มาส์กหน้า วิธีดูแลผิวง่าย ๆ ที่ทำเองได้ที่บ้าน
“มาส์กหน้า” ขั้นตอนสำคัญในการบำรุงผิวที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นแล้วยังช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวมัน หรือผิวหมองคล้ำ แต่การจะเลือกมาส์กหน้าให้เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละคนไม่ใช่เรื่องง่าย
ในบทความนี้ Better Me Clinic จะพาไปไขข้อข้องใจทุกอย่างเกี่ยวกับการมาส์กหน้า ตั้งแต่การทำความเข้าใจว่ามาส์กหน้าคืออะไร มาส์กหน้ามีประโยชน์อย่างไร มาส์กหน้ามีกี่ประเภท ไปจนถึงวิธีเลือกมาส์กหน้าให้เหมาะกับผิวและเคล็ดลับการบำรุงผิวอื่น ๆ ที่จะช่วยให้คุณมีผิวสุขภาพดีตามที่ต้องการ
การมาส์กหน้าคืออะไร?
การมาส์กหน้า คือ วิธีการบำรุงผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเข้มข้นกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป และนับเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในการบำรุงที่เพิ่มขึ้นมาจากการดูแลผิวตามปกติ มาส์กหน้ามักมีสารบำรุงผิวที่เข้มข้น เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ, สารสกัดจากธรรมชาติ หรือสารต่าง ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวเฉพาะด้าน นอกจากนี้มาส์กหน้ายังมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ทั้งแบบที่สามารถผสมขึ้นเองหรือแบบสำเร็จรูปที่สามารถนำมาใช้ได้เลย
แต่ทั้งนี้ เพื่อให้ได้มาส์กที่มีประสิทธิภาพ ก่อนซื้อที่มาส์กหน้าควรหาข้อมูลส่วนผสมและหารีวิวมาส์กหน้าที่สนใจก่อนที่ตัดสินใจซื้อ
มาส์กหน้ามีประโยชน์อย่างไร?
การมาส์กหน้ามีประโยชน์หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับประเภทของมาส์กหน้าและส่วนผสมที่ใช้ แต่โดยทั่วไปแล้ว การมาส์กหน้าจะช่วยให้บำรุงผิวอย่างล้ำลึก ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผิวใหม่ และฟื้นฟูผิวเดิมที่เสียหายให้กลับมาแข็งแรงขึ้น
โดยการมาส์กหน้ามีประโยชน์สำคัญ ดังนี้
- การมาส์กหน้าช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว โดยส่วนใหญ่แล้วมาส์กหน้ามักมีส่วนผสมของไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือกลีเซอรีน (Glycerin) ที่มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ ซึ่งการใช้มาส์กที่มีส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยตรง เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งหรือขาดน้ำ ช่วยให้ผิวดูเนียนนุ่มและอิ่มน้ำขึ้นภายในไม่กี่นาที
- การมาส์กหน้าช่วยลดการอักเสบและบรรเทาผิวแพ้ง่าย มาส์กบางประเภท โดยเฉพาะมาส์กที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้หรือคาโมมายล์ มักมีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบและบรรเทาผิวที่ระคายเคือง เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางหรือเกิดอาการแพ้จากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไป
- การมาส์กหน้าช่วยกระชับรูขุมขน เช่น มาส์กที่มีส่วนผสมของโคลนหรือถ่านชาร์โคล (Charcoal) เนื่องจากส่วนผสมนี้มีคุณสมบัติในการดูดซับสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินที่สะสมในผิว ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนลึก ทำให้เมื่อรูขุมขนสะอาดขึ้นแล้ว รูขุมขนจึงดูเล็กลง ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น
- การมาส์กหน้าช่วยลดสิวและความมัน มาส์กประเภทที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว อีกทั้งยังช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกินในผิวที่มีความมัน ทำให้ผิวอยู่ในสภาวะสมดุล ป้องกันการเกิดสิวในอนาคตได้
