอย. หรือไม่

หลังฉีดเมโสหน้าใส

สำหรับการเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสหน้าใส โดยสามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตตามปกติได้เลย แต่มีข้อควรปฏิบัติตัวอีกสักเล็กน้อย ดังต่อไปนี้

    • ประคบอุ่นใน 1 ชั่วโมงแรก ตามคำแนะนำของแพทย์
    • ประคบเย็นภายใน 48 แรก หากเกิดรอยแดง รวมถึงรอยช้ำในบริเวณที่ฉีด 
    • ไม่ควรนวดหลังทำเสร็จในทันที 
    • หลีกเลี่ยงการทาครีมบำรุงผิวหลังทำ 1 คืน 
    • ไม่สูบบุหรี่ รวมถึงดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ หลังทำเสร็จ 
    • ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ 
    • พักผ่อนให้เพียงพอ อย่านอนดึก 
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง

คำถามที่พบบ่อย

มาพบช่วงตอบคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดเมโสหน้าใส มีคำถามอะไรบ้าง? มาดูกัน

ฉีดเมโสหน้าใสราคาเท่าไหร่?

การฉีดเมโสหน้าใสจะมีราคาที่แตกต่างกันตามสูตรที่ใช้ เพราะปัญหาผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน สูตรที่ใช้จึงแตกต่างกัน ทำให้มีราคาแตกต่างกันไปด้วย จึงควรปรึกษากับแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ โดยเมโสหน้าใสแต่ละสูตรของชัญญาคลินิกจะมีราคา ดังนี้
  • Meso Bright: 2500 บาท (4000 บาท)
  • Meso Aura: 3000 บาท (5000 บาท)
  • Meso Glow Booster: 4000 บาท (7000 บาท)

ฉีดเมโสหน้าใสเจ็บไหม?

เป็นความเจ็บแบบทนได้ เพราะการทำเมโสหน้าใสเป็นการฉีดสารสำคัญหรือวิตามินลงบนชั้นผิวลึกเพียง 5 – 10 มิลลิเมตร จึงเจ็บไม่มากนัก แต่จะรู้สึกร้อนผิวบ้างก็เท่านั้น

ฉีดเมโสหน้าใสกี่ครั้ง? ถึงจะเห็นผล

เมโสหน้าใสกี่ครั้งเห็นผล โดยหลักๆ จะใช้เวลาประมาณ 3 วันถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น และเห็นผลอย่างเต็มที่ภายใน 7-14 วัน โดยสามารถฉีดได้เรื่อยๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์เป็นหลัก

ฉีดเมโสหน้าใสอยู่ได้นานแค่ไหน?

สำหรับเมโสหน้าใสหลังจากทำแล้วสามารถอยู่ได้นานถึง 2 เดือน แต่ถ้าฉีดอย่างสม่ำเสมอจะสามารถอยู่ได้ยาวนานมากขึ้น รวมถึงดูแลผิวหน้าของตนเองเป็นอย่างดีจะช่วยคงสภาพผิวของตัวเองเอาไว้ได้

ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี?

การเลือกการทำหัตถการทุกอย่าง รวมถึงการฉีดเมโสหน้าใสจำเป็นต้องเลือกคลินิกที่มีคุณภาพ และมีใบอนุญาต มีความน่าเชื่อถือ โดยชัญญาคลินิกเป็นคลินิกที่มีแพทย์ผู้มากประสบการณ์ และให้ความสำคัญกับปัญหาของคนไข้ทุกคนแบบ Case by Case เพื่อแก้ปัญหาผิวของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาสอบถามหรือปรึกษาได้ฟรี แบบไม่มีค่าใช้จ่ายเลยค่ะ

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