6 วิธีกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า เพื่อผิวสวยดูอ่อนกว่าวัย
การกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน และกระชับขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำหน้าที่เสริมสร้างโครงสร้างของผิว แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนจะลดลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และความหมองคล้ำ
ถึงแม้การสูญเสียคอลลาเจนจะฟังดูเป็นเรื่องน่ากลัว แต่การดูแลผิวอย่างถูกวิธีก็สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ได้ ในบทความนี้ Better Me Clinic จึงได้รวบรวม 6 วิธีที่จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพมาให้อ่านกัน!
คอลลาเจนคืออะไร?
คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นมา ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย รวมถึงผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น กระดูกอ่อน และอวัยวะภายใน
โดยคอลลาเจนจะทำหน้าที่คล้ายกับกาวที่ช่วยยึดเซลล์ต่างๆ เข้าด้วยกัน รวมถึงช่วยส่งเสริมให้เนื้อเยื่อมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างเป็นสายเกลียวสามเส้น (Triple Helix) ประกอบขึ้นจากกรดอะมิโนหลัก 3 ชนิด ได้แก่
- ไกลซีน (Glycine) : เป็นกรดอะมิโนที่มีขนาดเล็กที่สุดและมีความสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจน โดยไกลซีนจะช่วยให้สายคอลลาเจนสามารถม้วนตัวเป็นเกลียวได้อย่างแน่นหนาและมีความยืดหยุ่น รวมถึงมีส่วนช่วยในการผลิตเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบในผิวหนัง เส้นผม และเล็บ
- โพรลีน (Proline) : เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยให้สายโพลีเปปไทด์ของคอลลาเจนมีความเสถียรและแข็งแรงมากขึ้น มีบทบาทสำคัญในกระบวนการซ่อมแซมบาดแผลและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น ผิวหนัง, เส้นเอ็น และกระดูกอ่อน
- ไฮดรอกซีโพรลีน (Hydroxyproline) : เป็นกรดอะมิโนที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงโพรลีน มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเสถียรภาพของคอลลาเจน ช่วยเพิ่มความสามารถในการจับน้ำของคอลลาเจน ทำให้เนื้อเยื่อมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น
กรดอะมิโนทั้งสามชนิดจะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างคอลลาเจนที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ยืดหยุ่น และสามารถรองรับแรงดึงได้ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย รวมถึงส่งผลต่อผิวพรรณบนใบหน้าด้วย
คอลลาเจนสำคัญกับใบหน้าอย่างไร?
คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง โดยเฉพาะชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ถ้าหากพื้นฐานดี ผิวหน้ามีปริมาณคอลลาเจนที่เพียงพอ ก็จะส่งผลดีต่อผิวในหลายๆ ด้านด้วย ดังนี้
- ช่วยให้ผิวเต่งตึงและกระชับ: คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวทั้ง 3 ชั้น ทำหน้าที่เสมือนโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวให้ดูเต่งตึงและมีความยืดหยุ่น หากร่างกายมีคอลลาเจนเพียงพอ ผิวหน้าก็จะไม่หย่อนคล้อย รวมถึงลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
- ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก: เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนจะลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดริ้วรอย โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก หางตา และร่องแก้ม การเพิ่มคอลลาเจนจะช่วยเติมเต็มช่องว่างในชั้นหนังแท้ ทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น
- ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดความแห้งกร้าน: คอลลาเจนยังมีอีกหน้าที่สำคัญ คือ การช่วยกักเก็บน้ำและส่งเสริมการทำงานของสารไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ในชั้นผิว เมื่อผิวมีปริมาณคอลลาเจนเพียงพอจะทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ
- ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิว: คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายจากมลภาวะ แสงแดด หรือสิว โดยจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า สร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้แผลเป็น รอยดำ หรือรอยแดงจากสิวดูจางลงได้
- ช่วยลดการอักเสบของผิว: กรดอะมิโนในคอลลาเจนอย่างไกลซีนและโพรลีน มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ช่วยให้ผิวมีปริมาณคอลลาเจนที่เพียงพอและทำให้เกิดการอักเสบได้ยาก รวมถึงช่วยลดโอกาสที่จะเกิดผื่นและสิวอักเสบได้
- ป้องกันการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ: คอลลาเจนมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและลดโอกาสที่เม็ดสีผิวจะถูกทำลายจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า กระ และจุดด่างดำได้
สาเหตุที่ผิวสูญเสียคอลลาเจน
สาเหตุที่ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนมีหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในที่เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกาย และปัจจัยภายนอกที่เกิดจากพฤติกรรมหรือสิ่งแวดล้อม ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจน มีดังนี้
- พันธุกรรม: ผลจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมทำให้โครงสร้างผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน โดยคนบางกลุ่มอาจผลิตคอลลาเจนได้น้อย หรือมีแนวโน้มสูญเสียคอลลาเจนเร็วกว่าปกติ ทำให้ผิวบาง เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยก่อนวัย
- อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ต่างๆ จะค่อยๆ เสื่อมสภาพลง ซึ่งรวมถึงเซลล์ที่มีหน้าที่ผลิตคอลลาเจนด้วย เมื่ออายุเข้าสู่ช่วง 20 ปีขึ้นไป การผลิตคอลลาเจนจะเริ่มลดลงปีละประมาณ 1% ถ้าหากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลผิว ในช่วงวัย 40 ปี ร่างกายอาจสูญเสียคอลลาเจนไปแล้ว 10-20% ก่อนที่กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะลดลงอย่างรวดเร็ว
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือนและมีระดับฮอร์โมนชนิดนี้ลดลง จะทำให้การผลิตคอลลาเจนลดลงไปด้วย
- แสงแดด: ในแสงแดดจะมีรังสียูวี (Ultraviolet Radiation) ที่สามารถทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้ โดยรังสี UVA จะสามารถทะลุเข้าไปทำลายคอลลาเจนได้ถึงชั้นหนังแท้ และรังสี UVB จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งทำลายโครงสร้างคอลลาเจน การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานโดยไม่ป้องกันผิว จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนเร็วขึ้น
- การสูบบุหรี่: เนื่องจากในบุหรี่มีสารนิโคติน (Nicotine) ทำให้หลอดเลือดหดตัวและส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปยังเซลล์ผิวได้น้อยลง ผิวจึงขาดออกซิเจนและกระตุ้นสร้างคอลลาเจนได้ลดลง
- ความเครียด: ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผิวสูญเสียคอลลาเจนได้ เนื่องจากร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) เพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะเข้าไปทำลายคอลลาเจนในผิวหนังและทำให้ผิวเหี่ยวย่นได้
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ: หากพักผ่อนไม่เพียงพอหรือนอนดึกเป็นประจำอาจทำให้ร่างกายไม่ได้รับการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผิวจึงอ่อนแอและสูญเสียคอลลาเจนได้ง่าย
ผิวหน้าที่ขาดคอลลาเจนจะมีลักษณะอย่างไร?
