fbpx

🔥FREE! Schedule a 3D Facial Design consultation with Dr.Chanya only this month 🇺🇸 🇰🇷 🔥

สิวที่หน้าผากเกิดจากอะไร? รักษาอย่างไรให้ได้ผลแบบเร่งด่วน?

สิวที่หน้าผากเกิดจากอะไร? รักษาอย่างไรให้ได้ผลแบบเร่งด่วน?
สิวที่หน้าผากเกิดจากอะไร? รักษาอย่างไรให้ได้ผลแบบเร่งด่วน?

สิวที่หน้าผาก นอกจากจะทำให้รู้สึกระคายเคืองและเจ็บปวดแล้ว ยังทำให้ผิวหน้าดูขรุขระ ไม่เรียบเรียน ยิ่งไปกว่านั้นอาจเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ จนทิ้งรอยแผลเป็นจากสิวเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รักษาให้หายได้ยาก

Better Me Clinic จึงได้รวบรวมทุกรายละเอียดเกี่ยวกับสิวที่หน้าผากมาไว้ในบทความนี้ ตั้งแต่สาเหตุการเกิดสิวที่หน้าผาก ประเภท สิวที่หน้าผากบอกอะไรกับเราบ้าง รวมถึงวิธีการรักษาและการป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่หน้าผาก เพื่อช่วยให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจปัญหาสิวที่หน้าผากได้อย่างถูกต้อง

สิวที่หน้าผากเกิดจากอะไร?

สิวที่หน้าผากเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยทั่วไปแล้วมักเกิดจากปัจจัยต่อไปนี้

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เมื่อฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น ผู้มีรอบประจำเดือน หรือผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้การผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ความมันส่วนเกินเข้าไปอุดตันรูขุมขนและเอื้อต่อการเกิดสิวได้
  • ความเครียด เมื่อเราเผชิญกับความเครียด ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนความเครียดที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบและกระตุ้นต่อมไขมัน ซึ่งส่งผลให้เกิดสิวที่หน้าผาก รวมถึงบริเวณอื่น ๆ ได้
  • การแพ้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งและดูแลเส้นผม เช่น แชมพู ครีมนวดผม เจล และสเปรย์ฉีดผม อาจมีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขนและทำให้ผิวหนังระคายเคือง ทำให้เกิดการแพ้ผลิตภัณฑ์จนเกิดสิวที่หน้าผาก
  • เครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น แป้ง และไพรเมอร์ ก็สามารถทำให้เกิดสิวบนหน้าผากได้เช่นกัน เนื่องจากเครื่องสำอางบางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดสิวซึ่งปิดกั้นรูขุมขนและส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว นอกจากนี้ การล้างเครื่องสำอางไม่สะอาดอาจทำให้เกิดสิ่งตกค้างบนผิวหนัง และทำให้สิวรุนแรงขึ้นได้
  • สิ่งสกปรกอุดตัน การที่มีเหงื่อออกมากเกินไป การสัมผัสกับมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และการไม่ทำความสะอาดหน้าผากอย่างเหมาะสม นำไปสู่การสะสมของสิ่งสกปรก เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และความมัน สิ่งสกปรกเหล่านี้สามารถอุดตันรูขุมขนและส่งผลให้เกิดสิวได้
  • แสงแดดและมลภาวะ การสัมผัสกับแสงแดดและมลภาวะมากเกินไปก็สามารถทำให้เกิดสิวที่หน้าผาก เนื่องจากสิวรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) สามารถทำลายผิวหนังและเพิ่มการอักเสบได้ ในขณะที่มลพิษสามารถอุดตันรูขุมขนและกระตุ้นให้เกิดสิวได้

ประเภทของสิวที่หน้าผาก

โดยทั่วไปสิวที่หน้าผากมี 3 ประเภท ได้แก่ สิวอุดตันที่หน้าผาก สิวอักเสบที่หน้าผาก และสิวผดที่หน้าผาก โดยแต่ละประเภทยังแบ่งออกไปได้หลายแบบตามลักษณะการเกิดสิว ดังนี้

สิวอุดตันที่หน้าผาก

  • สิวหัวดำ เป็นตุ่มสิวสีเข้มขนาดเล็กบนผิวหนัง เมื่อลูบไปจะรู้สึกสาก ๆ แต่ไม่รู้สึกเจ็บ เกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนอุดตันจากความมันส่วนเกิน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรีย ซึ่งสาเหตุที่มีสีเข้มก็มาจากการทำปฏิกิริยากับเม็ดสีเมลานินนั่นเอง
  • สิวหัวขาว มีลักษณะคล้ายกับสิวหัวดำ แต่ปากสิวปิดทำให้ไม่ได้ทำปฏิกิริยากับเม็ดสีเมลานิน โดยปรากฏเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาวหรือสีเนื้อบนผิวหนัง สิวหัวขาวเกิดจากการอุดตันของเชื้อแบคทีเรีย สามารถพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบได้ด้วย

