Juvelook คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง ดีกว่าสารกระตุ้นคอลลาเจนอื่นอย่างไร?
ในปัจจุบันผู้คนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับผิวหน้ามากขึ้น ปัญหาผิวหน้าเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย ทั้งจากอายุที่มากขึ้น หรือจากมลภาวะที่ทำให้ผิวเสื่อมถอยลง การใช้สกิลแคร์อย่างเดียวคงไม่พอ ซึ่ง Juvelook นั้นเป็นเหมือน Skin Booster ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ในบทความนี้จะพาไปมาทำความรู้จักกับ Juvelook ว่าคืออะไร สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้จริงไหม และแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง แล้วข้อดีของ Juvelook มีอะไรบ้าง รวมถึงการทำ Juvelook เหมาะกับใครบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลย
Juvelook คืออะไร
Juvelook คือ คอลลาเจนบูสเตอร์ชนิดไฮบริด ที่ผสมผสานระหว่างกรดไฮยาลูโรนิกกับกรดพอลิแลกติกเข้าด้วยกัน โดยจะทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นผิวของเรา ซึ่งจะทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ ทำให้ริ้วรอยลดลง และรูขุมขนเล็กกว่าเดิม รวมถึงช่วยให้ผิวเรียบเนียนดูกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย โดยจะมีอีกตัวที่มีคุณสมบัติคล้ายกันเลยคือ Lenisna ซึ่ง Juvelook & Lenisna เป็นคู่งานผิวตัวดังที่กำลังมาแรง เป็น Collagen Biostimulator สารฉีดเพื่อฟื้นฟู และสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ส่งผลทำให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้น
นอกจากนี้ Juvelook นับว่าเป็นสารบำรุงผิวที่มีความปลอดภัย เพราะผ่านการรับรองจาก FDA และ CE สำหรับกรดพอลิแลกติก ซึ่งให้ผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี และยังสามารถสลายได้เองโดยไม่มีสารตกค้าง
ซึ่ง Juvelook จะมีอนุภาค Spherical & Foamy shape ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังได้รับการจดสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา หรือ FDA เป็นที่ยอมรับในระดับโลก รวมทั้ง CE หรือกฎระเบียบว่าด้วยความปลอดภัยในสหภาพยุโรป และได้รับการรับจองจาก อย.ไทย
Juvelook มีการทำงานอย่างไร
Juvelook เป็นโปรแกรมที่มาช่วยในเรื่องเพิ่มความหนาแน่น กระชับเต่งตึงของผิว และด้วยลักษณะของผลิตภัณฑ์ ที่มีลักษณะเป็นวงกลมขนาดไมโคร มีรูโดยรอบคล้ายฟองสบู่ จึงทำให้ในเวลาที่ฉีด Juvelook ลงสู่ใต้ชั้นผิว จะไม่เป็นก้อน หรือมีสารตกค้าง เพราะเมื่อทำการฉีด Juvelook เข้าไปนั้น อนุภาคขนาดเล็กของ PDLLA จะเข้าไปซ่อมแซมผิวจากภายในสู่ภายนอกได้ทันทีเพราะมี H4 ซึ่งไม่ต้องรอกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนไหมน้ำรุ่นอื่น จึงช่วยฟื้นฟูผิวให้แลดูขาวกระจ่างใสได้
บริเวณที่สามารถฉีด Juvelook ได้
การฉีด Juvelook ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย จึงสามารถฉีดได้หลายจุด โดยจุดที่สามารถฉีดได้จะมี ดังนี้
- บริเวณหน้าผาก
- บริเวณเปลือกตา
- บริเวณตีนกา
- บริเวณรอบดวงตา
- บริเวณร่องน้ำตา
- บริเวณคอเพื่อแก้รอบพับที่คอ
- บริเวณข้อศอก ข้อพับ ข้อเข่า
Juvelook ช่วยบำรุงหรือฟื้นฟูอะไรบ้าง
Juvelook เป็นเหมือนตัวช่วยบูสผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายอย่าง ดังนี้
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ผิวดูอิ่มน้ำ และเรียบเนียนขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน
- ช่วยป้องกัน และลดริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ เพราะ Juvelook จะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ริ้วรอยร่องลึกดูจางลง
- ช่วยลดรอยสิว และจุดด่างดำให้จางลง เพราะ Juvelook จะช่วยผลัดเซลล์ผิวให้อย่างอ่อนโยน
- ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- กระตุ้นไฟโบรบลาสต์ที่จะช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกันมากขึ้น และช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใสขึ้น
ความต่างระหว่าง Juvelook VS Rejurun
Juvelook เป็น Skin Rejuvenation Booster มีส่วนประกอบคือ Polylactic-acid (PLA) และกรดไฮยาลูโรนิก (HA) จะเหมาะกับคนที่อยากมีผิวหน้ากระจ่างใส หรือต้องการลดรอยสิว รวมถึงกระชับรูขุมขน ซึ่งผลลัพธ์จะได้อยู่ได้นานกว่าถึง 24 เดือน
ส่วน Rejuran คือนวัตกรรม Skin Booster มีส่วนประกอบคือ Polynucleotide (PA) และสารสกัด DNA ซึ่งเป็นแซมอนบริสุทธิ์ จะเหมาะกับคนที่อยากมีผิวหน้ากระจ่างใส โกลว์ ดูฉ่ำน้ำ และต้องการกระชับรูขุมขน แต่จะไม่สามารถลดรอยดำได้ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีด Juvelook
เมื่อตัดสินใจฉีด Juvelook อย่างแรกที่ควรให้ความสำคัญเลยคือ การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีด Juvelook เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด และเพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดผลข้างเคียง ที่อาจส่งผลเสียกับผิว โดยการเตรียมตัวจะมีดังนี้