เมื่อคอลลาเจนในผิวลดลง ผิวจะสูญเสียความกระชับ ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวในหลายๆ ด้าน โดยลักษณะที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนของผิวที่ขาดคอลลาเจน มีดังนี้
- ริ้วรอย: ริ้วรอยเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าผิวเริ่มขาดคอลลาเจน โดยช่วงแรกอาจเป็นเพียงริ้วรอยตื้นๆ หรือรอยพับเล็กๆ ก่อนที่จะเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งริ้วรอยที่เกิดจากการขาดคอลลาเจนจะเห็นได้ชัดในบริเวณที่ผิวมีการเคลื่อนไหวบ่อยๆ เช่น รอบดวงตา, มุมปาก และหน้าผาก
- ผิวหย่อนคล้อย: เมื่อใดก็ตามที่ปริมาณคอลลาเจนลดลง โครงสร้างของผิวจะเริ่มอ่อนแอลง ทำให้ผิวขาดความกระชับและหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณแก้ม กรอบหน้า และใต้คาง
- ผิวขาดความชุ่มชื้น: คอลลาเจนมีส่วนช่วยในการกักเก็บน้ำและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่อคอลลาเจนลดลง ผิวจะสูญเสียความสามารถในการอุ้มน้ำ ทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ ในบางรายผิวอาจลอกเป็นขุยและระคายเคืองได้ง่าย
- ผิวบางและไวต่อการระคายเคือง: ผิวที่ขาดคอลลาเจนมักจะอ่อนและไม่สามารถปกป้องตัวเองจากมลภาวะได้ดีเท่าที่ควร ทำให้มีแนวโน้มระคายเคืองง่ายและไวต่อแสงแดด ผิวจะเกิดรอยหรือผื่นแดงได้ง่ายเมื่อสัมผัสสิ่งกระตุ้น เช่น อากาศเย็นหรือสารเคมี
- ผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ: เมื่อคอลลาเจนลดลง การผลัดเซลล์ผิวที่ปกติแล้วจะเกิดขึ้นในทุกๆ 28 วันอาจเกิดขึ้นช้าลง ทำให้เกิดการสะสมของผิวหนังที่เสื่อมสภาพ ผิวจึงดูหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และเกิดจุดด่างดำได้ง่ายขึ้น
- แผลหายช้าลงและเกิดรอยแผลเป็นง่ายขึ้น: คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิว เมื่อคอลลาเจนลดลง แผลจะหายช้าลงและมีแนวโน้มเกิดรอยแผลเป็นได้ง่ายขึ้น
วิธีกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า
วิธีกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปรับพฤติกรรมและการดูแลผิวให้เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผิวคงความกระชับ เรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย โดยวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน มีดังนี้
1. พักผ่อนให้เพียงพอ
โกรทฮอร์โมนเป็นฮอร์โมนที่สำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจะหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงที่เราหลับลึก ดังนั้นหากต้องการฟื้นฟูจากภายใน ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน และเข้านอนในช่วงเวลา 22:00 – 02:00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่โกรทฮอร์โมนหลั่งได้ดีที่สุด
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ซึ่งจะช่วยให้เลือดนำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้ ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงและผลิตคอลลาเจนได้ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน และออกกำลังกายอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีมากขึ้น
3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำลายคอลลาเจน
บางพฤติกรรมอาจทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็วขึ้น ดังนั้นการหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ผิวรักษาคอลลาเจนได้ยาวนานขึ้น เช่น ลดหรือเลิกการสูบบุหรี่, ลดความเครียด และลดการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งและขาดคอลลาเจน
4. รับประทานอาหารเพิ่มคอลลาเจน
อาหารมีบทบาทสำคัญต่อการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติได้ เช่น
- อาหารที่มีโปรตีนสูง: การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์, ไข่, ถั่ว และผลิตภัณฑ์จากนม จะช่วยให้ร่างกายได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นในปริมาณที่เพียงพอและสามารถสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- อาหารที่มีวิตามินซีสูง: การรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม, ฝรั่ง, มะเขือเทศ หรือผักใบเขียว จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ อีกทั้งวิตามินซียังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีคุณสมบัติในการป้องกันการเสื่อมของคอลลาเจนได้อีกด้วย
- อาหารที่มีสังกะสีสูง: การรับประทานอาหารที่มีสังกะสีหรือ Zinc สูง เช่น หอยนางรม, เนื้อแดง หรือถั่ว จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ที่ผลิตคอลลาเจนได้ นอกจากนี้ สังกะสียังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Matrix Metalloproteinases ที่ทำลายคอลลาเจน พร้อมทั้งช่วยรักษาสมดุลระหว่างกระบวนการสร้างและสลายคอลลาเจนได้อีกด้วย
นอกจากอาหารที่แนะนำแล้ว การดื่มน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ควรดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นและทำให้คอลลาเจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ทาครีมบำรุงผิวเพิ่มคอลลาเจน
การใช้สกินแคร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าได้ โดยผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาณคอลลาเจนใต้ผิว ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารเหล่านี้