สิวอักเสบที่หน้าผาก

  • สิวตุ่มนูนแดง มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดเล็กนูนขึ้นบนผิวหนัง เกิดเมื่อผนังรอบรูขุมขนเกิดการอักเสบเนื่องจากมีน้ำมันส่วนเกิน แบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว 
  • สิวหนอง เป็นตุ่มสิวขนาดใหญ่ที่มีหนองสีขาวอยู่ตรงกลาง อาจมีสีแดงหรือเหลืองก็ได้ สิวหนองเกิดขึ้นเมื่อผนังรอบรูขุมขนอักเสบ และเซลล์เม็ดเลือดขาวรีบไปที่บริเวณนั้นเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ ไม่ควรบีบหรือแกะสิวหนองเพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น
  • สิวหัวช้าง เป็นตุ่มสิวที่เป็นก้อนขนาดใหญ่ มีความเป็นก้อนแข็ง และรู้สึกเจ็บปวด ซึ่งเกิดขึ้นใต้ผิวหนัง
     
  • สิวอักเสบรุนแรง มีลักษณะเป็นก้อนและซีสต์ขนาดใหญ่ โดยจะมีลักษณะเป็นถุงที่เต็มไปด้วยของเหลวและมีหนองซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในผิวหนัง สิวประเภทนี้อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้มาก

สิวผดที่หน้าผาก

  • สิวผด สิวชนิดนี้เป็นสิวไม่มีหัว มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ จำนวนมากคล้ายผื่น เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกสาก ๆ ที่ผิวหนัง โดยมักเกิดขึ้นเมื่ออากาศร้อนอบอ้าว
ปรึกษาหมอเกียร์โดยตรง
ปรึกษาหมอชัญญาโดยตรง

สิวที่หน้าผากบอกอะไรเราได้บ้าง?

นอกจากสิวที่หน้าผากจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน เกิดความระคายเคือง และบางชนิดทำให้รู้สึกเจ็บแล้ว ยังบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ได้ด้วย โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีสิวที่หน้าผากมักมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพดังนี้

  • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น อาจทำให้เกิดการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น และทำให้รูขุมขนอุดตันตามมา ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีโอกาสเกิดสิวเห่อได้ด้วย 

  • ระบบย่อยอาหารและลำไส้มีปัญหา เช่น ท้องผูก แพ้อาหาร หรือลำไส้อักเสบ สามารถทำให้เกิดสารพิษสะสมจนเกิดเป็นสิวที่หน้าผากตามมา

  • มีโภชนาการที่ไม่ดี การรับประทานอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพในปริมาณมาก รวมถึงการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามิน A, E, D, สังกะสี และกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจส่งผลต่อสุขภาพผิวและทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน

  • มีความเครียด เป็นที่รู้กันว่าความเครียดกระตุ้นให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมน ซึ่งอาจทำให้สิวกำเริบรุนแรงขึ้นได้ เมื่อเราเผชิญกับความเครียด ร่างกายของเราจะผลิตคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดที่สามารถเพิ่มการผลิตไขมันและทำให้รูขุมขนอุดตันได้ 

  • นอนหลับไม่เพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพออาจรบกวนการควบคุมฮอร์โมน และลดความสามารถในการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผิวใหม่ นำไปสู่การเกิดสิวที่หน้าผากตามมา

  • รูขุมขนอุดตันและมีไขมันส่วนเกิน บริเวณหน้าผากมีโอกาสสะสมน้ำมัน เหงื่อ และสิ่งสกปรกส่วนเกิน ซึ่งอาจอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวตามมา

วิธีรักษาสิวที่หน้าผาก

การรักษาสิวที่หน้าผากนั้นทำได้ทั้งรักษาด้วยตัวเองและรักษาด้วยการทำหัตถการ ซึ่งการรักษาด้วยตัวเองมักต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอ รวมถึงต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาที่ยาวนานมากกว่าการรักษาด้วยหัตถการ