- การมาส์กหน้าช่วยเพิ่มความกระจ่างใสและปรับสภาพผิว มาส์กที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ไนอาซินาไมด์ หรือสารสกัดจากผลไม้ จะช่วยปรับสภาพผิวให้ดูสว่างกระจ่างใสขึ้น ลดความหมองคล้ำและจุดด่างดำ โดยหลังมาส์กเสร็จจะทำให้ผิวดูมีชีวิตชีวาและปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้น
- การมาส์กหน้าช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวที่เสียหาย มาส์กข้ามคืน (Sleeping Mask) หรือมาส์กที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) และกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) มักมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและบำรุงผิวอย่างล้ำลึก เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยร่องตื้น รวมถึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดโอกาสที่จะเกิดริ้วรอยในอนาคตได้
นอกจากนี้ มาส์กบางชนิดยังมีกลิ่นหอมจากดอกไม้หรือสมุนไพรที่ช่วยให้เกิดความรู้สึกสงบและผ่อนคลายอีกด้วย ทำให้การมาส์กหน้าไม่เพียงแต่จะช่วยบำรุงผิวเท่านั้น แต่ยังสร้างประสบการณ์การผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด และเพิ่มความสดชื่นระหว่างการดูแลผิวได้
หลังจากมาส์กหน้า ผิวจะพร้อมรับการบำรุงจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น เพราะรูขุมขนสะอาดและผิวชุ่มชื้น ทำให้ผิวสามารถดูดซึมสารบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้มาส์กที่เหมาะสมกับประเภทผิวและปัญหาผิวของแต่ละคนจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
มาส์กหน้ามีกี่ประเภท?
มาส์กหน้ามีหลายประเภทตามวัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งาน แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดยมาส์กที่เป็นที่นิยมทั่วไป ได้แก่
- แผ่นมาส์กหน้า (Sheet Mask) เป็นมาส์กหน้าประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยแผ่นมาส์กมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ทำจากผ้า ใยไหม หรือไบโอเซลลูโลส ชุ่มไปด้วยเซรั่มหรือสารบำรุงที่เข้มข้น ใช้งานได้ง่าย เพียงวางแผ่นมาส์กบนใบหน้า แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาทีโดยไม่ต้องล้างออก เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นเร่งด่วน
- มาส์กครีม (Cream Mask) มีลักษณะเป็นเนื้อครีมเข้มข้นที่นิยมใช้ในการฟื้นฟูผิวที่ต้องการการบำรุงอย่างล้ำลึก วิธีใช้คือนำมาส์กมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นก็ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยมาส์กประเภทนี้มักจะมีส่วนผสมของวิตามิน น้ำมันธรรมชาติ หรือสารที่ช่วยเติมเต็มผิว ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม และสุขภาพดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งและขาดน้ำ
- มาส์กโคลน (Clay Mask) ทำจากโคลนธรรมชาติ เช่น เบนโทไนต์หรือคาโอลิน มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน หลังใช้จะช่วยให้ผิวสะอาดขึ้น วิธีใช้คือทามาส์กโคลนบนใบหน้า ทิ้งไว้จนแห้งสนิท จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น โดยมาส์กประเภทนี้เหมาะสำหรับผิวมันหรือผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย เพราะมาส์กจะเข้าไปควบคุมความมันของผิวและลดโอกาสในการเกิดสิว
- มาส์กเจล (Gel Mask) มีลักษณะเป็นเนื้อเจลใสหรือเจลลี่ที่ให้รู้สึกเย็นสดชื่น วิธีใช้คือนำเจลมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด มาส์กเจลเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือผิวที่มีอาการระคายเคือง เพราะจะช่วยปลอบประโลมผิวและลดการอักเสบ พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า