- เรตินอล (Retinol) : เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่ช่วยกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว และทำให้ผิวดูกระชับขึ้นเมื่อใช้ต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ควรใช้เรตินอลเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น และควรทาครีมกันแดดในตอนกลางวัน เนื่องจากเรตินอลจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น
- เปปไทด์ (Peptides) : เป็นกรดอะมิโนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจน โดยเปปไทด์จะช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ลดการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน และช่วยให้เซลล์ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น หลังใช้ผิวจึงมีความแข็งแรงและดูเรียบเนียนขึ้น
- วิตามินซี (Vitamin C) : เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้า โดยวิตามินซีจะช่วยให้เส้นใยคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่แข็งแรงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงยังช่วยป้องกันไม่ให้คอลลาเจนถูกทำลายจากรังสียูวีและมลภาวะ
- ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) : ไนอะซินาไมด์เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว เมื่อใช้ไนอะซินาไมด์อย่างต่อเนื่อง ผิวจะแข็งแรงและสร้างคอลลาเจนได้ดีขึ้น ผิวจึงดูเต่งตึงและกระชับ
- กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) : กรดไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในผิว มีหน้าที่สำคัญในการกักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยให้คอลลาเจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องผิวจะดูอิ่มน้ำและกระชับขึ้น
6. ทำหัตถการทางการแพทย์
นอกจากการใช้สกินแคร์และการดูแลตัวเองด้วยวิธีต่างๆ แล้ว หัตถการทางการแพทย์ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังทำที่ใช้เวลาไม่นาน โดยวิธีที่ Better Me Clinic แนะนำมีดังนี้
- Profhilo: Profhilo เป็นสารที่ใช้ในการฟื้นฟูผิวที่ประกอบไปด้วยกรดไฮยาลูรอนิกเข้มข้น ทำให้มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน โดยไฮยาลูรอนิกใน Profhilo จะมาในรูปแบบ Non-crosslinked หรือการไม่ใช้สารเคมีในการเชื่อมโยงโมเลกุล ทำให้ความบริสุทธิ์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวแบบล้ำลึก รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้และการเกิดผลข้างเคียงหลังฉีด
- Sculptra: Sculptra มีส่วนประกอบหลักคือ Poly-L-lactic acid (PLLA) เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว สาร PLLA จะกระจายตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผ่านกระบวนการของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นขึ้น โดยผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นและคงอยู่ได้นาน 2-3 ปี
- การทำเลเซอร์ผิว: เป็นการใช้พลังงานแสงกระตุ้นความร้อนใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายเทคโนโลยี เช่น E-Matrix Laser, Q-Switched Laser, Dual Yellow Laser และ Picosecond Laser
- การใช้เทคโนโลยียกกระชับ: การใช้เทคโนโลยียกกระชับด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าได้ หลังทำผิวจะแน่นขึ้น รูขุมขนดูกระชับ หน้าเนียนใส และช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าที่ไหนดี?
จะเห็นได้ว่าการกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้านั้นมีหลากหลายวิธี หากยังไม่แน่ใจว่าควรกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าที่ไหนดี? ให้ Better Me Clinic เป็นหนึ่งในทางเลือก เรามีบริการกระตุ้นคอลลาเจนใบหน้าให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Profhilo การเลเซอร์ผิว หรือการใช้เทคโนโลยียกกระชับผิว ทุกบริการเราให้คำปรึกษาและดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
ถ้าหากยังไม่มั่นใจว่าควรดูแลผิวด้วยวิธีใด สามารถติดต่อเข้ามาที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya เพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพผิวและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมแบบเคสบายเคสได้เลย ติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย!
- Collagen. (2022, May 23). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/articles/23089-collagen
- Collagen for Your Skin: Healthy or Hype?. (2020, June 15). Cedars Sinai. https://www.cedars-sinai.org/blog/collagen-supplements.html
- Collagen. (2021, May). Nutrition Source Harvard. https://nutritionsource.hsph.harvard.edu/collagen/
- Nelson, A. Collagen and Your Body: What to Know. (2024, March 13). WebMD. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/ss/slideshow-collagen-and-your-body
- Smith, A. What causes collagen loss, and what can you do about it?. (2021, June 22). Nordic https://www.nordic.com/healthy-science/boosting-skin-collagen/