รักษาด้วยตัวเอง

  • ใช้แผ่นแปะสิว แผ่นแปะสิวส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของไฮโดรคอลลอยด์ (Hydrocolloid) ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ และดูดสิวอย่างอ่อนโยน ลดการเกิดรอยดำรอยแดงได้เป็นอย่างดี

  • ทาครีมลดสิว ครีมลดสิวส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ซึ่งช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ และทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน แนะนำให้เริ่มใช้ตัวที่มีความเข้มข้นต่ำก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิวหนัง 

  • ใช้ยารักษาสิว เช่น เรตินอยด์ (Retinoid) ช่วยขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน กรดอะเซไล (Azelaic Acid) ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว โดยควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

  • รับประทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากยาคุมกำเนิดบางชนิดมีเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสติน (Progestins) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการจัดการสิว อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ในการเลือกยาคุมกำเนิดที่เหมาะสม

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวมีความสำคัญในการป้องกันและรักษาสิวที่หน้าผากอย่างมาก ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้อุดตันและปราศจากน้ำมัน เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีโอกาสอุดตันรูขุมขนอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวที่หน้าผากได้

รักษาด้วยการทำหัตถการ

การรักษาสิวที่หน้าผากด้วยการทำหัตถการ เป็นการรักษาที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวที่หน้าผากอย่างเห็นผลแบบเร่งด่วน นอกจากจะช่วยรักษาสิวที่หน้าผากแล้ว ยังช่วยแก้ไขปัญหาผิวด้านอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย โดยวิธีการการรักษาสิวที่หน้าผากด้วยการทำหัตถการที่นิยมใช้กันมีดังนี้

  • การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการใช้เข็มฉีดส่วนผสมของสารสกัด phytoHA ธรรมชาติจากพืชหลากหลายชนิด รวมถึงวิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนลงในผิวชั้นกลาง โดยเมโสหน้าใสจะช่วยลดการอักเสบของผิว แก้ปัญหาสิว และช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส มีความยืดหยุ่น ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และทำให้รูขุมขนกระชับ

  • เลเซอร์ลดสิว เป็นการใช้พลังงานเลเซอร์เข้าไปช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อปรับปรุงเนื้อผิว และลดรอยแผลเป็นจากสิว ทำให้หน้ากลับมาเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น

  • ฉีดสิว เป็นการฉีดสารคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าไปในสิว โดยจะเข้าไปช่วยลดการอักเสบและรอยแดงที่เกิดจากสิว ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการฉีดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากหากใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดหลุมสิวได้ ซึ่งการฉีดสิวสามารถทำควบคู่ไปกับการทำ Magic Peeling และ การฉีดเมโส

  • การทำ Acne Peeling เป็นการผลัดเซลล์ผิวหน้าสูตรพิเศษ Magic Peeling ที่ใช้กรดผลไม้ในการผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นกำพร้าที่ไม่แข็งแรงให้หลุดลอกออก โดยสูตรที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิวที่หน้าผากคือ สูตร Acne Peeling เพราะสูตรนี้จะช่วยแก้ปัญหาสิว ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด นอกจากนี้ยังฆ่าเชื้อสิวและทำให้สิวแห้งไวยิ่งขึ้น

  • การฉีดเอ็กโซโซม เป็นการฉีดสารชีวเคมีที่มีความสำคัญต่อทุกเซลล์ในร่างกายมนุษย์ที่มีจำนวนมากกว่า 1,000 ชนิด ซึ่งเป็นโมเลกุลอนุภาคนาโนขนาดเล็กมากที่เข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ซึ่งจะทำให้ผิวแข็งแรงและรักษาสิวจากภายใน นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใสด้วย

วิธีป้องกันการเกิดสิวที่หน้าผาก

อย่างที่รู้กันว่าการมีสิวที่หน้าผากทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และสิวบางชนิดยังทำให้รู้สึกระคายเคือง เจ็บ และอักเสบ ดังนั้น หากใครที่ไม่อยากเผชิญปัญหาเหล่านี้ ควรปฏิบัติตามวิธีป้องกันการเกิดสิวที่หน้าผากที่ Better Me Clinic นำมาฝาก จะป้องกันอย่างไรบ้างนั้น ตามมาดูได้เลย