- มาส์กผง (Powder Mask) มีลักษณะเป็นผง ก่อนใช้ต้องนำไปผสมกับน้ำหรือของเหลวอื่น ๆ ตามคำแนะนำก่อน จากนั้นนำมาส์กมานวดหน้าทิ้งไว้ประมาณ 5-20 นาทีแล้วล้างออก ซึ่งมาส์กประเภทนี้จะมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวควบคู่ไปกับการเติมเต็มความชุ่มชื้น แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง หรือกำลังมีปัญหาสิว
- มาส์กข้ามคืน (Sleeping Mask) เป็นมาส์กที่ออกแบบมาให้ทาแล้วทิ้งไว้บนใบหน้าตลอดคืนโดยไม่ต้องล้างออก มีลักษณะเป็นเนื้อครีมเข้มข้นหรือเจล วิธีใช้คือทาหลังจากขั้นตอนการบำรุงผิวตามปกติแล้วเข้านอน โดยมาส์กประเภทนี้จะเหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวในระหว่างพักผ่อน ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง และดูสุขภาพดีในตอนเช้า
- มาส์กลอกหน้า (Peel-Off Mask) เป็นมาส์กเนื้อเจลที่หลังทาเจลจะค่อย ๆ แห้งตัวจนสามารถลอกออกเป็นแผ่นได้ วิธีใช้คือทามาส์กให้ทั่วใบหน้าในปริมาณที่พอเหมาะ ทิ้งไว้จนแห้ง จากนั้นลอกออกเบา ๆ สำหรับมาส์กประเภทนี้จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิวเสี้ยน รวมถึงช่วยกระชับรูขุมขน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวผสม ผิวมัน และผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยน แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวบอบบาง เพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้
วิธีเลือกมาส์กหน้าให้เหมาะกับผิว
มาส์กหน้าแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและประโยชน์เฉพาะตัวที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่แตกต่างกัน การเลือกใช้มาส์กให้เหมาะกับผิวของแต่ละคนจะช่วยให้ผิวหน้าดูสุขภาพดี มีชีวิตชีวา และแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีการเลือกมาส์กหน้าให้เหมาะกับผิว มีดังนี้
1. ทำความเข้าใจสภาพผิวของตัวเอง
การมาส์กหน้าไม่ต่างจากการดูแลผิวทั่วไป แต่ก่อนที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตาม ควรทำความเข้าใจกับสภาพผิวของตัวเองก่อน
โดยสภาพผิวของคนเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ลักษณะ ได้แก่ ผิวปกติ ผิวแห้ง ผิวมัน และผิวผสม ซึ่งผิวแต่ละประเภทอาจมองหามาส์กที่มีลักษณะต่างกัน ดังนี้
- ผิวแห้ง (Dry Skin) คือ ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น มักมีอาการลอกเป็นขุย รู้สึกตึงผิว และมีความหมองคล้ำง่าย สูตรที่เหมาะสมคือมาส์กที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูโรนิก แอซิด, กลีเซอรีน หรือน้ำมันธรรมชาติ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเข้มข้น เช่น มาส์กครีม
- ผิวมัน (Oily Skin) คือ ผิวที่ผลิตน้ำมันส่วนเกิน มีความเงาบริเวณ T-zone และมีแนวโน้มเกิดสิวได้ง่าย สูตรที่เหมาะสำหรับผิวประเภทนี้ คือ มาส์กโคลน เพราะมาส์กจะช่วยดูดซับความมันและปรับผิวให้กลับมาอยู่ในสภาพสมดุล
- ผิวผสม (Combination Skin) คือ ผิวที่มันเฉพาะบริเวณ T-zone และแห้งในส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าแก้ม ผิวประเภทนี้ควรเลือกมาส์กที่ให้ความชุ่มชื้นแต่ไม่หนักมากจนเกินไป หรือเลือกใช้มาส์กที่แตกต่างกันให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละส่วนของใบหน้า
ส่วนคนที่มีผิวปกติสามารถเลือกใช้มาส์กได้ทุกประเภท แต่ควรเน้นไปที่การให้ความชุ่มชื้น บำรุงผิว และคงความสมดุลของน้ำมัน แต่ทั้งนี้ ก็ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้ผิวแพ้ได้ เช่น น้ำหอมหรือสีสังเคราะห์
2. ระบุปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