- เข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แจ้งประวัติทางการแพทย์ เพื่อให้แพทย์จะได้ประเมินการรักษาที่เหมาะสม พร้อมขั้นตอนก่อนเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง
- งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการรักษาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจส่งผลเสียต่อการรักษาได้
- งดการออกกำลังกายหนักๆ
- งดการรับประทานวิตามิน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
การดูแลตนเองหลังรับการฉีด Juvelook
การดูแลตัวเองให้ดีหลังฉีด Juvelook จะช่วยให้ไม่ได้ผลข้างเคียงอื่นๆ หรือผลลัพธ์ที่ไม่ตรงตามที่ต้องการได้ โดยการดูแลตนเองหลังฉีด Juvelook จะมีดังนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างนุ่มนวลด้วยน้ำสะอาด หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีความอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการถูก หรือขัดผิวหน้าแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
- ทามอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยนต่อผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เลี่ยงการออกแดดโดยตรง เพราะแสงแดดอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
- งดการแต่งหน้า เพราะอาจส่งผลให้ผิวที่พึ่งฉีด Juvelook เกิดการระคายเคืองได้ ควรปล่อยให้รูเข็มปิดสนิทก่อน หากจำเป็นต้องออกไปพบปะผู้คน สามารถแต่งหน้าบางๆ ได้ ในวันถัดไปหลังจากฉีด Juvelook
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะการพักผ่อนเป็นวิธีการฟื้นฟูผิวที่ดีที่สุด ร่างกายจะมีพลังงานในการฟื้นฟูหลังการรักษาได้ดี
- ติดตามผลการรักษาสม่ำเสมอ มาตามนัดแพทย์ทุกครั้งเพื่อตรวจเช็กผลการรักษา และรับคำแนะนำเพิ่มเติม
ข้อดีและข้อเสียของ Juvelook
ก่อนตัดสินใจฉีด Juvelook เรามาดูข้อดี-ข้อเสียกันก่อนดีกว่า มีอะไรบ้าง ดังนี้
ข้อดีของ Juvelook
ก่อนอื่นเรามาดูข้อดีของ Juvelook กันก่อน โดยข้อดีของ Juvelook จะมีดังนี้
- ปลอดภัย และมีผลข้างเคียงน้อยมาก
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังฉีด
- ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ คงอยู่ได้เป็นเวลานาน
- ใช้รักษาปัญหาผิวได้หลากหลาย
- ไม่อุดตันเส้นเลือด ไม่เป็นก้อน
ข้อเสียของ Juvelook
แน่นอนว่ามีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย โดยข้อเสียของ Juvelook จะมีดังนี้
- จะมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย และจะหายเองใน 1-2 วัน
- ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้กรดไฮยาลูโรนิก หรือกรดพอลิแลกติก
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเลือดแข็งตัวผิดปกติ
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรไม่ควรฉีด Juvelook
- ราคาค่อนข้างสูง
ทำความสะอาดแผลอย่างถูกวิธี หนีปัญหาหลังเสริมคาง
- คุณหมอมีประสบการณ์ด้านความงามมายาวนาน 8 ปี
- คุณหมอเป็นอาจารย์สอนหลักสูตรการอบรมด้านเวชศาสตร์ความงามจากองค์กร ABAM จากอเมริกา คนเดียวในไทย
- เทคนิคใหม่แบบ Better Me คลินิกเน้นการออกแบบที่สวยงาม เหมาะกับใบหน้าของคนไข้ด้วยเทคนิคเฉพาะจากประเทศเกาหลี
- เจ็บน้อย บวมช้ำน้อย คุณหมอทุกท่านให้ความสำคัญกับคนไข้ทุกเคส
- คลินิกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน พร้อมนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- Better Me Club มีการบริการด้วยหัวใจหลังศัลยกรรม หรือทำหัตถการ ด้วยบริการให้คำแนะนำโดยแอดมินสายตรง พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ
- เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด เพิ่มความมั่นใจและสวยที่สุดในราคาที่จับต้องได้
สรุป
Juvelook นับว่าเป็น Skin Booster ที่กำลังมาแรง เป็นคอลลาเจนบูสเตอร์ชนิดไฮบริด ที่ผสมผสานระหว่างกรดไฮยาลูโรนิกกับกรดพอลิแลกติกเข้าด้วยกัน ซึ่งจะมาช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นผิวของเรา สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้มากมาย ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ ริ้วรอยจางลง และรูขุมขนเล็กลง
ซึ่งก่อนตัดสินใจฉีด Juvelook ก็ควรศึกษาทั้งข้อดี-ข้อเสียให้ดี อีกทั้งควรทราบถึงการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาด้วย ที่สำคัญไม่แพ้กันควรใส่ใจถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และตรวจสอบคลินิกที่ต้องการเข้ารักษาให้ดี ควรเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์คอยให้บริการ อย่างที่ Better Me Clinic เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงจากการฉีดที่ไม่ชำนาญของแพทย์ในภายหลัง
คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับ Juvelook (FAQ)
หลายๆ คนอาจจะยังสงสัยเกี่ยวกับการฉีด Juvelook นอกเหนือจากในบทความ เราได้รวบรวมคำถามพร้อมคำตอบเพื่อให้คลายสงสัย เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจก่อนฉีด Juvelook ดังนี้