  • ดูแลความสะอาดของใบหน้า ควรล้างหน้าวันละสองครั้งเพื่อช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกิน สิ่งสกปรก และเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่อาจอุดตันรูขุมขน ให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ออกฤทธิ์รุนแรง ซึ่งสามารถดึงน้ำมันตามธรรมชาติออกจากผิว ส่งผลให้การผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดสิวและลดการอุดตันรูขุมขน
  • สครับผิว ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน ควรสครับผิวอย่างอ่อนโยนเนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบได้ 
  • หลีกเลี่ยงการแกะหรือบีบสิว เพราะในมือของเรามีแบคทีเรีย สิ่งสกปรก และความมัน เมื่อไปแกะหรือบีบสิว จะทำให้เกิดแผลเป็นและติดเชื้อได้
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดสิว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ครีมกันแดด และผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม เพราะจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิว
  • จัดการความเครียด เนื่องจากความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมน ซึ่งนำไปสู่การผลิตน้ำมันและการเกิดสิวเพิ่มขึ้น ควรหากิจกรรมทำคลายเครียดเช่น การออกกำลังกาย นั่งสมาธิ หรือทำงานอดิเรก
  • หลีกเลี่ยงการสวมหมวกที่รัดแน่น เนื่องจากจะกักเหงื่อและความมันไว้ที่หน้าผาก ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวได้ 
  • ดูแลเส้นผมให้สะอาด ผมมันมีส่วนทำให้เกิดสิวที่หน้าผากได้ ดังนั้นควรสระผมเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่ไว้ผมหน้าม้า
  • ทำความสะอาดปลอกหมอนเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพราะปลอกหมอนเป็นแหล่งสะสมความมัน สิ่งสกปรก และแบคทีเรีย ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปที่หน้าผากของเราในขณะที่เรานอนหลับ

รักษาสิวที่หน้าผากที่ไหนดี?

สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวที่หน้าผากแบบเร่งด่วนด้วยการทำหัตถการ เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง แนะนำให้เลือกใช้บริการรักษาสิวที่หน้าผากกับคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน คุณหมอมีประสบการณ์ ใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือคุณภาพสูง รวมถึงมีการให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล 

เนื่องจากโปรแกรมการรักษา ปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ และเทคนิคต่าง ๆ มีผลต่อใบหน้าของผู้เข้ารับบริการโดยตรง หากได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดหลุมสิวได้

Better Me Clinic by Dr. Chanya เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวที่หน้าผากอย่างปลอดภัย เพราะคุณหมอของเรามีประสบการณ์มากกว่าหมื่นเคส พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ใส่ใจรายละเอียดแบบเคสต่อเคส มีการประเมินสภาพผิวอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ 

อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน พร้อมเครื่องมือครบครัน และนวัตกรรมที่ทันสมัย หากสนใจ สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับรองว่าจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่และแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างแน่นอน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวที่หน้าผาก (FAQs)

รักษาสิวที่หน้าผากใช้เวลานานไหม?

ระยะเวลาในการรักษาสิวอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว วิธีการรักษาที่เลือก และการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป การรักษาด้วยตนเองต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอในช่วงระยะเวลาหนึ่งจึงจะเห็นผล ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 1-3 เดือน ส่วนการรักษาด้วยหัตถการ เช่น การรักษาด้วยเลเซอร์ ฉีดสิว Peeling และการฉีดเมโสหน้าใส จะให้ผลลัพธ์เร็วกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยตนเอง ซึ่งจะมีจำนวนครั้งที่ต้องทำและระยะเวลาพักฟื้นที่แตกต่างกัน

บีบสิวที่หน้าผากด้วยตัวเองได้ไหม?

ไม่แนะนำให้บีบสิวที่หน้าผากด้วยตัวเอง เพราะจะเสี่ยงติดเชื้อจากแบคทีเรียในมือของเรา จนนำไปสู่การอักเสบและสิวเห่อได้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวที่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าผิวจะกลับมาเป็นปกติ
  • Healthline, Forehead Acne (https://www.healthline.com/health/forehead-acne), 12 January 2024
  • Very Well Health, What Causes Acne on the Forehead?, and How Do I Get Rid of It? (https://www.verywellhealth.com/forehead-acne-7505280), 12 January 2024
  • Bioderma, 5 สาเหตุสิวขึ้นหน้าผาก พร้อมบอกวิธีกำจัดสิวผดที่หน้าผาก (https://www.bioderma.co.th/your-skin/combination-oily-acne-prone-skin/forehead-acne), 12 มกราคม 2567
  • Eucerin, สิวขึ้นหน้าผาก สาเหตุคืออะไร พร้อม 3 ขั้นตอน จัดการสิวหน้าผาก เพื่อผิวเนียนใส (https://www.eucerin.co.th/skin-concerns/acne-prone-skin/acne-on-forehead), 12 มกราคม 2567

เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