โดยทั่วไปแล้ว การมาส์กหน้ามักจะแนะนำให้เลือกสูตรมาส์กโดยอิงจากสภาพผิวหน้าของตัวเองเป็นหลัก เพื่อปรับสภาพผิวให้อยู่ในสภาวะสมดุล จากนั้นจึงสังเกตว่าตัวเองมีปัญหาผิวอื่น ๆ ที่ต้องการแก้ไขหรือไม่ เพื่อพิจารณาถึงส่วนประกอบในมาส์กต่อไป โดยปัญหาผิวที่พบได้บ่อย ๆ มีดังนี้
- ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ และรอยสิว ควรเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) หรือสารสกัดจากผลไม้ เช่น มะนาวหรือมะละกอ เพื่อช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้หน้ากระจ่างใส จุดด่างดำดูจางลง
- ปัญหาริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย ควรเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เปปไทด์ หรือเรตินอล เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เพิ่มความยืดหยุ่นและลดเลือนริ้วรอย
- ปัญหาสิวและรูขุมขนกว้าง ควรใช้มาส์กที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ซิงค์ (Zinc) หรือถ่านชาร์โคล (Charcoal) ซึ่งจะช่วยซึมซับความมันและลดการอุดตันในรูขุมขนได้
แนะนำสูตรมาส์กหน้า
นอกจากผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าแบบสำเร็จรูป เรายังสามารถมาส์กหน้าด้วยวัตถุดิบธรรมชาติได้ด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิวและสามารถเลือกสูตรได้ตามใจชอบด้วย สำหรับคนที่ต้องการลองทำมาส์กหน้าด้วยตัวเอง Better Me Clinic ขอแนะนำ 5 สูตรนี้
- สูตรมาส์กหน้าเพิ่มความชุ่มชื้น (Hydrating Mask) สามารถทำได้โดยการผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ โยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชาเข้าด้วยกัน จากนั้นทาให้ทั่วใบหน้า แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหน้านุ่มและเรียบเนียนขึ้น
- สูตรมาส์กหน้าลดสิวและความมัน (Anti-Acne Mask) ทำได้โดยผสมผงถ่านชาร์โคล 1 ช้อนชา น้ำมันทีทรี 2-3 หยด ดินสอพอง 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำสะอาดตามความเหมาะสมเข้าด้วยกัน คนให้เนื้อมาส์กมีลักษณะเป็นโคลนข้น จากนั้นทามาส์กลงบนใบหน้าโดยเน้นบริเวณที่ผิวมันมาก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้จะช่วยควบคุมความมันและทำความสะอาดรูขุมขนได้
- สูตรมาส์กหน้าลดเลือนจุดด่างดำ (Brightening Mask) สามารถทำได้โดยผสมน้ำมะเขือเทศสด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และข้าวโอ๊ตบด 1 ช้อนโต๊ะเข้าด้วยกัน จากนั้นนำมาทาบนใบหน้าและนวดเบา ๆ ทิ้งไว้ 15-20 นาที พอครบเวลาแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำเย็น สูตรนี้จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดจุดด่างดำ เพิ่มความกระจ่างใส และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกันมากขึ้น
- สูตรมาส์กหน้าเพิ่มความยืดหยุ่น (Anti-Aging Mask) สามารถทำได้โดยการนำอะโวคาโดบด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันอัลมอนด์ 1 ช้อนชา และไข่ขาว 1 ฟอง มาผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ทามาส์ก ลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น กระชับผิว และลดเลือนริ้วรอยได้
- สูตรมาส์กหน้าปลอบประโลมผิว (Soothing Mask) สามารถทำได้โดยการผสมเจลว่านหางจระเข้ 2 ช้อนโต๊ะ แตงกวาบดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำกุหลาบ 1 ช้อนชาเข้าด้วยกัน จากนั้นนำมาพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น สูตรนี้จะช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และให้ความเย็นสดชื่น
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ถ้ามีอาการแพ้หรือระคายเคืองควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ผิวหนังทันที
มาส์กหน้าบ่อยแค่ไหนถึงจะดี?
โดยทั่วไปแล้ว การมาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ถือว่าเพียงพอสำหรับการบำรุงผิวแล้ว แต่ในบางกรณีอาจควรมาส์กหน้ามากหรือน้อยขึ้นเป็นพิเศษ เช่น คนที่มีผิวแห้งมาก อาจเพิ่มความถี่ในการมาส์กหน้าเป็น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือคนที่ผิวแพ้ง่าย ควรมาส์กหน้าเพียงสัปดาห์ละครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง
ส่วนคนที่ใช้มาส์กหน้าที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว เช่น มีส่วนประกอบของ AHA หรือ BHA ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและไม่ควรใช้บ่อยเกินไป เนื่องจากสารเหล่านี้มีความเข้มข้นและอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้หากใช้บ่อย
นอกจากการมาส์กหน้า มีวิธีไหนบ้างที่ช่วยบำรุงผิวอย่างรวดเร็ว?
นอกจากการมาส์กหน้าแล้ว การดูแลผิวด้วยหัตถการทางการแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรงขึ้นได้อีกครั้ง โดยหัตถการกู้ผิวใสที่ Better Me Clinic แนะนำ มีดังนี้
- โปรแกรมทรีตเมนต์ เป็นการเติมสารอาหารให้กับผิวหน้าโดยตรงผ่านเทคนิคต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการ โดยที่ Better Me Clinic มีโปรแกรม Golden Treatment ทรีตเมนต์ที่มีส่วนผสมของทองคำ มีคุณสมบัติสำคัญในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิว ตอบโจทย์สำหรับทุกสภาพผิว
- การผลัดเซลล์ผิว เป็นวิธีที่การกำจัดเซลล์ผิวเก่าและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้น โดยการใช้สารเคมีที่ความอ่อนโยนเข้าไปช่วยปรับสภาพผิว ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส รอยดำดูจางลง โดยที่ Better Me Clinic เรามีโปรแกรม Scar Peeling ที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหารอยแดง รอยดำ แผลเป็นจากสิว รวมทั้งยังช่วยลดรอยแตกลายบริเวณตามร่างกายได้อีกด้วย
สรุปเกี่ยวกับการมาส์กหน้า
การมาส์กหน้า เป็นวิธีบำรุงผิวอย่างล้ำลึกที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันมาส์กหน้ามีหลายประเภท เช่น มาส์กแผ่น, มาส์กโคลน, มาส์กผลัดเซลล์ผิว และมาส์กข้ามคืน ควรเลือกใช้มาส์กที่เหมาะกับสภาพผิวและใช้เป็นประจำต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
หากยังไม่มั่นใจว่าควรเลือกบำรุงผิวหน้าด้วยวิธีใด สามารถติดต่อเข้ามาที่ Better Me Clinic by Dr. Chanya เพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพผิวและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมแบบเคสบายเคสได้ หากสนใจ สามารถติดต่อนัดหมายได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-059-8118, 088-603-2641 หรือไลน์ @bettermeclinic ปรึกษาคุณหมอฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับรองว่าคุณจะมีผิวสวย ๆ กลับบ้านไปอย่างแน่นอน
- Rati, M. How to Choose a Facial Mask. (2021, July 23). WebMD. https://www.webmd.com/beauty/features/how-to-choose-facial-mask
- Do Face Masks Really Work? The “Magic” Behind Face Masks. (2020, March 2). Penn Medicine. https://www.pennmedicine.org/updates/blogs/health-and-wellness/2020/march/the-magic-behind-face-masks
- ‘มาส์ก’ มีกี่ประเภท และต่างกันอย่าง (2565, มิถุนายน 18). ADL.
- https://ald.co.th/มาส์ก-มีกี่ประเภท-และต่/
- มาส์กหน้า ทางเลือกบำรุงผิวอย่างล้ำลึก (2567, พฤศจิกายน 25). HDmall. https://hdmall.co.th/blog/beauty/beauty-face-mask/
- มาสก์หน้าทุกวันดีไหม? มาสก์หน้าอย่างไรให้ได้ประโยชน์ และเห็นผลเร็ว. Bioderma. https://www.bioderma.co.th/your-skin/dehydrated-sensitive-skin/facial-mask-every-day
- มาส์กหน้าตอนไหนดี เคล็ดลับฟื้นฟูผิวเรียบเนียนยกกระชับ. Eucerin. https://www.eucerin.co.th/about-skin/basic-skin-knowledge/facial-mask